ไกลๆ เห็นไฟหลังคาบ้าน / เปลวสีเงิน

ไกลๆ เห็นไฟหลังคาบ้าน

เปลวสีเงิน วันเสาร์ที่ปลายซอย

22 เมษายน 2549 กองบรรณาธิการ

ช่วงนี้..อย่าไปเชื่อใครมากนัก ตัวเลขจากรัฐบาลก็เชื่อไม่ได้ ตัวเลขจากตลาดหลักทรัพย์ก็เชื่อไม่ได้ กระทั่งตัวเลขราคาน้ำมัน ราคาทองคำ และราคาแลกเปลี่ยนเงินตรา ก็เชื่อไม่ได้

เศรษฐกิจที่แท้จริง และเชื่อได้ ๑๐๐% คือ เงินในกระเป๋าของตัวเอง ของแต่ละคนนั่นแหละ!


สำรวจตรวจตราดูว่า เงินออม สินทรัพย์ และเงินสด อันเรียกว่า "สภาพคล่อง" ของตัวเอง ของครอบครัว อยู่ในสภาพไหน?

สภาพที่ "เป็นจริง" ทางความเป็นอยู่แต่ละคนนั่นแหละคือ ภาพสะท้อนถึง "ความเป็นจริง" ระบบเศรษฐกิจไทยวันนี้

เจ้าของธุรกิจผลิตสินค้าอะไหล่ยนต์ส่งออกรายหนึ่งโทร.มาเล่าให้ผมฟังว่า ก่อนนี้ บริษัทเขาจะต้องส่งรถบรรทุกออกส่งสินค้าประมาณ ๑๐ คันต่อวัน แต่เดี๋ยวนี้เหลือแค่วันละ ๒ คัน!

เขาเพิ่งเดินทางกลับจากต่างจังหวัดทางภาคเหนือ บอกว่า สิ่งที่ไม่เคยนึกว่าจะเกิดขึ้นกับเมืองไทยก็เกิดขึ้นแล้ว-เห็นแล้ว คือ

ระบบ "ปันส่วน" น้ำมัน!


แวะไปเติม บางปั๊มบอกว่าหมด บางปั๊มเจียดให้คันละ ๓๐๐-๕๐๐ บาท และแนะนำว่า ค่อยๆ ขับไป เจอปั๊มข้างหน้าตรงไหน ก็เสี่ยงทายแวะขอเติมจากเขาไปเรื่อยๆ

เรียกว่า ได้-ก็ได้, ไม่ได้-ก็ตะลอนไปตายดาบหน้า!?

สภาพเมืองไทยยุครัฐบาล "ทักษิณรักษาการ" เหมือนคนป่วยฉุกเฉิน นอนรอการผ่าตัดกันหัวก่าย แต่บรรดาหมอทั้งโรงพยาบาล ยืนเอามือไขว้หลังแล้วบอกว่า

"รอหมอเวรใหม่เค้าก่อนก็แล้วกัน"!?

สภาพเป็นจริงของเมืองไทยไม่เป็นแค่นี้ ค่าน้ำ-ค่าไฟ ของหน่วยราชการ กระทั่งงบประมาณค่ารักษา ๓๐ บาททุกโรค ถูกโรคระบาดคือ "โรคเลื่อน" เหมือนกันไปหมด

แล้วอย่างนี้ ที่เขานินทากันว่า "รัฐบาลถังแตก" จริงหรือไม่ โปรดรับไปวิจารณญาณกันเอาเอง


เมืองไทยกับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานนั้น ไม่ใช่เพิ่งเป็นปัญหาเวลานี้ มันเป็นมาเรื่อยๆ นานต่อเนื่องกันมาแล้ว ใครจะคิดบ้างว่า เราจะต้องบริโภคน้ำมันเติมรถลิตรละร่วม ๓๐ บาท

และจะเป็นกว่า ๓๐ บาทจริงๆ อีกไม่ช้านี้!

แต่คนไทยผู้มีโอกาสเหนือกว่าในสังคมกลุ่มหนึ่ง กลับดีอก-ดีใจ ซื้อหุ้นพลังงานกันยกใหญ่ บอกว่า..ดี..ดี..น้ำมันแพง หุ้นพลังงานจะได้ขึ้น กำไรงาม ปันผลงาม

แต่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ พูดไป-บ่นไป ก็ไม่มีใครได้ยิน มิหนำซ้ำ ตัวเองก็ไม่อินังขังขอบเสียด้วยว่า "ภัยมันกำลังมาถึงตัวแล้ว"

ลิตรละ ๓๐ ก็ยังใช้กันเหมือนลิตรละ ๓ บาท

รถยนต์หลากยี่ห้อ แถมป้ายแดง ผ่อนนานเท่าอายุพ่อตา-แม่ยาย ครึ่ดถนนยิ่งกว่าเดิม!

ไม่มีใครอนาทรร้อนใจถึงพรุ่งนี้ ห่วงกันแต่ว่า วันนี้..หมู่บ้านเขาได้เงินกองทุนทักษิณเท่านี้ แล้วทำไมหมู่บ้านเราได้เท่านี้-น้อยกว่าเขา ถือว่าเสียหน้า อายหมาแต่ละหมู่บ้าน

ระดับชาวบ้าน-ชนบท วันนี้ ก็คิดกันอยู่เท่านี้ "ระบอบทักษิณ" คือลมหายใจที่ทุกคนต้องพยายามรักษาไว้ให้อยู่ เพราะระบอบทักษิณ คือการให้ออกซิเจนผสมคาร์บอนมอนอกไซด์

เป็นหนี้ สร้างหนี้ใช้หนี้ แล้วก็เวียนไปต่อหนี้ เอามาเติมยอดหนี้ เพื่อใช้หนี้-ของหนี้-ของหนี้ และ ของหนี้

จนเกิดระบบตาข่ายหนี้ หนี้-หนี้-หนี้-หนี้-หนี้-หนี้ กางคลุมไปตามชุมชน ตามหมู่บ้าน ในสังคมระดับรากหญ้า แถมเป็นลูกโซ่ยาวไม่รู้จบ

นี่คือระบบ "ห่วงโซ่ทองของระบอบทักษิณ" ที่คล้องคอชาวประชารากหญ้า และต่างประชันขันแข่งกันว่า "ห่วงโซ่" ที่คล้องคอของใครจะใหญ่กว่ากัน

ของใครใหญ่กว่า แสดงว่าคนนี้ใกล้ชิดอำนาจ "ระบอบทักษิณ" กว่า

กลายเป็นคน "มากบารมี" เป็นที่น่าเกรงขามในชุมชนนั้นๆ ไป!

หนี้อีกอย่างที่ "เป็นหนี้" กันมากตามชนบทเวลานี้ คือ หนี้ค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ และค่าโทรศัพท์มือถือ!

ประเทศไทยนั้น มีน้ำมัน มีก๊าซธรรมชาติ..ใครว่าไม่มี แต่ที่มีและขุดมาใช้แล้วทั้งหมด รวมถึงที่เจอแล้วแต่ยังไม่ได้ขุดขึ้นมาใช้

เป็นทรัพยากรของไทยก็จริง แต่ไทยไม่ได้เป็นเจ้าของหรอกครับ

ฝรั่งต่างชาติ "อเมริกัน" มันสมคบกับการเมือง ฮุบ และครอบครองทรัพยากรส่วนนี้ ขุดเจาะจากไทยไปเป็นของมัน แล้วก็ขายให้เราใช้ในราคาตลาดโลก!


ประเทศจีนนั้น ฟื้นขึ้นมาได้วันนี้ ไม่ใช่เพราะใช้ระบอบคอมมิวนิสต์หรอกครับ หัวใจหลักของการฟื้นฟูชาติได้สำเร็จ คือ

จิตสำนึก "คนทั้งชาติ" ให้รู้จักประหยัดใช้ ในสิ่งที่ตัวเองไม่มี หรือมีน้อย

โดยเฉพาะพลังงาน


ฉะนั้น ที่เราเอามาพูดเป็นของสนุก เป็นเรื่องตลก เป็นเรื่องส่อถึงความยากลำบาก น่าสมเพชเวทนาต่อประชาชนคนจีนในยุคเหมาครองอำนาจ ก็คือ

เรื่องจักรยาน!

คนจีนกว่าพันล้าน ถนนแต่ละสาย กว้าง-ใหญ่กว่าถนนราชดำเนินประมาณ ๓-๕ เท่า

แต่ใช้รถจักรยานปั่นดำพรึ่ดไปทั้งถนน นอกจากรถทางราชการ และรถบรรทุกสินค้าแล้ว ระดับชาวบ้าน ปั่นจักรยานเหมือนกันหมด


"จีนรวย" เหนือโลกวันนี้ รากฐานมาจาก "จีนยอมจน" ในวันนั้น ด้วยการปั่นจักรยานกันทั้งประเทศ

"เวียดนาม" เหมือน "เต่า" ส่วนไทยเหมือน "กระต่าย"

เวียดนามอยู่ข้างหลังไทยภายใต้คำว่า "พัฒนา" ร่วมร้อยปี แต่สภาพเป็นจริงในวันนี้ "เต่า" กำลังแซง "กระต่าย" และจะกลายเป็นตัวนำเหนือไทยในอีกไม่เกิน ๑๐-๑๕ ปีด้วยซ้ำ สาเหตุสำคัญนั่นคือ

คนเวียดนาม มีจิตสำนึก "ประหยัด" โดยเฉพาะพลังงาน และไม่พยายามบริโภคสินค้าต่างชาติ

จักรยานปั่น และมอเตอร์ไซค์ มีมากกว่าการใช้รถยนต์ของคนเวียดนาม ทั้งที่จริงๆ แล้วเขามี "พลังงานน้ำมัน" ในประเทศมากกว่าของเรา แต่เขามีวิสัยทัศน์

ประหยัดน้ำมันไว้เพื่อใช้สร้างพลังงานส่วนรวม ด้านส่วนตัว ปั่นจักรยาน อย่างเก่งก็ขี่มอเตอร์ไซค์ อย่างที่คนไทยไปเห็นแล้วนำมาคุยกันในเชิงหยันว่าเขา "ซำเหมา" กว่าเรานั่นแหละ

ผมไม่ได้หมายความว่า ประเทศไทยต้องหันมาปั่นจักรยานสร้างชาติอย่างเขา แต่จงมองให้เห็นแก่นจากสิ่งนั้น

นั่นคือ อดทน อดออม กินประหยัด-อยู่ประหยัด และภูมิใจในการใช้สินค้าของเราเอง

แต่งใจให้สวย มากกว่า แต่งตัวให้สวย

ประเทศที่เห็นชัดในด้าน "ไม่ใช้สินค้าต่างประเทศ" โดยไม่จำเป็น "อดทน-ประหยัด-สร้างชาติด้วยวินัย" และเขาพบความสำเร็จ โลกเลื่อนเกรดให้เขาขึ้นอันดับ "ประเทศพัฒนาแล้ว" ในเวลานี้คือ

เกาหลีใต้ ที่เมื่อ ๕๐ ปีที่ผ่านมา ไทยต้องบริจาคเงินช่วยเหลือเป็นรายปี!

ประเทศที่น่าจับตา และน่าสนใจมากที่สุดในภูมิภาคนี้ และในขณะนี้คือ "เวียดนาม"

เขาฟื้น และกำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วย "เคล็ดลับ" วิชาอะไร ท่านทราบไหมครับ?

จะบอกให้ก็ได้ เคล็ดลับสร้างชาติจนโชติช่วงของเวียดนาม นั่นคือ

อดทน-ประหยัด-พัฒนาโดยไม่ทำลาย "ภูมิทัศน์" ประเทศ

แล้วเดินหน้าด้วยระบบ "เศรษฐกิจพอเพียง"!


หันมาดูบ้านเรา รัฐบาลรักษาการ "ซังกะตาย" กับวิธีการแก้ไข-รับมือวิกฤติน้ำมัน ผมเห็นแล้วทั้งหยันและหยาม..บอกตรงๆ

น้ำมันขึ้นที รัฐมนตรีก็มีสูตร ๓ อย่างมาท่องหลอกชาวบ้านที

๑.กำลังขยายการผลิต-เพิ่งโรงงานผลิตเอทานอล เพื่อมาผสมเป็นก๊าซโซฮอล์

๒.กำลังรณรงค์ให้ผู้ใช้รถยนต์หันมาใช้ก๊าซ NGV และกำลังเพิ่มปั๊มให้แพร่หลายมากขึ้น และ

๓.นำสูตรสำเร็จ ๒ ข้อแรกที่ท่องขึ้นใจแล้วมาท่องใหม่ ฮือฮาเรื่องราคาน้ำมันวันไหน รัฐมนตรีก็รีบออกมาท่องให้ชาวบ้านฟังใหม่วันนั้น


เวรกรรมของประเทศไทย!

รูปธรรม "การประหยัด" คือ "รูปวงกลม" อันรูปวงกลมนั้น ใครมองก็ไม่เห็นหัว-เห็นหาง แต่ความจริงมัน "มีหัว" ถ้าถามว่า "อยู่ตรงไหน" ก็ตรงปลายดินสอ "จรดแรก" นั่นแหละ การประหยัด "จากประชาชนเพื่อชาติ" ก็เช่นนั้น "หัว" มันก็ต้องเริ่มต้นที่ ๓๕ + ๑ คน คือ "คณะรัฐมนตรี" นั่นเอง.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์