พบดญ.ประหลาด ใส่หมวกไม่ถอด หลานตลกโชเล่ย์

ตลกดัง "โชเล่ย์ ดอกกระโดน" วอนช่วยเหลือหลานสาว 11 ขวบ พฤติกรรมสุดแปลก สวมหมวกตลอดเวลา หวงหมวกยิ่งกว่าชีวิต นั่งรถลมพัดหมวกปลิว ยังกระโดดลงมาเก็บ เผยสาเหตุโดนบังคับตัดผมช่วงอนุบาลก่อน เข้า ป.1 ส่งผลต่อจิตใจรุนแรง

เรื่องราวของพฤติกรรมสุดแปลกประหลาดของเด็กหญิงอายุ 11 ขวบที่ไม่ค่อยพบเห็นในสังคมรายนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากนายนิรัญ ช้างกลาง หรือ "โชเล่ย์ ดอกกระโดน" ดาวตลกชื่อดัง อายุ 52 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 145/9 หมู่บ้านพรรณรัศมิ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 4 อ.สามพราน จ.นครปฐม และ น.ส.ประภาศรี คำนวญจิตร ผอ.โรงเรียนเทศบาลวัดศรีทวี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้เป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือ ด.ญ.เกษราภรณ์ ขุนพิทักษ์ หรือน้องสอง อายุ 11 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 136/7 หมู่ 9 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นักเรียนชั้น ป.5/1 โรงเรียนเทศบาลวัดศรีทวี หลานสาวของโชเล่ย์ ดอกกระโดน ที่มีพฤติกรรมแปลกประหลาดไม่เหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไป

สำหรับพฤติกรรมแปลกประหลาด คือ จะติดหมวกใบเก่าๆ ต้องสวมบนศีรษะตลอดเวลาต่อเนื่องเป็นมานานเกือบ 5 ปี และไว้ผมยาวเฟื้อยจนถึงสะโพก โดยจะหวงหมวกยิ่งกว่าชีวิต ทั้งนี้ ด.ญ.เกษราภรณ์ เป็นบุตรสาวของนายสายันต์ ขุนพิบูลย์ อายุ 34 ปี และนางพิลัยภรณ์ ขุนพิบูลย์ อายุ 33 ปี อาชีพรับจ้าง ซึ่ง น.ส.ประภาศรี เล่าว่า ด.ญ.เกษราภรณ์ หรือน้องสองถือเป็นเด็กเก่งของโรงเรียน มีผลการเรียนดีมากได้เกรด 4 ทุกวิชา เป็นตัวแทนของโรงเรียนในการสอบแข่งขันและได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการสอบแข่งขันนักเรียนคนเก่ง ในระดับชั้น ป.5 โรงเรียนในสังกัดเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช มีเด็กเข้าสอบทั้งหมด 1,252 คน ด.ญ.เกษราภรณ์ สอบได้ในลำดับที่ 89

แม้ว่า ด.ญ. เกษราภรณ์ จะมีพฤติกรรมไว้ผมยาวและสวมหมวกเก่าๆ ที่ฉีกขาดจนเหลือเฉพาะขอบของหมวกเท่านั้น และจะสวมไว้ตลอดเวลาทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน จนคนทั่วไปที่พบเห็นอาจจะมองว่าน้องสองเป็นเด็กที่มีปัญหาสติไม่สมประกอบ เป็นตัวประหลาด แต่สำหรับอาจารย์ และนักเรียนในโรงเรียนไม่ได้มองว่าน้องสองเป็นตัวประหลาด ทุกคนต่างยอมรับในความรู้ความสามารถและความเป็นตัวตนของน้องสอง ซึ่งทุกคนจะรู้จักน้องสองในนาม “น้องหมวก พี่หมวก “ ซึ่งในการร่วมกิจกรรมต่างๆ ด.ญ.เกษราภรณ์ หรือน้องสอง ก็จะเข้าร่วมตามปกติ แต่จะไม่ชอบสุงสิงกับคนทั่วไป จะอยู่และทำกิจกรรมต่างๆ เฉพาะกับกลุ่มเพื่อนในห้องเดียวกันที่สนิทสนมเพียง 4-5 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนไม่ได้ไปบังคับหรือกดดันน้องสอง แม้จะถือว่าน้องสองแต่งกายผิดระเบียบของโรงเรียนก็ตาม โดยจะปล่อยให้เขาเป็นตัวของตัวเอง เกรงว่าถ้าไปบังคับให้ตัดผมและห้ามสวมหมวกอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพ จิตใจของน้องสองจนไม่สามารถเรียนหนังสือหรือดำรงชีวิตตามปกติได้

ด้านนางพิลัยภรณ์ ขุนพิทักษ์ แม่ของน้องสอง เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดน้องสองจนเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนเทศบาลวัดศรีทวี ตนให้น้องสองไว้ผมยาวจนถึงสะโพกมาตลอด จนกระทั้งน้องสองจะเข้าเรียนชั้น ป. 1 ตามระเบียบของโรงเรียนจะต้องตัดผมสั้น แต่น้องสองไม่ยอมให้ตัดผม ตนจึงแอบตัดผมน้องสองในขณะที่นอนหลับ เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าผมถูกตัดสั้นทำให้น้องสองไม่พอใจเป็นอย่างมากร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ และเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ยอมสุงสิงกับใครเลย ตนและนายสายันต์ พ่อของน้องสองรวมทั้งญาติๆ พยายามชี้แจง ปลอบประโลมแต่น้องสองไม่ยอมรับฟังใดๆ ทั้งสิ้น ตนจึงหลอกล่อว่าจะพาไปเที่ยวดูการแข่งขันฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่น้องสองชอบ เป็นชีวิตจิตใจ น้องสองจึงขอให้ตนหาหมวกมาให้สวมใส่จึงจะยอมไปด้วย ตนจึงนำหมวกแคดดี้มาให้น้องสองสวมใส่

"ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาน้องสองจะสวมหมวกใบดังกล่าวตลอดเวลา ไม่ยอมถอด ยกเว้นเวลาเข้าอาบน้ำในห้องน้ำเท่านั้น และไม่ยอมให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับเส้นผมบนศีรษะของตัวเองอย่างเด็ดขาด" 

นอกจากนี้ พฤติกรรมของน้องสองจะเปลี่ยนไปจากเดิมโดยจะเก็บตัวเงียบไม่ยอมสุงสิงกับใคร จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลาเกือบ 5 ปีแล้วที่น้องสองไว้ผมยาวและสวมหมวกใบเดิม แม้หมวกใบดังกล่าวจะเก่ามากๆ จนฉีกขาดเปื่อยยุ่ยจนเหลือเฉพาะขอบของหมวกแล้วก็ตาม ตนและญาติ ๆ พยายามขอร้องให้น้องสองเปลี่ยนหมวกใบใหม่แต่น้องสองก็ไม่ยอมท่าเดียว ตนและสามีพร้อมทั้งญาติ ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงปล่อยเลยตามเลย และปัญหาของน้องสองให้ทางโรงเรียน ทราบ

นางพิลัยภรณ์ กล่าวอีกว่า จะพาไปหาจิตแพทย์น้องสองก็ไม่ยอมไป ในทางไสยศาสตร์ตนก็ไปหาหมอไสยศาสตร์ให้ช่วยเหลือ หมอไสยศาสตร์นั่งทางในก่อนจะแจ้งให้ตนทราบว่าที่น้องสองมีพฤติกรรมดังกล่าว นั้นมีสาเหตุมาจากตนเคยไปบนบานศาลกล่าวบางอย่างไว้ยังได้แก้บน และแนะการแก้ไขว่าให้ตนนำหัวหมูวางไว้บนศีรษะเดินเข้าวัดให้พระทำพิธีแก้บน ให้น้องสองแต่ก็ไม่หายน้องสองยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิมทุกอย่าง ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงโทรศัพท์ไปปรึกษาโชเล่ย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของน้องสอง  เพื่อให้ชวยหาทางช่วยเหลือแก้ไขพฤติกรรมของน้องสอง เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นปัญหาในการดำรงชีวิตในอนาคต

ขณะที่โชเลย์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการหวงขอบหมวกใบดังกล่าวเป็นชีวิตจิตใจ และมีคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งน้องนั่งรถยนต์ลมพัดจนขอบหมวกหลุดจากศีรษะตกลงบนถนนน้องสองรีบกระโจนลงไปเก็บขอบหมวกทั้งๆ ที่รถยังวิ่งอยู่ด้วยความเร็ว จนตัวเองบาดเจ็บ อีกครั้งนั่งรถสามล้อพ่วงข้างขอบหมวกถูกลมพัดหลุดจากศีรษะน้องลงก็กระโดดลงไปเก็บจนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ญาติๆ แกล้งถอดหมวกโยนทิ้งลำคลองน้องสองรีบกระโจนลงไปเก็บ ทั้งๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น ญาติๆ ต้องช่วยเหลือขึ้นมาจากลำคลองอย่างทุลักทุเล หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่เป็นผลดีกับน้องสองอย่างแน่นอน

ต่อมาผู้สื่อข่าวแจ้งว่าต้องการพบและถ่ายภาพน้องสอง แต่ได้รับการขอร้องจาก ผอ.โรงเรียน ว่าหากจะไปพบและถ่ายภาพโดยตรงนั้น เกรงว่า น้องสองจะไม่ยอมพบและยอมให้ถ่ายภาพ เพราะก่อนหน้านี้พ่อแม่เคยถ่ายภาพน้องสอง ทำให้น้องสองไม่พอใจแย่งกล้องถ่ายรูปขว้างทิ้งมาแล้ว แต่หากต้องการเห็นหรือถ่ายภาพน้องสองสามารถทำได้ แต่อย่าให้น้องสองรู้ตัว โดยขณะนั้นทางโรงเรียนกำลังมีการฝึกซ้อมการร้องเพลงเชียร์กีฬาอยู่ในห้อง ประชุมชั้นล่าง ทาง ผอ.โรงเรียน จึงให้ผู้สื่อข่าวทำทีว่าถ่ายภาพกิจกรรมการซ้อมเชียร์กีฬาและพยายามแอบถ่ายอย่าให้น้องสองรู้ตัว

จากการสังเกตของผู้สื่อข่าว พบว่า น้องสองนั่งอยู่กลางวงเพื่อนๆ โดยมีผมยาวและสวมหมวกเก่าๆ ไว้บนศีรษะตลอดเวลา แต่ส่งเสียงร้องเพลงและตบมือเป็นจังหวะอย่างสนุกสนาน หลังจากที่ผู้สื่อข่าวแอบถ่ายภาพของน้องสองเสร็จแล้ว ทางครูผู้ควบคุมซ้อมได้ประกาศเชิญ "โชเล่ย์ ดอกกระโดน" มาพบกับนักเรียนท่ามกลางเสียงตบมือและไชโยโห่ร้องของนักเรียนอย่างดีใจ ซึ่งโชเล่ย์ ได้พูดคุยแนะนำตัวเองและบอกว่าที่มาโรงเรียนเทศบาลวัดศรีทวี เพราะมาเยี่ยมหลานสาว คือ ด.ญ.เกษราภรณ์  ซึ่งทันทีที่น้องสองถูกแนะนำตัวอย่างเปิดเผย ได้แสดงอาการไม่พอใจรีบก้มมุดหน้าหนีทันที แม้นเพื่อนๆ จะคะยั้นคะยอให้น้องสองออกไปพบโชเล่ย์ แต่น้องสองกลับก้มมุดหน้านิ่งไม่ยอมออกไปพบ จนโชเล่ย์  ต้องเดินเข้าไปหาโอบกอดหลานสาวอย่างรักใคร่ เอ็นดูสงสาร และพยายามจะพูดคุยกับน้องสองแต่น้องสองไม่ยอมพูดด้วยและก้มหน้าหนีตลอด  ทำให้ โชเล่ย์ กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความสงสารหลานสาว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์