พบกระดูกมนุษย์อายุ 5 พันปี ชงผู้ว่าฯกระบี่สั่งระงับระเบิดหินนาเขาไฟไหม้

ผู้ว่าฯ กระบี่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเทือกเขานาเขาไฟไหม้ หลังสภาวัฒนธรรมกระบี่ประสานเบรกสัมปทานระเบิดย่อยหิน แหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ เมืองบันไทยสมอ หนึ่งในอาณาจักรเมืองสิบสองนักษัตร อายุ 5,000 ปี

กรณีชาวบ้านหมู่ 2 ต.ทับปริก อ.เมือง และในเขตเทศบาลเมืองกระบี่กว่า 300 คน ได้ออกมาคัดค้านขอให้มีการยกเลิกสัมปทานระเบิดย่อยหิน เทือกเขานาเขาไฟไหม้ หมู่ 2 ต.ทับปริก เมื่อปี 2540 โดยปัจจุบันได้ดำเนินการระเบิดหินไปแล้ว 50% ต่อมามีเอกชนรายหนึ่ง วิ่งเต้นขอสัมปทานระเบิดย่อยหิน บริเวณเดียวกันจนได้รับอนุญาตอีก ซึ่งขณะนี้กำลังรอใบอนุญาตระเบิดไดนาไมต์จากกระทรวงกลาโหมอยู่

นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร กรรมการสภาวัฒนธรรม จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ตนได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านให้ยื่นหนังสือเสนอต่อนายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กรณีการคัดค้านการระเบิดหินเทือกเขานาเขาไฟไหม้ เนื่องจากเชื่อว่าบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญของ จ.กระบี่ ทั้งนี้เมื่อปลายปี 2545 ถึงต้นปี 2546 มีพระมหาอิทธิพล เข้าไปปรับปรุงพื้นที่บริเวณเชิงเขาเทือกเขานาเขาไฟไหม้ เพื่อจะทำเป็นสำนักสงฆ์ และได้มีการขุดถ้ำเพื่อขยายพื้นที่ขนาดความกว้างประมาณ 3 เมตร ยาว 4 เมตร และขุดลึกประมาณ 2.5-3 เมตร ไว้สำหรับวางพระพุทธรูป

ระหว่างดำเนินการนั้น ปรากฏว่า ครั้งแรกพบโครงกระดูกมนุษย์ทั้งหมด 3 โครง อยู่ที่บริเวณปากถ้ำ และต่อมาได้ขุดพบอีก 7 โครง ซึ่งแต่ละโครงกระดูกนั้นจะมีก้อนหินลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมขนาด 1 ลูกบาศก์ฟุต วางทับอยู่ที่บริเวณหน้าอก แต่เป็นที่น่าเสียดายเมื่อทราบภายหลังว่า พระมหาอิทธิพลได้เผาโครงกระดูกทั้งหมดไปแล้ว และนำเศษเถ้ากระดูกไปเก็บใส่สถูปที่บริเวณหน้าถ้ำ โดยไม่มีการตรวจสอบพิสูจน์ว่าเป็นโครงกระดูกมนุษย์ในยุคใด

นอกจากนี้ยังขุดพบชิ้นส่วนของขวานหินเก่าและใหม่ กำไลหิน หม้อสามขา หม้อลายเชือกทาบ เป็นต้น โดยนักโบราณคดีสันนิษฐานอายุของชิ้นส่วนที่ขุดพบเทียบเคียงกับที่เคยขุดพบในพื้นที่ต่างๆ ของ จ.กระบี่ น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 5,000 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทือกเขานาเขาไฟไหม้นี้ เป็นเทือกเขาที่ต่อเนื่องกับถ้ำหลังโรงเรียนทับปริก ซึ่งมีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุประมาณ 47,000 ปี

นายนิวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้สรุปได้ว่า บริเวณเทือกเขานาเขาไฟไหม้ น่าจะเป็นชุมชนโบราณแห่งหนึ่งของ จ.กระบี่ จึงควรจะได้พิสูจน์ตรวจสอบอย่างเป็นทางการ อีกทั้งนักโบราณคดียังสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเมืองบันไทยสมอ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในอาณาจักรเมืองสิบสองนักษัตร ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ จ.กระบี่ บริเวณบ้านไสไทย หรือบ้านในสระ แต่ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดว่าเป็นสถานที่ใด

"บริเวณเทือกเขานาเขาไฟไหม้แห่งนี้ อาจจะเป็นเมืองบันไทยสมอ ที่นักโบราณคดีกำลังสืบค้นหาอยู่ก็เป็นไปได้ เพราะอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน หากเป็นเช่นนั้นจริง จะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่และมีคุณค่าต่อประวัติศาสตร์ไทยอย่างยิ่ง" นายนิวัฒน์ กล่าว

กรรมการสภาวัฒนธรรม จ.กระบี่ กล่าวต่ออีกว่า จากลักษณะการขุดโครงกระดูกมนุษย์แต่ละโครง ที่มีก้อนหินสี่เหลี่ยมขนาด 1 ลูกบาศก์ฟุตวางทับอยู่บนหน้าอก นักโบราณคดีสันนิษฐานให้ความเห็นถึงความเป็นชุมชนหนึ่งในอดีต และแสดงให้เห็นถึงความเชื่อในเรื่องของการสะกดวิญญาณ หรืออาจเป็นวิธีการหนึ่งที่ป้องกันไม่ให้สัตว์ป่ามาขุดคุ้ยคาบศพไปแทะกิน ซึ่งจะต้องมีการสืบค้นกันต่อไป

นายนิวัฒน์ เปิดเผยอีกว่า ดร.ดักลาส ดี.แอนเดอร์สัน ผู้ขุดพบเจอโครงกระดูกมนุษย์โบราณบริเวณในถ้ำหลังโรงเรียนบ้านทับปริก เคยเดินทางเข้าไปตรวจสอบบริเวณเทือกเขานาเขาไฟไหม้ เมื่อปลายปี 2546 ได้ให้ข้อสังเกตว่า ตั้งแต่เทือกเขานาเขาไฟไหม้ติดต่อไปทางทิศเหนือ ยังมีถ้ำอีกหลายถ้ำ และบริเวณเพิงผาตลอดแนวของหุบเขา มีจุดที่น่าสนใจในการค้นคว้าทางโบราณคดีอย่างยิ่ง ควรจะได้มีการสำรวจอย่างเป็นระบบครั้งใหญ่ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีทางประวัติศาสตร์อีกจำนวนมาก จากเทือกเขานาเขาไฟไหม้ โดยเฉพาะสายพันธุ์มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์

หากเทือกเขานาเขาไฟไหม้ต้องถูกทำลายโดยการระเบิดย่อยหินขายไปจนหมดสิ้น จะทำให้แหล่งต้นน้ำสูญเสียไป แหล่งมนุษย์โบราณ แหล่งประวัติศาสตร์ และแหล่งพันธุ์พืชนานาชนิด มีอันต้องหายไปจากท้องถิ่นแห่งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย โดยกลุ่มผลประโยชน์ของคนไม่กี่คน ประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มค่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้น หากสามารถยกเลิกสัมปทานระเบิดย่อยหินบริเวณนี้ได้ นับเป็นคุณต่อแผ่นดินกระบี่อย่างยิ่ง จึงขอเสนอให้ทางจังหวัดพิจารณายกเลิกสัมปทานระเบิดย่อยหิน นายนิวัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ยื่นหนังสือดังกล่าวต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่แล้ว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มีหนังสือไปยังนายวิสุทธิ์ อนันตพงศ์ นายอำเภอเมืองกระบี่ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที ซึ่งตนได้รับหนังสือจากนายอำเภอเมืองกระบี่ แต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยมีนายเมียน ชูกลิ่น ปลัดอำเภอเมืองกระบี่ ผู้ประสานงานประจำตำบลทับปริก เป็นประธานกรรมการ โดยมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียนดังกล่าวว่า

คือ 1.พื้นที่ดังกล่าวมีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณจริงหรือไม่อย่างไร 2.การให้สัมปทานระเบิดหินมีผลกระทบต่อการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณหรือไม่อย่างไร 3.จากการอนุญาตให้สัมปทานการระเบิดย่อยหิน มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงหรือไม่ 4.รายงานผลการตรวจสอบ พร้อมด้วยหลักฐานและเอกสารต่างๆ ให้ทราบ

เป็นที่น่ายินดี เมื่อเร็วๆ นี้คุณอาทิตย์ ละเอียดดี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ มีหนังสือเชิญพร้อมด้วยคณะกรรมการ เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวในวันที่ 5 กันยายน 2549 เวลา 10.00 น. นายนิวัฒน์ กล่าว

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก