‘บิ๊กตู่’ เผยเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรธน.ชั่วคราวเย็นนี้

‘บิ๊กตู่’ เผยเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรธน.ชั่วคราวเย็นนี้

‘บิ๊กตู่’ เผยเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรธน.ชั่วคราวเย็นนี้ ถกติดตามสถานการณ์น้ำ-เศรษฐกิจ

 เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้มีการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 7/2557

มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุม โดยมีรองหัวหน้า คสช. เลขาธิการ คสช. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมกันโดยพร้อมเพรียง

 โดย หัวหน้า คสช. กล่าวเปิดการประชุมระบุว่า ในวันนี้มีภารกิจสำคัญที่ต้องไปเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุขวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับพระราชทานรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ที่ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว

 ส่วนสถานการณ์ของพายุฝน ที่จะเข้าประเทศไทย หัวหน้า คสช. ได้ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยเฉพาะกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้เพิ่มความระมัดระวัง ตั้งศูนย์เตือนภัย เพื่อเฝ้าระวังติดตามด้านสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำอย่างใกล้ชิด เพราะปีนี้คาดว่ามีโอกาสที่ปริมาณน้ำฝนจะต่ำกว่าปกติ ซึ่งพบว่าขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศเหลือเพียงร้อยละ 30 โดยเฉพาะเขื่อนใหญ่อย่างเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เหลือน้ำที่ใช้การได้ อีกเพียงร้อยละ 4 ซึ่งอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการผลิตกระแสไฟฟ้า การปลูกข้าว จึงมีโอกาสที่ประเทศจะประสบกับภาวะความแห้งแล้ง ทั้งนี้คาดว่าพายุจะเข้าประเทศไทยในช่วงเดือนสิงหาคม - เดือนตุลาคม และน่าจะทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่มีมากขึ้น ซึ่งได้สั่งการให้กรมอุตุนิยมวิทยาไปพิจารณาเรื่องของการทำฝนหลวงแล้ว

 หัว หน้า คสช.ยังได้กล่าวถึงการประชุมตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยว่า คสช.ได้มีการดำเนินการที่สำคัญ

 ทั้งในการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 งบลงทุนของรัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงงบอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนประเทศ ควบคู่ไปกับการตรวจสอบความโปร่งใส โดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร.

 สำหรับ การจัดทำ แผนการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หัวหน้า คสช.

 ระบุว่าได้มอบหมายให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการเพื่อลด ข้อจำกัดด้านกฎหมาย เพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค และยังให้มีการประชาสัมพันธ์ในการลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านการ คมนาคม ที่ถือเป็นวิธีการออมเงินที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ทดแทนกองทุน LTF ที่จะสิ้นสุดลงในปี 2559 อย่างไรก็ตามขอให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและ ประชาชนเป็นหลักเพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการที่ไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์