ยูเอ็น เผย ไอเอส สุดเหี้ยม ใช้เด็กพิการทางสมอง เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย

ยูเอ็น เผย ไอเอส สุดเหี้ยม ใช้เด็กพิการทางสมอง เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย

จากรายงานของดิอินดิเพนเดนท์ ผู้เชี่ยวชาญขององค์การสหประชาชาติเผย นักรบไอเอสใช้เด็ก รวมถึงเด็กที่มีความพิการทางสมองเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายและโล่มนุษย์ โดยที่เด็กๆหลายคนไม่ได้รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


ไอเอสขายเด็กๆที่ลักพาตัวมาเป็นทาสบำเรอกาม และบางส่วนถูกฆ่าทิ้ง ซึ่งบางรายถูกตรึงกับกางเขน บางรายถูกฝังทั้งเป็น โดยเด็กๆจากกลุ่มชนกลุ่มน้อยคือกลุ่มที่ถูกกระทำมากที่สุด

เรเน็ต วินเทอร์ ผู้เชี่ยวชาญและสมาชิกคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งองค์การสหประชาชาติกล่าวกับรอยเตอร์สว่า "เราได้รับรายงานว่าเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาสุขภาพจิต ถูกใช้เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย โดยพวกเขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไร"

"มีวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต แสดงให้เห็นว่าเด็กๆตั้งแต่อายุ 8 ปี ถูกนำมาฝึกและใช้เป็นทหารเด็ก"

"มันเป็นปัญหาใหญ่มาก เราเป็นกังวลมากๆกับการทารุณและสังหารเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กๆจากกลุ่มชนกลุ่มน้อย แต่เด็กๆที่ถูกกระทำก็มิได้มีแต่ชนกลุ่มน้อยเท่านั้น"

รายงานฉบับนี้เป็นรายงานสภาพความเป็นอยู่ของเด็กๆในอิรัคเป็นฉบับแรกนับแต่ปี 1998 ซึ่งเนื้อหาของรายงานทำให้หลายคนต้องตกใจ "การฆ่าเด็กๆอย่างเป็นระบบของไอเอส ตามกลุ่มลัทธิศาสนา และเชื้อชาติของชนกลุ่มน้อย รวมถึงการสังหารหมู่เด็กผู้ชาย ด้วยการตัดหัว ตรึงกางเขน และฝังทั้งเป็น"

ในรายงานยังกล่าวว่า เด็กจำนวนมากเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตีทางอากาศ หรือวัตถุระเบิดโดยกองทัพอิรัค นอกจากนี้หลายคนต้องเสียชีวิตจากการขาดน้ำ ขาดอาหาร และความร้อน กลุ่มไอเอสยังลักพาตัวเด็กและใช้พวกเขาเป็นเครื่องสนองตัณหาทางเพศ

ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้รัฐบาลอิรัคช่วยเหลือเด็กๆออกจากพื้นที่ควบคุมของกลุ่มไอเอส และนำตัวผู้กระทำการขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเองยอมรับว่าศักยภาพของกองทัพอิรัคยังไม่อาจต่อกรกับฝ่ายไอเอสได้

นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังตำหนิกองทัพอิรัคในการใช้อำนาจโดยมิชอบหลายประการ ทั้งการใช้เด็กเป็นเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจของรัฐ และการดูแลเด็กๆที่ถูกกล่าวหาในคดีก่อการร้ายด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม

รายงานฉบับนี้ยังประณามการฆ่าเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของครอบครัว (honour killing: เป็นกรณีที่คนในครอบครัวสังหารสมาชิกในครอบครัวที่ถูกกล่าวหาว่านำ "ความอับอาย" มาให้ครอบครัว เช่นกรณีที่ผู้ถูกสังหารปฏิเสธการแต่งงาน, การร่วมเพศนอกสมรส หรือมีสัมพันธ์โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากครอบครัว) รวมทั้งการบังคับแต่งงานในเด็กผู้หญิงซึ่งบางรายอายุเพียง 11 ปี และคณะกรรมการยังคัดค้านกฎหมายที่ยอมให้คนร้ายคดีข่มขืนพ้นผิดได้หากคนร้ายสมรสกับเหยื่อ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์