ไทย-เขมรยังระแวง ลุ้นสุเทพเคลียร์ฮุนเซน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวไทย ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน

กรณีทางการกัมพูชาเริ่มเสริมกำลังทหารบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังรัฐบาลไทยเตรียมยื่นเรื่องขอให้ทบทวนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เนื่องจากทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศขยายวงรุนแรงมากขึ้นว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เสริมกำลังมาโดยตลอด และกองทัพบกของไทยก็ทราบดี แต่รัฐบาลได้คุยกับทางกัมพูชาไปแล้วว่า จะแก้ไขปัญหาร่วมกันด้วยสันติวิธี ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จะไปพูดคุยกับสมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อทำความเข้าใจกันในเรื่องนี้ คิดว่าไม่น่ามีปัญหา


"ได้คุยถึงปัญหาประเทศเพื่อนบ้านของไทยกับนาย ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยเห็นว่าเป็นการทำงานตามกรอบของอาเซียน อย่างกรณีกัมพูชา ผมก็ได้ยืนยันว่าไม่ใช่ปัญหาที่ไทยมีกับกัมพูชา แต่เป็นปัญหาของการทำงานของคณะกรรมการมรดกโลกที่มากระทบกับความสัมพันธ์ เพราะการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหาการเผชิญหน้าในขณะนี้ ส่วนปัญหาบริเวณแนวชายแดนต่างๆ ไทยกับกัมพูชาก็มีความร่วมมือกันเป็นอย่างที่ดี" นายอภิสิทธิ์กล่าว
 
ขณะที่ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ ที่แต่ละฝ่ายตกลงกันไว้ เพื่อรอคณะกรรมการชายแดนมาหารือพูดคุยกันเพื่อชี้ขาด

อย่างไรก็ตาม จากการเดินทางขึ้นไปเขาพระวิหารพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชายืนยันว่าจะรักษาอธิปไตยและวางกำลังอยู่ต่อไป ซึ่งฝ่ายไทยก็จะไม่มีการขยับ ไม่มีการถอนกำลัง ขณะนี้กำลังทหารทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในกรอบ และยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เรื่องการเรียกร้องให้ทบทวนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ส่วนทหารมีหน้าที่ภารกิจรักษาอธิปไตย ซึ่งพูดคุยกับ ผบ.ทหารสูงสุดกัมพูชาแล้วเขาก็มีความเข้าใจว่าเป็นนโยบายรัฐบาล ส่วนทหารจะทำตามหน้าที่ ยืนยันว่าจะไม่มีการรุกราน และไม่ใช้กำลังทหารก่อน


"ณ เวลานี้เราพูดคุยกันเป็นอย่างนี้ อนาคตเป็นเช่นไรแล้วแต่สถานการณ์ ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ก็บอกว่าให้ดูแลพื้นที่ และอย่าประมาท แก้ปัญหาด้วยการใช้เจรจา ทั้งนี้ เรามีการปรับกำลังเข้าไปในพื้นที่ เพื่อเสริมในส่วนที่อ่อนล้าให้กำลังทหารมีความสดชื่นมากขึ้น และให้เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่ทางกัมพูชาเขายอมรับว่ามีการเสริมกำลังเข้ามาในพื้นที่มากกว่าฝั่งไทย" พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถาม แสดงว่าขณะนี้แต่ละฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจในสถานการณ์จึงต้องเสริมกำลังทหาร พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์กล่าวว่า "ครับ กำลังทั้ง 2 ฝ่ายยังวางใจกันไม่ได้ อยู่ที่สถานการณ์ แต่เรายืนยันว่าจะไม่เปิดฉากใช้อาวุธก่อนแน่นอน" แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์