ได้เค้าบึ้มกรุง-16พย. พัลลภโผล่ แตกพธม.-ฉุนโกเต๊ก


มหาปัดวุ่นคุณไสย "ครูสาว"เหยื่อสนธิ ยันไม่เคยข่มขู่นร. ตร.จับตาขนระเบิด ลงมือหลังราชพิธี!

สันติบาลเตือนระวังระเบิดป่วนกรุงช่วงงานพระราชพิธี 16 พ.ย. นี้ ได้กลิ่นคนร้ายลักลอบขนระเบิดเข้ากรุงแล้ว แฉรับผิดชอบ แบบกระทิงแดงป่วนกรุงช่วงปี"19 สั่งทุกหน่วยงานสกัดด่วน จับอีกแล้วแท็กซี่พันธมิตรพกปืน-มีด อ้างผู้โดยสารลืมไว้ในรถ อีกรายจับปิกอัพซ่อนปืน-กระสุน-ผ้ากู้ชาติ ตร.ตั้งข้อหาเพิ่มการ์ดพันธมิตรที่โดนจับพร้อมระเบิดหลายสิบลูก เพราะผลตรวจฉี่มีสารเสพติด เผยผู้ต้องหายืนยันเป็นการ์ดจริง ยังไม่โดนไล่ออก แต่ "จำลอง" ยืนยันไล่ออกไป 10 วันก่อน เพราะพฤติกรรมไม่ดี โต้พันธมิตรจุดกระแสไสยศาสตร์เพราะคะแนนนิยมกำลังตก พระเถระชี้การประพรมน้ำพุทธมนต์ต้องเป็นพระสงฆ์หรือพราหมณ์ หากเป็นฆราวาสก็ต้องรักษาศีลเคร่งครัด เตือนผู้ชุม นุมต้องใช้วิจารณาญเอง "พัลลภ" แตกคอ จำลองแล้ว เผยเพิ่งไปเจอทักษิณมาหมาดๆ เห็นใจโดนกล่าวหาล้มล้างสถาบัน ฉะพันธมิตรชักเลอะเทอะใหญ่ ทั้ง เรื่องไสยศาสตร์-โกเต๊ก อัดแหลกอย่าดึงฟ้าต่ำ ส่วนเลขาฯกอ.รมน.แนะสมานฉันท์เพื่อในหลวง ด้านครูสาวที่โดนสนธิแฉบนเวทีปราศรัยว่าข่มขู่นร. ไปม็อบพันธมิตร ออกมาโต้ไม่จริง ไม่เคยข่มขู่ แค่เตือนเฉยๆ ว่าให้ระวังเพราะเห็นข่าวมีระเบิด เครียดโดนพธม. โทร.รุมด่าจนสายไหม้

-จับอีกแท็กซี่พธม.พกปืน-มีด

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 10 พ.ย. ที่หน้าบ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กทม. ร.ต.ต.เด่น บุญอยู่ รองสวป.สน.นางเลิ้ง พร้อมกำลังตำรวจสายตรวจจำนวน 10 นาย ออกตั้งด่านตรวจเพื่อป้องกันอาชญากรรม พบรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ทะเบียน มง 7614 กทม. ขับมาจากทางแยกยมราชมุ่งตรงมายังจุดตรวจ เจ้าหน้าที่สังเกตว่าคนขับมีท่าทีพิรุธจึงขอดูใบอนุญาตขับขี่ ทราบชื่อคือนายเกียรติศักดิ์ รักภู่ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 8 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร และขอตรวจค้นรถพบว่าข้างประตูฝั่งคนขับพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระ บอก มีดพับ 1 เล่ม ท่อนเหล็กกลมยาวประมาณ 80 ซ.ม. 1 อัน และบัตรอาสาสมัครการ์ดพันธมิตร 9 ใบ จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่สน.นางเลิ้ง

จากการสอบสวนนายเกียรติศักดิ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าอาวุธที่พบนั้นเป็นของผู้โดย สารนำมาฝากเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าได้ลงบัน ทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และส่งให้พนักงานสอบ สวนสอบสวนเพิ่มเติม โดยแจ้งข้อหาเบื้องต้นพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต และพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อน ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

-อีกรายก็พกปืน-ผ้า"กู้ชาติ"

ต่อมาเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่ตำรวจร่วมกับสารวัตรทหาร (สห.) ตั้งด่านตรวจอยู่บริเวณปากซอยลิขิต ถนนศรีอยุธยา ตรงข้ามสหกรณ์พัฒนา ฝั่งวัดเบญจม บพิตรฯ กทม. พบรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู สีน้ำเงิน ทะเบียน ช 4917 กทม. ขับมาอย่างมีพิรุธ เนื่องจากมีชายวัยรุ่นหลายคนอยู่ในรถ จึงขอตรวจค้น ทราบชื่อผู้ขับขี่คือนายกวียุทธ บุญทองแก้ว อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. เป็นคนขับ พร้อมเพื่อนโดยสารมาในรถ 7 คน จึงขอตรวจค้นภายในรถพบว่าบริเวณเบาะด้านหลังคนขับ มีอาวุธปืน .38 จำนวน 1 กระ บอก พร้อมเครื่องกระสุน .38 อีก 13 นัด อาวุธมีด 2 เล่ม สายคาดเอว 1 เส้น และผ้าคาดศีรษะมีข้อความ "กู้ชาติ" 1 ผืนซ่อนอยู่ในรถ

จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นปืนมีทะเบียนถูกต้อง แต่ไม่ใช่ของผู้ต้องหา ซึ่งไม่มีทั้งใบพกพาและใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืน จึงควบคุมตัวส่งร.ต.ท.ขรรค์ชัย เดิมยิริง พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ดุสิต สอบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต พกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

-ตูมสนั่นอีกหน้าร.ร.ราชวินิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบ คุมตัวนายกวียุทธมาสอบสวนที่สน.ดุสิตนั้น เพื่อนของนายกวียุทธที่โดยสารมาในรถทั้ง 7 คนตามมาให้กำลังใจที่โรงพักด้วย ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวนายกวียุทธเข้าห้องขัง เพื่อนของนายกวียุทธทั้ง 7 คนก็ยังคงคอยให้กำลังใจอยู่หน้าห้องขังไม่ไปไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. บริเวณป้ายรถเมล์ด้านหน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม มีเสียงคล้ายเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบ แต่การ์ดพันธมิตรฯ กั้นเป็นพื้นที่หวงห้าม ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สามเสน เพิ่งจับกุมนายธนิต หรือโอ ขันอุไร อายุ 28 ปี และนายวัฒนา หรือต้น กิจพิทักษ์สิน อายุ 22 ปี พบของกลางระเบิดน้อยหน่า 3 ลูก ระเบิดปิงปอง 22 ลูก กระสุนปืนลูกซอง 4 นัด หนังสติ๊ก 2 อัน ลูกแก้วและหัวนอต จำนวนกว่า 20 ลูก มีดพกยาวประมาณ 10 นิ้ว ผ้าพันคอสีเหลืองที่เขียนว่า "กู้ชาติ" บัตรเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เขียนว่า "กองทัพธรรม" เลขที่ ช.153 จ.32 ระบุชื่อนายวัฒนา กิจพิทักษ์สิน พร้อมติดรูปภาพ เสื้อคลุมแจ๊กเกตสีดำ เขียนว่า "การ์ดกองทัพธรรม"

-เพิ่มข้อหาการ์ดคดีเสพยา

เวลา 09.30 น. พ.ต.อ.ศารทูล ประดิษฐ์ ผกก. สน.สามเสน เปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า หลังจับกุมผู้ต้องหาแล้วได้ทำการสอบปากคำไปแล้ว แต่นายวัฒนา ผู้ต้องหายังให้การเหมือนเดิมว่า มีการ์ดพันธ มิตรฯ ชื่อนก เป็นผู้จ้างให้นำมาให้ โดยนายวัฒนารับสารภาพว่าของทั้งหมดเป็นของตนคนเดียว ส่วยนายธนิตยังให้การปฏิเสธ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็เตรียมนำผู้ต้อง หาส่งฝากขัง พร้อมทั้งทำเรื่องขอคัดค้านการประกันตัว ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รับการติดต่อจากทนาย ความของผู้ต้องหาว่าจะขอเข้าร่วมฟังการสอบปากคำจึงยังไม่ได้นำผู้ต้องหาส่งฝากขัง ส่วนสาเหตุที่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าอาจออกไปก่อความวุ่นวายอีก นอกจากนี้ ผลการตรวจปัสสาวะของทั้ง 2 คน พบว่ามีปัสาวะเป็นสีม่วง จึงแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดอีกคนละคดี และจากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีประวัติยาเสพติดทั้งคู่ โดยนายวัฒนาอ้างว่าไปซื้อยาจากวินรถจักรยานยนต์ บริเวณหน้ากองทัพภาคที่ 1

-ย้ำยังเป็นการ์ด-ไม่ได้ถูกไล่ออก

พ.ต.อ.ศารทูลกล่าวต่อว่า สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีด้วยความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เป็นคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งสั่งการให้ตั้งจุดตรวจค้นในพื้นที่ของสน.สามเสน เพื่อป้องกันการนำอาวุธเข้าไปภายในพื้นที่การชุมนุม นอกจากนั้น จากการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดของทั้ง 2 คน พบว่า นายวัฒนาเคยถูกจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกายที่สภ.เมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา เสียค่าปรับ 500 บาท ส่วนนายธนิตเคยถูกจับข้อหาครอบครองยาเสพติดที่สน.บางซื่อ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี เพิ่งพ้นโทษวันที่ 25 ธ.ค.42

พ.ต.อ.ศารทูล กล่าวว่า ส่วนที่นายวัฒนายังเป็นการ์ดพันธมิตรฯ หรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนไม่ได้สนใจ เนื่องจากไม่อยู่ในส่วนของสำนวน แต่จากการพูดคุยผู้ต้องหาบอกว่ายังเป็นการ์ดพันธมิตรฯอยู่ และวันถูกจับจะเดินทางไปพื้นที่ชุมนุม แม้ทางเวทีพันธ มิตรฯ จะประกาศว่าผู้ต้องหาถูกไล่ออกไปก่อน นอก จากนี้ ได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวนหาตัวผู้ชายชื่อนก ที่ผู้ต้อง หากล่าวอ้างว่าเป็นผู้ว่าจ้างให้นำของกลางที่พบมาให้

-สันติบาลแฉจะมีบึ้มป่วนกรุง

รายงานข่าวจากตำรวจสันติบาลเปิดเผยว่า จากการประสานงานกับหน่วยข่าวของบช.น. และหน่วยข่าวกรองระบุตรงกันว่า จะมีกลุ่มคนร้ายลักลอบนำอาวุธสงคราม โดยเฉพาะวัตถุระเบิดชนิดขว้างทั้งแบบผลิตเอง และนำเข้ามาจากแนวชายแดน เข้ามาในพื้นที่กทม. เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในวันที่ 16 พ.ย.นี้ หลังจากงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสร็จสิ้น เพื่อสร้างสถานการณ์ ความรุนแรง กดดันให้รัฐบาลรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการสร้างเรื่องทางการเมือง โดยเชื่อมโยงกับความมั่นคงด้านสถาบันพระมหากษัตริย์ เหมือนกรณีกลุ่มกระทิงแดงทำในปี 2519 ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แจ้งไปยังกองบัญชาการตำรวจ นครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และหน่วยงานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อสกัดการนำอาวุธและวัตถุระเบิดเข้ามายังกทม.แล้ว

-พธม.ระดมคนช่วงพระราชพิธี

เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ภายในทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีผู้ชุมนุมปักหลักอยู่ในพื้นที่บาง ตา บนเวทีจัดรายการข่าวภาคเช้า สลับกับการปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล รวมทั้งยังนำกรณีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ บนเวทียังปราศรัยเชิญชวนผู้ชุมนุมที่อยู่ต่างจังหวัดให้เดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าอาจมีผู้ไม่หวังดีก่อความวุ่นวายขึ้นในช่วงวันเวลาดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล การ์ดพันธมิตรฯ ได้เพิ่มความเข้มในการตรวจค้นบุคคลและผู้ที่ชุมนุม ที่จะผ่านเข้าออกพื้นที่ ภายหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นในเต็นท์ที่พักของนักรบศรีวิชัยในทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ ยังนำตาข่ายขนาดใหญ่มาขึงบริเวณรอบทางเข้าออก อาทิ สะพานอรทัย สะพานมัฆวานรังสรรค์ สะพานชมัยมรุเชฐ และบริเวณถนนราชดำ เนินนอก ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีนำระเบิดหรือสิ่งของขวางปาเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม รวมทั้งในแต่ละจุดเข้าออก พบว่ามีการ์ดนักรบศรีวิชัย และการ์ดอาสากองทัพธรรม ประจำอยู่จุดละไม่ต่ำกว่า 10 คน พร้อมอาวุธครบมือ ทั้งกระบอง เหล็ก หนังสติ๊ก และโล่ โดยได้เข้มงวดตรวจกระเป๋าผู้ที่เข้ามาในพื้นที่อย่างละเอียดทุกคน รวมทั้งผู้สื่อข่าวด้วย


-ยันไล่ออกแล้วการ์ดพกระเบิด

เวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวภายในทำเนียบ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย 2 แกนนำพันธมิตรฯ ร่วมแถลงข่าว โดยนายพิภพ กล่าวถึงกรณีตำรวจจับกุมชาย 2 คน แล้วอ้างเป็นการ์ดพันธ มิตรฯ พกระเบิดจำนวนมาก ว่า ที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด บางทีที่เกิดเหตุอาจเป็นบางกลุ่มที่แฝงตัวเข้ามาทำให้เกิดความวุ่นวาย แล้วอ้างว่าเป็นการ์ดพันธมิตรฯเสมอ กรณีดังกล่าว พันธมิตรฯไม่ได้ปัดความรับผิดชอบว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่การ์ดของพันธมิตรฯ แต่พันธมิตรฯมีหลักฐานชัดเจนว่าได้ให้ออกจากการเป็นการ์ดไปแล้ว

ด้านพล.ต.จำลอง กล่าวถึงตำรวจจับกุมตัวชาย 2 คน พร้อมของกลางระเบิดและกระสุนปืน และพกบัตรการ์ดพันธมิตรฯ รวมทั้งเสื้อคลุมปักกองทัพธรรม ว่า จากการตรวจสอบประวัติบุคคลทั้ง 2 พบว่าเคยทำหน้าที่เป็นรปภ.ให้กับผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ แต่ชอบใช้ความรุนแรง จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมจึงไล่ออกไปได้ประมาณ 10 วัน แต่ได้กลับมาใหม่ พร้อมพกอาวุธเข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุกระทั่งถูกตำรวจจับตัวไป ทั้งนี้ เรื่องที่มีบัตรพันธมิตรฯติดตัว บุคคลที่เคยเป็นการ์ดมีได้ ซึ่งระยะแรกทางพันธมิตรฯอาจไม่ค่อยรัดกุมกับเรื่องนี้ ทำให้บุคคลที่เคยมีบัตรแต่ไม่ยอมคืนบัตร แล้วนำบัตรพันธมิตรฯไปอ้างได้ รวมทั้งบัตรพันธมิตรฯ สามารถทำปลอมแปลงได้ง่าย ดังนั้น ถ้าจะตรวจสอบควรมาตรวจสอบที่พันธมิตรฯ และถ้าเป็นคนของพันธมิตรฯ พันธมิตรฯจะรับผิดชอบ

-"มหา"ชี้ไม่มีมติใช้ไสยศาสตร์

พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล นำเรื่องไสยศาสตร์มาพูดบนเวทีนั้นเพราะความนิยมลดน้อยลง ว่า ยืนยันว่าที่ประชุมแกนนำไม่เคยมีมติใช้ไสยศาสตร์ และสิ่งที่นายสนธิพูดเรื่องไสยศาสตร์บนเวที เป็นเพียงเล่าสิ่งที่คนอื่นได้ทำ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และตอนนี้นายสนธิ รู้แล้วว่าคนอื่นเข้าใจผิด

นายพิภพ กล่าวเสริมว่า ทุกวันนี้บนเวทีปราศรัยมีการพูดหลายเรื่อง ทั้งการเมือง วิชาการ ส่วนเรื่องไสย ศาสตร์ ตนคิดว่าเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ซึ่งทุกคนมีเหตุผล และการนำน้ำมนต์มาประพรม ถือเป็นวัฒน ธรรมความเชื่อของไทย คงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องไสย ศาสตร์

ผู้สื่อข่าวถามว่างานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทางพันธมิตรฯจะจัดกิจกรรมเพื่อแสดงความจงรักภักดีอย่างไร พล.ต.จำ ลอง กล่าวว่า วันที่ 14-16 พ.ย. พันธมิตรฯจะให้ผู้ชุมนุมแต่งชุดสีดำ หรือสีขาวทุกคน เพื่อไว้อาลัยให้กับงานพระราชทานเพลิงพระศพฯ

-ติดป้ายรณรงค์"ยุติไทยฆ่าไทย"

เวลา 11.30 น. ที่หน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม ได้มีกลุ่มเยาวชนร่วมจิตสำนึกประชาธิปไตย นำโดยนายสุดชาย บุญไชย ผู้ประสานงานกลุ่มฯ และนายวีรภัทร คันธะ สมาชิกสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมแถลงข่าว นายวีรภัทร กล่าวว่า ทางกลุ่มต้องการยุติความรุนแรง และเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมลงชื่อ 100,000 ชื่อ เพื่อนิรโทษกรรมแกนนำพันธมิตรฯ กลุ่มแนวร่วมนปช. รวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ทั้งนี้ ระหว่างแถลงข่าวทางกลุ่มได้นำป้ายผ้าไปผูกติดที่ประตูรั้วโรงเรียนราชวินิตมัธยม ข้อความ "ลูกหลานไทยร่วมใจยุติ สงครามชนชั้นไทยฆ่าไทย" โดยมีอาจารย์ฝ่ายปกครองมาพบ และสั่งให้กลุ่มดังกล่าวดึงป้ายดังกล่าวออกจากรั้ว พร้อมไล่ให้ไปแถลงที่อื่น แต่ทางกลุ่มพยายามนั่งแถลงจนเสร็จภารกิจก่อนเดินทางกลับทันที ทั้งนี้ นายสุดชาย เป็นหนึ่งในผู้เคลื่อนไหวต่อต้านคมช.และร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนวันเสาร์ ไม่เอาเผด็จการ และเคยยื่นหนังสือตรวจสอบคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินด้วย

-"ชัย"ยันไม่เคยปัดรังควาน

วันเดียวกัน ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯนุ่งขาวห่มขาวทำพิธีปัดรังควานทำเนียบรัฐบาล ว่า ไม่ทราบ ไม่กล้าละลาบละล้วง ตนไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ไม่ได้เป็นหมอเขมรหรือหมอส่วย แต่ได้บวชเรียนและนับถือพุทธศาสนาเป็นหลัก ตนไม่เคยทำพิธีปัดรังควานใคร ที่ผ่านมามีการทำบุญในรัฐสภาแล้ว หากเหตุอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่เกิดก็ไม่มีอะไร เหมือนฝนตกแดดออก เป็นเรื่องธรรมชาติ

ร.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงนายสนธินุ่งขาวห่มขาวและ ประพรมน้ำมนต์ให้กับผู้ชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ว่า มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว พันธมิตรฯยังจะเอาอะไรกันอีก เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินก็ไม่ยอมเปิด ทำพิธีโกเต๊กนั้นก็ไม่รู้ว่าคิดกันอย่างไร ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบควรจะตรวจสอบและดูเรื่องนี้ว่าบ้านเมืองเรากำลัง เกิดอะไรขึ้น ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์อะไรมากไปกว่านี้ เพราะตนมันแค่ส.ส.ตัวเล็กๆ

ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวของนายสนธิเหมือนต้องการสถาปนาตัวเองให้เป็นเจ้าผู้ครองนคร ทั้งที่ไม่ใช่แม้แต่นักบวชตามหลักศาสนา แสดงให้เห็นถึงความไม่ปกติของจิตใจของนายสนธิ ส่วนที่นายสนธิแสดงให้เห็นว่าสามารถนิมิตเห็น พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ต้องถูกดำเนินคดีต่างๆ นั้น ตนขอย้อนถามนายสนธิว่า ถ้ามีนิมิตจริง ขอให้มองอนาคตตัวเองว่าต้องถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่

-พระเถระแนะใช้วิจารณญาณ

นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ นุ่งขาวห่มขาวประกอบพิธีประพรมน้ำมนต์ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยอ้างว่าทำพิธีเพื่อขจัดสิ่งชั่วร้าย ว่า การประ พรมน้ำมนต์นั้น นอกจากพระสงฆ์แล้ว ผู้ที่จะทำได้ต้องเป็นผู้ที่ถือศีล มีความบริสุทธิ์ น่านับถือ และน่าเลื่อมใสเท่านั้น ถึงจะมีความเหมาะสมที่จะทำได้

ด้านพระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวว่า กรณีนายสนธินั้นไม่ทราบข้อเท็จจริงในรายละเอียดถึงการประกอบพิธีรดน้ำพระพุทธมนต์ อาจเพื่อสร้างขวัญหรือกำลังใจให้กลุ่มผู้ชุมนุมเท่านั้น เท่าที่เห็นในสังคมไทยเราส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่จะประกอบพิธีพรมน้ำมนต์ ควรเป็นพระเถรานุเถระที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน หรือในบางครั้งจะเป็นพราหมณ์ รวมทั้งเป็นผู้ที่รักษาศีลอย่างเคร่งครัด ส่วนความเหมาะสมที่นายสนธิประกอบพิธีพรมน้ำ มนต์นั้น อยู่กับการใช้วิจารณญาณของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย เพราะผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุและประสบการณ์ชีวิตมากแล้ว

-แจ้งจับอภิรักษ์ปล่อยปิดถนน

เวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความจากบริษัท สำนักกฎหมายนิติเอกราช จำกัด เข้าพบพ.ต.ท.นิทัศน์ ศรีกฤษณรักษ์ พงส.(สบ.3) บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีที่ไม่ยอมดำเนินการใดๆ กับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯที่ชุมนุมปิดถนน เช่น ราช ดำเนิน พิษณุโลก สะพานมัฆวานรังสรรค์ เป็นต้น ซึ่งเป็นการละเมิดข้อบัญญัติกรุงเทพฯ เรื่องการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเขตกรุงเทพฯ พ.ศ.2523 ข้อ 4 และ 15

นายพิชา กล่าวว่า ที่มาแจ้งความครั้งนี้เนื่องจากกรุงเทพฯ มีข้อบัญญัติในการจัดระเบียบกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อมีเหตุการณ์เกิดกลุ่มพันธมิตรฯปิดกั้น ถ.ราชดำเนิน และสะพานมัฆวานฯ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงนั้นนายอภิรักษ์ยังเป็นผู้ว่าฯ สมัยแรกและต่อเนื่องมาถึงสมัยที่ 2 ที่กลุ่มพันธมิตรฯเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลและปิดกั้น ถ.ราชดำเนิน และสะพานมัฆวานฯ จนถึงปัจจุบัน แต่กลับไม่ดำเนินการใดให้เป็นไปตามข้อบัญญติดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ซึ่งกำลังจะมีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และพระประมุขของประเทศต้องใช้เป็นเส้นทางเสด็จ พระราชดำเนิน ดังนั้น การให้พระองค์ท่านใช้เส้นทางอื่นนั้นถือว่าเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง เพราะชื่อถนนก็บอกอยู่แล้วว่าชื่อถนนราชดำเนิน นอกจากนี้ เส้นทางดังกล่าวยังเป็นเส้นทางสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนในกรุงเทพฯ ใช้ร่วมกัน ดังนั้น นายอภิรักษ์ไม่สามารถ ปฏิเสธความรับผิดชอบจากข้อบัญญัติดังกล่าวได้

-ทีพ่อค้าแม่ค้า-สั่งจับหมด

"การปิดถนนบริเวณนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่นายอภิรักษ์เป็นผู้ว่าฯกทม.สมัยแรก พอกลับมาสมัยที่สองก็ยังนิ่งดูดายอยู่ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทีพ่อค้าแม่ค้า หาบ เร่ รถเข็นไปสั่งให้จับปรับหมด แต่กรณีปิดถนนราช ดำเนิน สะพานมัฆวานฯ ก็เห็นอยู่ว่าใครเดือดร้อนบ้าง ผมจึงเห็นว่าผู้ว่าฯ กทม.ต้องรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่ปล่อย ให้หน่วยงานอื่นรับผิดชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว" นาย พิชากล่าว

เบื้องต้นพ.ต.ท.นิทัศน์สอบปากคำนายพิชาไว้เป็นหลักฐานก่อนประมวลเรื่องส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาภายใน 30 วัน

สำหรับข้อบัญญัติกรุงเทพฯ เรื่องการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเขตกรุง เทพฯ พ.ศ.2523 ข้อ 4 ระบุว่า ให้ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ รักษาการตามข้อบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกคำสั่ง ข้อบังคับ ระเบียบ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพฯนี้ ส่วนข้อ 15 ระบุว่า ผู้ใดตั้ง วาง กองหรือทิ้งไม้ กรวด หิน ดิน เลน ทราย เสา ท่อ หรือวัตถุอื่นใดบนถนนในลักษณะเกะกะกีดขวาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมาย หรือได้รับอนุญาตแล้วแต่ละเลยหรือปล่อยให้สิ่งดังกล่าวออก นอกบริเวณที่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกิด 2 พันบาท

-อภิรักษ์วอนอย่าโยงพระราชพิธี

ส่วนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ให้สัมภาษณ์กรณีทีมทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าพบพนักงานสอบสวนป.ป.ป.ให้ดำเนินคดีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ กรณีปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรฯปิดล้อม ทำเนียบรัฐบาล และเส้นทางขบวนเสด็จฯ ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าฟ้องร้องตนประเด็นใด อย่างไรก็ตาม ไม่ขอแสดงความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น โดยจะมอบหมายนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม. และสำนักงานกฎหมายและคดี ตรวจสอบข้อกฎหมายและเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าการทำงานของผู้ว่าฯกทม.นั้นจะต้องมีหน่วยงานหลายฝ่ายเข้ามาทำงานร่วมและเกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้งทาง การเมืองหรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า มองได้เป็นสองประเด็น คือ ประเด็นข้อกฎหมาย ส่วนประเด็นกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าประชาชนจะมองออก อย่าง ไรก็ตาม สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ตนไม่อยากให้นำเรื่องดังกล่าวไปโยงกันกับเรื่องงานพระราชพิธีพระ ราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ

-พัลลภจวกพธม.ชักเลอะเทอะ

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.รมน. ให้สัม ภาษณ์ภายหลังเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อน จปร.7 ได้หารือและล็อบบี้ให้ตนไปช่วยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ตนจึงบอกเพื่อนว่าการเมืองใหม่ที่เสนอกันขึ้นมาจะเสนอเข้าสู่อำนาจรัฐได้อย่างไร ถ้าไม่มีอำนาจรัฐก็ไม่สามารถไปได้ และเมื่อไม่มีปฏิวัติรัฐประหาร รัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ตนจึงบอกไปว่ากลุ่มพันธมิตรฯวันนี้เริ่มเลอะเทอะ โดยเอาไสยศาสตร์ คาถาอาคมเข้ามาเล่น โดยเฉพาะการเอาผ้าอนามัยมาถูที่ฐานพระบรมรูปทรงม้า ร.5 เรื่องนี้ตนรับไม่ได้ เพราะประชาชนทั้งประเทศสักการะ พระบรมรูป ร.5 โดยเฉพาะผู้ที่จบจปร.ถือว่าเป็นพระบิดา

พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ในการเดินทางไปจีนกับเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 ประมาณ 3-4 คน บังเอิญรู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ประเทศจีน ก็ติดต่อขอเข้าพบเพราะอยากเจอ เพื่อถามเรื่องที่มีคนกล่าวหาพ.ต.ท. ทักษิณอยู่ 2 เรื่อง คือเรื่องที่มีคนกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในประเทศทุกวันนี้ และจะทำอย่างไรให้ประเทศได้อยู่อย่างสันติสุข

-พบทักษิณ-ยืนยันจงรักภักดี

"พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่ามีความจงรักภักดีต่อสถา บันพระมหากษัตริย์ และผมเชื่ออย่างนั้น เพราะพวกเราที่จบจากโรงเรียนทหาร ตำรวจ ถูกหล่อหลอมมาให้ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ และท่านถามผมกลับมาว่าเชื่อหรือไม่ จากที่ผมสังเกตด้วยจากคำพูด สีหน้า และลักษณะท่าทาง ผมมีความเชื่อ และมีอย่างหนึ่งท่านบอกว่ากาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และ พ.ต.ท. ทักษิณ ยังย้ำว่าจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เพราะจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เคยสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน" พล.อ. พัลลภ กล่าว

พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า พูดง่ายๆ พ.ต.ท.ทักษิณ เจ็บปวดและกังวลมากที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เคารพต่อสถาบัน และต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ยืนยันว่าไม่เคยคิด และยังย้ำว่ากาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งหมด สำหรับปัญหาความแตกแยกของคนในชาตินั้น ตนและพ.ต.ท.ทักษิณเห็นตรงกัน คือไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากัน และเกิดความแตกแยก ตนจึงถามไปว่าจะยุติปัญหาได้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่ามีทางเดียว ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯยุติบทบาท จะทำให้กลุ่มนปช. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ จะยุติบทบาทลง ทุกอย่างจะยุติลง แต่ปัญหาอยู่ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ขณะที่รัฐบาลต้องบริหารประเทศไป เพราะเข้ามาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย และได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างถูกต้อง ถ้าไม่ไว้ใจรัฐบาล องค์กรตรวจสอบในวันนี้มีเยอะ สามารถตรวจสอบและดำเนินคดีได้ นี่คือคำตอบที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บอกกับตน

-ยอมรับคุยกับ"จำลอง"ไม่รู้เรื่อง

เมื่อถามว่าคุยกับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนบอกว่าพล.ต.จำลองวันนี้ไปไกลแล้ว คุยกันไม่รู้เรื่อง จะพูดอย่างไรเขาคงไม่ฟัง ซึ่งตนพยายามจะคุยกับพล.ต.จำลอง หากมีโอกาส ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯขาดพล.ต.จำลองไป จะทำให้สถานการณ์แกว่ง เพราะแกนนำมีเพียงแต่พล.ต.จำลอง กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เท่านั้น

พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นห่วงประ เทศชาติมาก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ทั่วโลกประ สบปัญหามาก ถ้าบริหารจัดการไม่ได้ประเทศชาติจะลำบาก ส่วนเรื่องคดีนั้น พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าไม่มี ปัญหา ขอให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเดินทางกลับเข้าไทยได้ เนื่องจากสถาน การณ์บ้านเมืองยังไม่เป็นปกติ ต้องรอให้เป็นปกติก่อน จะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวน การยุติธรรม ส่วนที่กระทรวงการต่างประเทศจะถอนพาสปอร์ตแดงของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ท่านบอกว่าไม่มีปัญหา เพราะยังมีอีกหลายประเทศที่ยังรองรับเขาอยู่ ตอนนี้ต้องขอเวลานิดหนึ่งแล้วจะกลับมาเคลียร์ปัญหาทั้งหมด

พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า โอกาสที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทยเป็นไปได้สูง แต่ต้องรอเวลาสักนิดหนึ่ง เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง เพราะขณะนี้มันไม่ถูกต้อง พูดง่ายๆ ว่ามีการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย อย่างกลุ่มพันธมิตรฯใช้กฎหมู่บังคับโน้นบังคับนี้ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ฉะนั้น การเดินทางกลับประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังลำบาก แต่ท่านติดตามการเมืองไทยตลอด เพราะยังเป็นห่วง

-อัดยับพธม.ปิดเส้นทางเสด็จฯ

เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะยุติบทบาทลงอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ต้องยุติด้วยข้อกฎหมาย วันนี้ที่เขาอ้างมา มันไม่ใช่ เช่น อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับไปยึดทำเนียบรัฐบาล และสร้างบังเกอร์ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ดีต่อประเทศ ยิ่งกว่าสงครามเวียดนาม วันนี้กลุ่มพันธมิตรฯพยายามอ้างสถาบันมาตลอด ซึ่งทหารเคยมีคำขวัญที่ว่า อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน แต่วันนี้เลอะเทอะกันไปใหญ่ เราไปทำอะไรเขาไม่ได้ รวมถึงการปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ไหนว่าจงรักภักดี เรื่องนี้ประชาชนรับไม่ได้

เมื่อถามว่ามองบทบาทของกองทัพตอนนี้อย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ทหารอยู่ในสภาวะลำบาก เพราะการปฏิวัติที่ผ่านมา ประสบความล้มเหลว ทำให้ทหารต้องระวังตัวมาก ทหารทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองสันติสุข แต่อยู่ในสภาวะที่ทำอะไรไม่ได้ เมื่อถามว่าหากมีการปะทะกัน ทหารจะออกมาระงับเหตุการณ์ใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ทหารต้องออกมาแน่ แต่ต้องมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อน ทหารจะออกมาในลักษณะควบคุมเหตุการณ์มากกว่าทำการปฏิวัติ เพราะบทเรียนคราวที่แล้วทำให้ทหารเข็ด ประเทศชาติเสียหาย

เมื่อถามว่ามองบทบาทผู้นำทหารอย่างไร พล.อ. พัลลภ กล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพทุกคนเป็นคนดีใช้ได้ แต่ถูกเรียกร้องจากกลุ่มพันธมิตรฯให้ทหารทำปฏิวัติ ซึ่งน่าเห็นใจผบ.เหล่าทัพ ที่ถูกกดดัน ทางที่ดีที่สุด ผบ. เหล่าทัพต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเข้ามาระงับเหตุการณ์ หากเกิดการจลาจลหรือนองเลือดระหว่างประชาชน ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐบาลอยู่ภายใต้การกดดันแบบนี้ทำอะไรก็ไม่ได้ มีแต่คนด่า ตอนนี้อยู่ลำบาก ภาวการณ์เป็นผู้นำจะต้องอดทนสูง ซึ่งน่าเห็น ใจนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ

-มส.จะจัดพิธีเจริญพุทธมนต์

วันเดียวกัน ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ได้พิจารณาในวาระสำคัญ คือ การปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 5 ธันวาคม 2551 ในวันที่ 1 ธันวาคม โดยนิมนต์พระเถระจำนวน 9,995 รูป สวดเจริญพระ พุทธมนต์ ตามที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ได้ขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการเพื่อต้องการให้เกิดการทำบุญครั้งใหญ่ร่วมกันระหว่างพระสงฆ์และประชาชน

นายอำนาจกล่าวว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้เห็นชอบในหลักการการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ดังกล่าวแล้ว ส่วนรายละเอียดการจัดงานนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในฐานะประธานกรรมการมหาเถรฯ ได้ขอให้พิจารณาในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งต่อไป

-แนะให้สมานฉันท์เพื่อในหลวง

ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เป็นประธานกล่าวมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติด้านมวลชนแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างความสามัคคีเพื่อความมั่นคง โดยมีมวลชนจากสมาคมนักจัดรายการข่าว วิทยุ โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์และมวลชนของกอ.รมน.รวม 1,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องร่วมมือร่วมใจทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสบายพระทัย ไม่ว่าจะเชื้อชาติศาสนาใดทุกคนต้องร่วมกันทำงาน ปัญหาความมั่นคงจะแก้ได้ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ถ้าไม่เคารพกฎหมายแก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้ ถามว่าหากเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงใช้มาตรการเด็ดขาดสามารถทำได้แต่วัฒนธรรมไทยรับกันไม่ได้ บ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปได้โดยนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทำมากว่า 80 ปีนำมาใช้ เราไม่คิดว่าจะมีวันนี้คือวันที่เราต้องมาปวดหัว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ทั้งทหารและตำรวจแต่บางทีพูดไม่ได้ และมาว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ความจริงดำเนินการมาตลอด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความจงรักภักดีคืออะไรไม่มีคำจำกัดความเพราะอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน ทุกคนมีหัวใจดวงเดียวคือรักพระองค์ท่าน ต้องอธิบายให้คนเข้าใจถึงความจงรักภักดี คำว่าจงรักภักดีไม่ต้องอธิบายว่าต้องทำอย่างไร ต้องไปจับคนที่ด่าทุกวันหรือไม่ หรือต้องไปฆ่าทิ้ง คงไม่ใช่และคงไม่ถึงขนาดนั้นแต่ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ ต้องทำให้พระองค์ท่านทรงสบายพระทัย ทำให้ท่านหมดห่วงเสียทีว่าเราไปด้วยกันได้ ทุกคนต้องช่วยกันทำอย่างไรจึงจะสงบ ไม่มีฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ การแก้ปัญหามีระบบอยู่ถ้าไม่เข้าในระบบก็แก้ปัญหาไม่ได้

-ต้องร่วมใจ-เลิกทะเลาะกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตราบใดที่ไม่ใช้กฎหมายดูแลบ้านเมืองก็เหมือนกับเป็นโจร เหมือนกับกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ที่มีการแบ่งฝั่งกั้นถนนเป็น 2 ฝ่าย ยิงกันเลยเอาหรือไม่ถ้าไม่ต้องการก็ต้องอธิบายให้คนทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจ อยากเห็นทุกคนมีน้ำใจให้กัน เลิกทะเลาะกันเสียที ความขัดแย้งของสังคมปัจจุบันแก้ได้อย่างเดียวคือทุกคนต้องมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน คือ ต้องการให้บ้านเมืองปลอดภัยและให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงสบายพระทัย เราต้องร่วมมือกัน

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การสร้างความจงรักภักดีเป็นหน้าที่ของทุกคน และทุกคนจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน วันนี้ต้องการให้มวลชน กอ.รมน. ใน 50 เขตของกรุงเทพฯไปแจ้งไปเตือนกับผู้ที่ทำไม่ถูกกฎหมายให้หยุดและเลิก ส่วนผู้ที่ทำความผิดชัดเจนก็นำไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

-จี้สอบสวนเรื่องสนธิ-โกเต๊ก

เมื่อถามว่ารู้สึกอึดอัดหรือไม่ที่ถูกสังคมกดดันให้กองทัพออกมาแก้วิกฤตบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาทุกส่วนไม่มีใครอยู่เฉย ทุกคนพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่บางทีพูดไม่ได้ หากใช้คำว่ากดดันคงไม่ถูกเพราะเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ คงไม่ใช่กดดัน เราทำอยู่แต่บางอย่างพูดได้ บางอย่างพูดไม่ได้ ดังนั้น ไม่ใช่ทุกเรื่องต้องชี้แจงคงไม่ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัยเรื่องนำผ้าอนามัยไปแก้คุณไสยที่พระบรมรูปทรงม้า เป็นการหมิ่นสถาบันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ตำรวจ ทหารมีพ.ร.บ.ทหารอยู่ การดำเนินการเป็นหน้าที่ตำรวจ เราดำเนินการแจ้งความอยู่แล้วขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ หากมีความผิดจริงต้องดำเนินการ ในสังคมเป็นเรื่องที่ทุกคนในชาติต้องปฏิบัติ

เมื่อถามว่ายังมีกลุ่มที่พยายามดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวการเมืองมากหรือน้อย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีส่วนน้อยที่ดำเนินการอยู่และจะว่ามากหรือน้อยคงไม่ได้ แต่เราต้องดำเนินการให้เลิก เมื่อถามว่าการเอาผิดกับผู้หมิ่นสถาบันจะทำเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราทำทุกกลุ่ม หากใครทำผิดต้องรับผิด เราไม่แบ่งเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง เราดำเนินการกับทุกกลุ่ม เมื่อถามว่าพันธมิตรยังมีความชอบธรรมในการชุมนุมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ให้สังคมไทยเป็นคนตัดสินว่าสมควรแค่ไหนหรือไม่ วันนี้ประชาชนต้องมาช่วยกันดูแลให้บ้านเมืองปลอดภัยให้ผ่านช่วงเวลาไม่สงบนี้ให้ได้ การพูดจากันดีกว่าทำอย่างอื่น

-พธม.เปิดถนน 06.00-18.00 น.

เวลา 18.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตร แถลงข่าวบริเวณสะพานมัฆวาน ถึงมติแกนนำกลุ่มพันธมิตรให้เปิดถนนราชดำเนิน กลางว่า เมื่อเช้า แกนนำประชุมก่อนมีมติว่า แม้ตำรวจจะเปลี่ยนเส้นทางเสด็จฯไปใช้ถนนหลานหลวงแล้ว แต่เพื่อแสดงความจงรักภักดี และไม่ได้ขัดขวางเส้นทางเสด็จฯ ดังที่มีข่าวบิดเบือนออกมาจำนวนมาก จึงมีมติให้เปิดถนนราชดำเนินกลางทุกช่องทางจราจรตลอดวัน ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย. เวลา 06.00-18.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะร่วมส่งเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ส่วนช่วงเวลานอกจากนั้นจะปิดการจราจรตามเดิมเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมชุมนุม

นายสุริยะใส กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรเริ่มรื้อสิ่งปลูกสร้างและเต็นท์ทั้งหมดออกจากถนนราชดำเนิน กลาง ตั้งแต่เวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา ยกเว้นสิ่งปลูกสร้างบริเวณแนวรั้วทำเนียบเท่านั้น เพื่อความปลอด ภัยของผู้ชุมนุม เนื่องจากเป็นจุดที่อาจเกิดการปะทะกับฝ่ายที่มาก่อกวน ระหว่างที่เปิดเส้นทางจราจร ได้ประสานขอกำลังตำรวจและสารวัตรทหารมาช่วยดูแลความปลอดภัยผู้ร่วมชุมนุม และประสานกทม.ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาปรับภูมิทัศน์บริเวณถนนราชดำเนินแล้ว ทั้งนี้ หากตำรวจประสานจะให้ถนนราชดำเนินกลางเป็นเส้นทางเสด็จฯอีกครั้ง โดยขอให้รื้อสิ่งปลูกสร้างที่เหลือออกทั้งหมด ก็พร้อมดำเนินการให้ทันทีที่ติดต่อประสานมา

-โหรเตือน"สนธิ"ระวังเสื่อม

วันเดียวกัน นายเก่งกาจ จงใจพระ โหรชื่อดัง กล่าวถึงดวงของกลุ่มพันธมิตรที่เริ่มมีการใช้ไสยศาสตร์ ว่า ปัญหาบ้านเมืองจะมาใช้ไสยเวทย์แก้ปัญหาไม่ได้ โดยเฉพาะไสยศาสตร์ด้านมืดยิ่งจะทำให้เกิดความเสื่อมมากกว่า ตอนนี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล เริ่มเพี้ยน ใกล้จะกลายเป็นผีบุญทุกวัน กำลังทำตัวเป็นศาสดา การใช้ผ้าอนามัยมาแก้คุณไสยที่พระบรมรูปร.5 ยิ่งทำให้เสื่อม ส่วนที่พันธมิตรหันมาเล่นไสยศาสตร์เพราะต้อง การสร้างกระแส บิดเบือน เนื่องจากคนไทยชื่อไสย ศาสตร์ จึงนำเรื่องนี้มาจับ และยิ่งไม่เปิดเส้นทางเสด็จฯยิ่งทำให้เสื่อม

"พันธมิตรเป็นดวงของดาวพฤหัส ซึ่งเป็นสีเหลือง ดาวพฤหัสจะเริ่มเสื่อมลงหลังจากเดือนธ.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้แรงมาก แต่เมื่อเข้าใกล้ 5 ธ.ค. ดาวพฤหัสจะอ่อนแรงลง เพราะจะเริ่มเข้าใกล้ดาวมังกรที่จะแรงขึ้นในปีหน้า ซึ่งสีของดาวมังกรคือสีแดง ดังนั้นปีหน้าสีแดงจะมีกำลังแรงเสริมเพิ่มมากขึ้น โดยดาวพฤหัสกับดาวมังกรจะโคจรมาเจอกันช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ซึ่งจะทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ทางแก้ประชาชนควรอยู่เฉยๆ หรือเดินสายกลาง จากนั้นจะมีพลังบางอย่างเข้ามาช่วยให้ปัญหาคลี่คลาย สรุปคือปีหน้าเป็นปีถอนรากถอนโคนว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งหลังปี 2553 จะดีขึ้นเรื่อยๆ ยาวนาน 20 ปี เรียกว่า ปีที่แล้วเผาหลอก ปีนี้เผาจริง ปีหน้าเก็บกระดูกนำไปลอยอังคาร" นายเก่งกาจกล่าว

-ครูสาวโต้ขู่น.ร.ไปม็อบพธม.

วันเดียวกัน จากกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปรา ศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ระบุว่าได้รับจดหมายจาก ด.ช. คนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นม.1 โรงเรียนสวนกุหลาบรังสิต เขียนร้องเรียนว่าโดน นางสุวรรณา ลาภเกิด อาจารย์สอนหมวดวิชาวิทยาศาสตร์ ข่มขู่เรื่องที่นัก เรียนคนดังกล่าวไปร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล และยังกล่าวหาว่าม็อบพันธมิตรฯ ได้รับเงินว่าจ้างนั้น

นางสุวรรณา ลาภเกิด กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า รู้สึกงงๆ และตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพิ่งทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าเอง และตนไม่ได้พูดจาขนาดนั้น เหตุ การณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ในคาบการเรียนการสอนเด็กนักเรียนชั้น ม.1 เพื่อนๆ ของเด็กคนที่ร้องเรียนเล่าให้ฟังว่าเด็กคนนี้ไปม็อบพันธ มิตรฯ ทุกวัน เย็นลงก็ไปกับพ่อกับแม่ ตนจึงเดินเข้า ไปถามเด็กคนนั้นด้วยความเป็นห่วง "ครูไม่ได้เข้าข้างไหน ครูอยู่บ้าน ครูไม่ไปไหนทั้งสิ้น อย่าไปเลย ที่นั่นมีแต่อันตราย มีแต่ระเบิดกันฮึ่มๆ"

-เครียดโดนพธม.โทร.รุมด่า

นางสุวรรณา กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดถึงเรื่องใส่เงินจ้างมาม็อบในกล่องข้าวด้วย มีแต่เพื่อนของเด็กคนนั้นเป็นคนพูดถึงเรื่องเงินในกล่องข้าว ถามเด็กนักเรียนหลายคนในห้องได้ จากนั้นตนเองก็สอนตามเวลาเรียนต่อ และไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก กระทั่งมาทราบข่าวเมื่อเช้า และมีโทรศัพท์โทร.มาที่บ้านหลายสายมาก โทร. มาด่าจนตนเครียดมาก ลูกชายต้องเดินทางไปส่งและรับที่โรงเรียนเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย

"ช่วงสายของวันนี้ รองผอ.ฝ่ายวิชาการของโรง เรียนก็เรียกเข้าไปพบ ครูจึงเล่าความจริงให้ฟัง ทางโรงเรียนก็บอกครูว่าต่อไปไม่ให้พูดเตือนเด็กนักเรียนคนไหนอีก แต่ความรู้สึกของความเป็นครู หากพบนักเรียนกระทำการใดๆ ที่น่าเป็นห่วง สามารถที่จะพูดตักเตือนได้ แต่พอเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ครูคงไม่กล้าจะพูดตักเตือนเด็กนักเรียนอีก ไม่ต้องการให้เกิดปัญหา ขึ้น และคงจะไม่ดำเนินการใดๆ หรือเอาความผิดจากใครทั้งสิ้น" นางสุวรรณากล่าว


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์