3 ชาติยึดมั่นการทูตหย่าศึกโสมแดง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ว่า หลังการหารือระดับรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐที่กรุงโซล นายจอห์น ซุลลิแวน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ทั้งสามชาติพันมิตรยังยึดมั่นในพันธกรณีของแนวทางการทูต ซึ่งรวมถึงการสร้างความกดดันและมาตรการคว่ำบาตร โดยมีเป้าหมายเบื้องต้นของการแก้ปัญหาโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือเป็นสำคัญ แต่รัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังเลือกที่จะพิจารณาทุกประเด็นในการแก้ปัญหา เพราะระบอบการปกครองเกาหลีเหนือทำอะไรไม่คาดคิดและไม่โปร่งใส กล่าวคือ ชาติพันธมิตรต้องเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น

รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐกล่าวอีกว่า เป้าหมายสำคัญของชาติพันธมิตรคือการสร้างความกดดันเพื่อนำเกาหลีเหนือสู่โต๊ะเจรจาโดยไม่มีการตั้งเงื่อนไขใดๆ เพื่อที่จะให้ได้บรรลุถึงเป้าหมายสำคัญคือ การทำให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดนิวเคลียร์

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายคิม อิน รยอง อัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ แถลงที่องค์การสหประชาชาติว่า เกาหลีเหนือมีแผนที่จะส่งดาวเทียมอีก แต่โลกภายนอกกลับมองว่า เป็นการปกปิดการทดลองเทคโนโลยีขีปนาวุธ

ขณะที่นางฮิลลารี คลินตัน อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตกล่าวว่า ความหยิ่งทะนงที่ได้ข่มขู่ว่าจะเริ่มเปิดฉากสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี ถือเป็นอันตรายยิ่งและคิดอะไรตื้นๆ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐหาทางนำทุกฝ่ายมาสู่โต๊ะเจรจา ขณะเดียวกันจีนก็ควรจะแสดงบทบาทนำในการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรกับเกาหลีเหนือ เพื่อหาทางยับยั้งโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธ...