‘ตู่’ลุยทำเนียบ ยืนร้อง‘ประยุทธ์’ ทวงคืนทีวีเสื้อแดง

‘ตู่’ลุยทำเนียบ ยืนร้อง‘ประยุทธ์’ ทวงคืนทีวีเสื้อแดง

 เมื่อวันที่ 29 เมษายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า

 ในวันที่ 30 เมษายน เวลา 11.00 น. โดยตนและเจ้าหน้าที่สถานีพีซทีวีจะเดินทางไปยื่นขอความเป็นธรรม กรณีที่ถูก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์( กสท.)เพิกถอนใบอนุญาตต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.)ที่ทำเนียบรัฐบาล ส่วนตัวจะไปแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท ฟ้องทั้งแพ่งและอาญาต่อกรรมการ กสท.4คนที่ลงมติเพิกถอนใบอนุญาต เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จ พร้อมจะร้องต่อศาลปกครอง รวมถึงองค์กรสื่อต่างประเทศ และยื่นถวายฎีกาด้วย

นายจตุพร ยังยืนยันว่า คำพูดที่พูดในรายการมองไกลเมื่อวันที่ 18เมษายน ไม่ได้มีเนื้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงเเละไม่มีถ้อยคำยุยงปลุกปั่น แต่เตือนให้คนอดทนไม่ให้ออกมาขับเคลื่อนใดๆ

สำหรับการปิดพีชทีวีนั้นตนเห็นว่าเป็นความคิดที่ไม่ฉลาดไม่ว่าโดยใครก็ตาม ถ้าปิดช่องทางนี้แล้วคิดว่าเป็นการปิดข่าวได้ถือว่าคิดผิด เปรียบเหมือนการอยู่ในลำคลอง ถ้าหากปิดเราก็จะเหมือนกับการให้ออกมหาสมุทร แกนนำนปช.สามารถไปที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สปช. และสนช. ได้ทุกวันเพื่อแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาวันละประเด็นก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะเป็นข่าวออกไปทุกสื่อได้ทุกวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมรับประทานอาหารกับแกนนำคนเสื้อแดงและผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีซทีวี เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและนางธิดา ถาวรเศรษฐฯลฯ หลังเสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์พิเศษในหลายประเด็น ท่ามกลางสถานการณ์ที่กลุ่มเสื้อแดงกำลังเรียกร้องขอคืน’พีซ ทีวี’

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำนปช.ระบุว่าจะใช้ช่องทางอื่นในการแสดงออก

หลังช่องพีซทีวีสั่งผิดว่า อะไรที่ผิดก็ปิดไป ต้องเป็นไปตามนั้น ส่วนจะไปพูดที่อื่นนั้นก็ตามใจเขาจะไปพูดที่ไหนก็ไป แต่ตอนนี้ คสช.ต้องการความปรองดองและให้ประเทศชาติเดินไปให้ได้เมื่อเราก้าวถึง 6 เดือนแล้วและรัฐบาลก็พยายามทำทุกอย่างที่รุมเร้ามาในอดีต เราก็พยายามแก้ไขไปทุกอย่าง

ขณะที่ นายวิทเยนทร์ มุตตามระ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง“ฟ้าวันใหม่”ได้โพสต์ ในเฟซส่วนตัวหลังคณะอนุกรรมการฯ

 ด้านผังรายการและเนื้อหารายการของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ( กสทช.)เรียกผู้บริหารสถานีช่อง ฟ้าวันใหม่ไปชี้แจงข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 28 เมษายนว่าตนและนายเถกิง สมทรัพย์ ได้.เรียกไปชี้แจงข้อเท็จจริง ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯได้นำคลิป4 คลิปจาก3 รายการ มาเปิด เนื่องจากเห็นว่า มีเนื้อหาที่ขัดประกาศ คสช.ฉบับที่97 มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ไม่เสริมสร้างการปรองดองโดยเฉพาะ ที่สำคัญ ผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มีท่าทีที่แข็งกร้าวมาก จนน่าประหลาดใจ

“หนึ่งในรายการ ที่ถูกหยิบยกมาคือรายการ ถอนพิษ ผมและอ. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดำเนินรายการ ในรายการพูดถึงกรณีที่ศาลพัทยา ตัดสินอริสมันต์ และพวกจำคุกกรณีบุกทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยาและมีการเปิดคลิปที่มีกรสั่งการจากแกนนำคนอื่นๆให้อริสมันต์ทำเช่นนั้น เพื่อให้เห็นว่า เป็นการทำกันเป็นขบวนการจริง ผมพยายามอธิบายว่าสิ่งที่ผม และอ.เจิมศักดิ์ เสนอเป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริงแต่ประธานอนุกรรมการฯมองว่าเป็นเรื่องเก่า ที่เอามาเปิดใหม่ให้เกิดความแตกแยก ผมก็พยายามอธิบายว่า เป็นเรื่องใหม่เพราะศาลเพิ่งตัดสินไม่กี่วันก่อนรายการออกอากาศ ที่น่าตกใจ คือ อนุกรรมการฯท่านหนึ่งโต้ตอบว่าถึงเป็นเรื่องจริงก็นำมาพูดนำมาเสนอไม่ได้ จะทำให้เกิดความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอีก ทำให้ผมต้องทบทวน สิ่งที่เชื่อมาตลอดชีวิตว่าเมื่อเป็นเรื่องจริง ต้องสามารถพูดได้นำเสนอได้ การที่จะปรองดองได้ ความจริงต้องปรากฏ การพูดความจริงไม่ครบ หรือปกปิดความจริงคือการโกหก หากสังคมจะปรองดองได้ด้วยการที่คนในสังคมต้องหันหน้ามาโกหกหลอกลวงกันนั่นจะเป็นการปรองดองที่แท้จริงหรือ”

และตั้งข้อสังเกตุว่า หากนำเสนอข่าวสารที่เป็นความจริงในอดีตไม่ได้แล้วกรณีที่นายกฯเคยถามนักข่าวว่า

”มีคนใช้อาวุธในประชาชนหรือปล่าว มีหรือเปล่า ให้พูดดังๆมีชายชุดดำอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงหรือเปล่า”แล้วทีวีทุกช่องนำเสนอข่าวนี้ก็ต้องมีความผิดเช่นเดียวกันเพราะเป็นการนำเสนอความจริง ที่คนอืกด้านเขาไม่พอใจเป็นการเสนอเรื่องในอดีตเป็นการสร้างความแตกแยก

นายวิทเยนทร์ ชี้แจงว่า”กรณีรายการถอนพิษ ผมยังยืนยันว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดและผมจะไม่เปลี่ยนความเชื่อของผมที่ว่าสังคมจะปรองดองได้ ความจริงต้องปรากฏ หากผมจะต้องพูดโกหกสร้างชุดความจริงขึ้นมาเอง เพียงเพื่อจะบอกว่านี่คือการสร้างความปรองดอง ผมทำไม่ได้ครับ ส่วนอีก 2 รายการคือวิเคราะห์คอลัมน์นิสและข่าวฟ้ายามเย็นยอมรับว่ามีการพูดจาส่อเสียดอยู่บ้างซึ่งก็ต้องรับนำมาปรับปรุง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตถึงขั้นต้องปิดสถานีชั่วคราว ก็ยังหวังว่าเมื่ออนุกรรมการฯเสนอเรื่องขึ้นไปที่คณะกรรมการชุดใหญ่ (กสท.) แล้วจะไม่ลงโทษฟ้าวันใหม่ด้วยการปิดสถานี ผมเชื่อในสิ่งที่ทำว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและจะไม่ยอมแพ้ที่จะสู้ด้วยความจริงเพื่อประเทศชาตินี้ต่อไป ตราบที่ผมทำได้อยู่

“ถ้าเราต้องยุติการออกอากาศอีกครั้ง จะกี่วันก็ตาม เพราะผมพูดความจริงผมก็คงไม่มีทางเลือกครับ นอกจาก คิดว่าช่วงที่ยุติการออกอากาศ ผมจะไปทำอะไรดีไปนั่งพักนอนพักเล่นริมทะเลสักพัก ทบทวนอุดมการณ์ของตัวเอง หรือพักผ่อนอยู่ที่บ้านสักพัก แต่เชื่อมั่นว่าอุดมการณ์ของผมจะไม่มีวันเปลี่ยน” นายวิทเยนทร์ ย้ำทิ้งท้าย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์