บุกร้านทองกวาด2ล้าน6

เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 3 ธ.ค. ร.ต.อ.ประวัติ คชรัตน์ ร้อยเวร สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งมีคนร้ายบุกจี้ร้านทองชื่อห้างทองเพชรสุวรรณ

เลขที่ 140 ถนนชนเกษม ต.ตลาด จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ. พรศักดิ์ นวนหนู ผกก. พ.ต.ท.บัญชา เดชมณี รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.พยุงศักดิ์ สุรินทร์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ชัญญวิทย์ ศรีจรูญ สวป. พ.ต.ต.โยธิน สิทธิโยธี สว.สป. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน วท.เขต 42


ร้านดังกล่าวเป็นตึกแถวสองชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานี ตรงข้ามโรงแรมเซาท์เทิร์น สตาร์


หน้าร้านเป็นประตูกระจกธรรมดาไม่ใช่ประตูไฟฟ้าและไม่มีลูกกรงเหล็กดัดกั้น น.ส.มุกดา จิรวัฒนพิทักษ์ อายุ 44 ปี เจ้าของร้านยืนรออยู่ให้การด้วยสีหน้าตื่นตกใจว่า ขณะอยู่ภายในร้านเพียงลำพัง มีชายอายุประมาณ 28-30 ปี สูงราว 170 เซนติเมตร ไว้ผมยาวประบ่า แต่รวบผูกไว้ด้านหลัง สวมหมวกแก๊ปสีขาว ใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นลายพรางทหาร สะพายกระเป๋าสีเทาเดินเข้ามา
คนร้ายมายืนหน้าเคาน์เตอร์ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบถุงสีแดง สำหรับใส่ตลับสร้อยคอทองคำออกมาวางบนเคาน์เตอร์กระจก ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นลูกค้าที่จะนำทองมาขายหรือจำนำ ขณะจะตรวจสอบทองในตลับ คนร้ายล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าอีกครั้งหยิบปืนพกสั้นออกมาจี้ที่ศีรษะตนพร้อมพูดสำเนียงแบบคนใต้ ว่านี่คือการปล้น และเดินอ้อมเข้ามาด้านหลังเคาน์เตอร์ที่ตนยืนอยู่ บังคับให้เปิดกระจกตู้โชว์สร้อยคอทองคำที่ผนังด้านหลัง ด้วยความกลัวต้องยอมทำตาม

น.ส.มุกดาให้การต่อไปว่า คนร้ายใช้มือรวบสร้อยทองรูปพรรณไปทั้งหมด 3 ถาด น้ำหนักรวม 200 บาท ราคาบาทละ 13,050 บาท คิดเป็นราคาขายประมาณ 2,610,000 บาท


จากนั้นวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีส้ม ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ที่จอดอยู่หน้าร้านขับหลบหนีไป ส่วนตลับใส่ทองที่คนร้ายทิ้งไว้เมื่อเปิดดูมีสร้อยข้อมือปลอมหนักครึ่งสลึงครึ่งเส้น และหมากสำหรับกินกับพลู 1 ชิ้น เปลือกหมาก 1 ชิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะเดียวกันตรวจภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของร้าน แต่ไม่ได้บันทึกไว้ เพราะเครื่องขัดข้อง จึงขอความร่วมมือจากร้านสะดวกซื้อซึ่งตั้งอยู่เยื้องกับร้านที่เกิดเหตุและติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ด้านหน้าร้าน แต่ไม่ ชัดเจนเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม จะพยายามติดตามหาตัวคนร้ายต่อไป สำหรับร้านทองแห่งนี้เมื่อปีที่ผ่านมาเคยถูกวิ่งราวสร้อยคอทองคำมาแล้ว ยังจับคนร้ายไม่ได้และมาเกิดเหตุซ้ำอีก

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์