กรมทรัพย์ตรวจ-อุกกาบาตถล่มบ้าน

นักวิชาการ ม.นเรศวร รุดตรวจสอบก้อนหินลึกลับตกจากฟ้าใส่หลังคา มีลักษณะใกล้เคียงกับอุกกาบาตชนิดผสมโลหะ

มีส่วนลาวา ชนิดบะซอลต์ที่พบได้ทั่วไป แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจน ต้องนำไปตรวจสอบที่ ม.เชียงใหม่ มีเครื่องมือพร้อม ขณะที่เจ้าของยินดีให้นำไปตรวจสอบ เพราะอยากรู้ข้อเท็จจริงเช่นกัน แต่เสร็จแล้วต้องคืน โผล่อีกรายที่พิษณุโลก พระครูนำก้อนหินสีดำ ที่ญาติโยมนำมาถวาย ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจ พบใกล้เคียงกับของจริง เป็นเกล็ดแก้วใส่ เป็นหลุมบ่อ ผิวไม่เรียบ อาจเกิดจากเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ ด้านกรมทรัพยากรธรณีส่งเจ้าหน้าที่รุดตรวจ ดูในเบื้องต้นจากภาพถ่าย แตกต่างจากของจริงที่เก็บไว้

จากเหตุการณ์ก้อนหินสีดำตกใส่หลังคาบ้านเลขที่ 357/2 ภายในชุมชนดีอินทร์พัฒนา ซอย 1/1 ถนนมหานุภาพ เขตเทศบาลนครพิษณุโลก จ.พิษณุโลก

ของนายสมศักดิ์ สุขะวัฒนะ อายุ 44 ปี เสียงดังเหมือนระเบิดจนหลังคาทะลุ เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา จนสร้างความแตกตื่นไปทั่ว โดยชาวบ้านแห่มาดูต้องพากันสงสัยว่า อาจเป็นก้อนอุกกาบาตจากนอกโลก ขณะเดียวกัน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านดารา ศาสตร์ ตรวจสอบในเบื้องต้นจากภาพถ่ายก้อนหินดังกล่าว ก็คาดว่าอาจเป็นอุกกาบาต แต่เพื่อความแน่ชัด จะต้องตรวจสอบจากก้อนหินของจริง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 25 พ.ค. รศ.ดร.ชยันต์ บุญรักษ์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่

เดินทางไปยังบ้านของนายสมศักดิ์ สุขะวัฒนะ เพื่อตรวจสอบจุดที่พบก้อนหินสีดำลึกลับที่ตกจากฟ้าใส่หลังคาบ้าน โดย รศ.ดร.ชยันต์ ตรวจ บริเวณรอยทะลุสังกะสี พบมีคราบสีดำเหมือนรอยไหม้ติดอยู่ จากนั้นชั่งน้ำหนักของก้อนหิน พบว่ามีน้ำหนัก 164.35 กรัม วัดปริมาตรด้วยน้ำได้ 48 ซีซี วัดมวลได้ 3.442 กรัมต่อซีซี และยังพบว่าหินยังสามารถดูดซับน้ำได้ แต่พอยกขึ้นจากน้ำจะแห้งอย่างรวดเร็ว

รศ.ดร.ชยันต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นจุดที่ตกกระทบเป็นแผ่นสังกะสีซ้อนกัน 2 ชั้นยังทะลุได้ และมีลักษณะรูเข้าเล็ก รูออกใหญ่ เป็นรอยฉีกชัดเจน

ถือว่ามีความแรงสูงในการตก ส่วนการตรวจสอบน้ำหนักและปริมาตร เมื่อเทียบกับข้อมูลหินอุกกาบาตที่ปรากฏ จะใกล้เคียงกับอุกกาบาตชนิดหินผสมโลหะ อย่างไรก็ตาม จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง จึงจะยืนยันได้ว่าเป็นอุกกาบาตจริงหรือไม่ และเป็นชนิดไหน มีส่วนประกอบด้วยแร่หรือหินชนิดใดบ้าง ในเบื้องต้นได้ประสานกับเจ้าของก้อนหินว่า อาจจะต้องนำไปตรวจสอบอีกครั้งที่ภาควิชาเคมีและฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นการตรวจวัดความแวววาว ว่ามีแร่ชนิดใดผสมอยู่บ้าง รวมถึงอาจจะต้องส่งไปตรวจสอบที่ภาควิชาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีเครื่องมือพร้อมกว่า

ด้าน รศ.ดร.กิจการ พรหมมา อาจารย์ประจำภาควิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา กล่าวว่า หินที่ตกใส่บ้านของนายสมศักดิ์ แตกต่างจากอุกกาบาตที่พบในประเทศไทย

กรณีนี้อาจจะเป็นหินที่มีแร่เหล็กปะปนอยู่ จากลักษณะภายนอกยังไม่กล้าสรุปว่าเป็นอุกกาบาตชนิดใดจริงหรือไม่ เพราะเท่าที่ตรวจสอบในเบื้องต้น หินอาจจะมีส่วนผสมของหินที่พบได้ในโลกมนุษย์ คือหินลาวา ชนิดบะซอลต์ และมีแร่ที่ให้แสงแวววาวปะปนอยู่ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เนื่องจากลักษณะก้อนหินมีร่องรอยการเสียดสีของอากาศ และการหลอมละลายด้วยความร้อนสูง หากผลพิสูจน์ชี้ชัดว่าเป็นอุกกาบาตจริง ถือว่าเป็นข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อวงการดาราศาสตร์ของไทยอย่างมาก

ส่วน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยินดีให้ความร่วมมือกับทางนักวิชาการ และเจ้าหน้าที่ในการพิสูจน์ เพราะอยากจะรู้ข้อเท็จจริงเช่นกัน หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ตัด หรือเฉือนก้อนหิน และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการพิสูจน์แล้ว จะขอนำมาเก็บไว้ที่บ้านให้ลูกหลานดู และจะไม่ขายอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะให้ราคาสูงเท่าไรก็ตาม

ก่อนหน้านี้ ในเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีพระที่วัดบึงกระดาน อ.เมือง จ.พิษณุโลก เก็บก้อนหินประหลาด โดยอ้างว่าตกมาจากฟ้าด้วยเช่นกัน

จึงเดินทางไปตรวจสอบและทราบว่า พระที่เก็บได้คือ พระครูเกษมวาปีพิสัย เจ้าอาวาสวัดบึงกระดาน และขณะนี้นำก้อนหินไปที่วัดราชบูรณะ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อไปถึงพบพระครูเกษมวาปีพิสัย นั่งคุยอยู่กับพระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ พร้อมทั้งนำก้อนหินมาให้ดู มีลักษณะเป็นสีดำ เงา ผิวด้านนอกไม่เรียบเป็นหลุมเป็นบ่อ มีน้ำหนักมากกว่าหินทั่วไป มีขนาดกว้างประมาณ 2.5 เซนติเมตร ยาว 4 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 80 กรัม

ต่อมาพระครูเกษมวาปีพิสัย และพระครูสิทธิธรรมวิภัช นำก้อนหินไปที่บ้านพักของนายสม ศักดิ์ เพื่อนำไปให้ รศ.ดร.ชยันต์ ตรวจสอบ

โดยรศ.ดร.ชยันต์ ระบุว่า น่าเป็นหินอุกกาบาต พร้อมทั้งนำมาเปรียบเทียบกับอุกกาบาตของ รศ.ดร. ชยันต์ เก็บเอาไว้ มีลักษณะเป็นเกล็ดแก้วใสเป็นหลุมเป็นบ่อ ผิวไม่เรียบ เนื่องจากเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ เจ้าอาวาสวัดบึงกระดาน กล่าวถึงที่มาของก้อนหินว่า เก็บเอาไว้นานแล้ว มีชาวบ้านคนหนึ่งนำมาถวาย ช่วงที่อาตมากำลังจะสร้างวัตถุมงคล ต้องการจะให้นำบดเป็นมวลสาร แต่ปรากฏว่าไม่สามารถบดได้ จึงตัดสินใจเก็บเอาไว้ ตอนแรกก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นอุกกาบาต เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน กระทั่งมีข่าวจึงนำมาให้ตรวจสอบ และเป็นหินอุกกาบาตจริง อาตมาจะเก็บเอาไว้

วันเดียวกัน นายวรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงก้อนหินตกใส่หลังคาบ้านว่า จากภาพในหนังสือ พิมพ์ยังไม่ชัดนัก

จึงยังไม่แน่ใจว่าเป็นอุกกาบาตจริงหรือไม่ การพิสูจน์ก้อนหินต่างๆ จำเป็นจะต้องหยิบมาดู สัมผัส หรืออาจจะต้องส่องกล้อง อย่างไรก็ตาม วัตถุที่เห็นว่าเป็นสีดำเรียบนั้น แตกต่างจากหินอุกกาบาตที่กรมทรัพยากรธรณีเก็บไว้ เป็นอุกกาบาต 2 ชนิด คือ อุกกาบาตชนิดเท็ก ไทด์ ตกลงสู่พื้นโลกเมื่อประมาณ 700,000 แสนกว่าปีมาแล้ว ในเขตประเทศลาว และทำให้มีเศษอุกกาบาตพบมากอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วไปในภาคอีสาน อุกกาบาตนี้จะมีลักษณะเป็นเนื้อแก้ว

ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา กล่าวต่อว่า อีกชนิดหนึ่งคือ อุกกาบาตที่ตกที่บ้านร่องดู่ ต.ลานป่า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะมีลักษณะเป็นโลหะ มีประกายเงา โลหะนิเกิล

ซึ่งอุกกาบาตทั้ง 2 ชนิดนี้ เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของกรมทรัพยา กรธรณี เพื่อเป็นตัวอย่างในการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการ ส่วนกรณีก้อนหินตกใส่บ้านใน จ.พิษณุ โลก ทางกรมทรัพยากรธรณี จะส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมตรวจสอบด้วย เพื่อเป็นการเก็บข้อมูล ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพบว่าเป็นอุกกาบาตจริง จะต้องนำมาเก็บไว้ที่กรมทรัพยากรธรณีหรือไม่ นายวรวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีกฎหมายเฉพาะระบุถึงสิทธิ์ของอุกกาบาต ว่าจะต้องเป็นของกรมทรัพยากรธรณี ไม่เหมือนกับซากดึกดำบรรพ์ ที่หากผู้ใดพบ จะต้องแจ้งให้กรมทรัพยากรธรณี ทราบตามกฎหมาย เพื่อตรวจสอบคุณค่าทางวิชาการ และหากพบว่ามีคุณค่า กรมทรัพยากรธรณีจะขอนำมาเก็บไว้ โดยจะจ่ายชดเชยมูลค่าให้ตามที่ควร


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์