โพลล์ชี้ประชาชนยังเลือกไทยรักไทยแม้ทักษิณลาออก

โพลล์ชี้ประชาชนยังเลือกไทยรักไทยแม้"ทักษิณ"ลาออก

โพลล์ ระบุ ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เชื่อว่าจะมีการปฏิวัติ ร้อยละ 43.9 ระบุ แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะลาออกก็ยังเลือกพรรคไทยรักไทย

(2มี.ค.) ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล เผยผลสำรวจเรื่อง"ประชาชนคิดอย่างไรต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันและการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายนกรณีศึกษาประชาชนทั่วไปในเขต กรุงเทพมหานคร ในครั้งนี้ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่พักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,277 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการสำรวจในวันที่ 28 ก.พ.-1 มี.ค.2549 ประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจมีดังต่อไปนี้

ผลสำรวจความคิดเห็นของตัวอย่าง กรณีความเชื่อต่อข่าวลือเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในขณะนี้นั้นพบว่า ตัวอย่างร้อยละ 39.4 ระบุเชื่อว่าข่าวลือที่เกิดขึ้น ในขณะที่ตัวอย่างร้อยละ 60.6 ระบุไม่เชื่อข่าวลือ ทั้งนี้ เมื่อคณะผู้วิจัยได้สอบถามความคิดเห็นของตัวอย่างที่มีต่อข่าวลือในประเด็นต่างๆ พบประเด็นสำคัญที่น่าพิจารณาดังนี้ ข่าวลือว่าจะมีการใช้ความรุนแรงในการชุมนุมนั้น ตัวอย่างร้อยละ 30.8 ระบุเชื่อว่าจริง ในขณะที่ร้อยละ 69.2 ระบุไม่เชื่อว่าจริง นอกจากนี้ ผลการสำรวจพบว่า ข่าวลือนายกรัฐมนตรีจะลาออกนั้น ตัวอย่างร้อยละ 24.6 เชื่อว่าจริง ในขณะที่ร้อยละ 75.4 ระบุไม่เชื่อว่าจริง

สำหรับความคิดเห็นของตัวอย่างต่อข่าวลือว่าทหารจะทำการปฏิวัติหรือรัฐประหารนั้น พบว่าตัวอย่างร้อยละ 14.2 ระบุเชื่อว่าจริง ในขณะที่ตัวอย่างร้อยละ 85.8 ระบุไม่เชื่อว่าจริง

"อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อว่าข่าวลือต่างๆ ที่มีการปล่อยออกมาเป็นเรื่องจริง แต่ก็มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าการชุมนุมจะมีการใช้ความรุนแรง ข่าวลือว่านายกรัฐมนตรีจะลาออก และข่าวลือว่านายกรัฐมนตรีจะใช้กำลังทหาร-ตำรวจปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม" ดร.นพดลกล่าว

นอกจากนี้ ผลสำรวจการทราบข่าวการชุมนุมในวันอาทิตย์ที่ 5 มี.ค.นี้ พบว่าตัวอย่างเกินกว่า 2 ใน 3 ระบุทราบข่าวดังกล่าว ในขณะที่ร้อยละ 20.1 ระบุไม่ทราบ ทั้งนี้ เมื่อสอบถามตัวอย่างถึงความตั้งใจในการเข้าไปร่วมชุมนุมในวันดังกล่าวนั้นพบว่า ตัวอย่างร้อยละ 4.6 ระบุตั้งใจว่าต้องไปร่วมแน่นอน ร้อยละ 2.7 ระบุคาดว่าจะไป ร้อยละ 12.8 ระบุอยากไปแต่กลัวอันตราย ในขณะที่ตัวอย่างส่วนใหญ่คือร้อยละ 79.9 ระบุไม่เคยคิดที่จะไปเลย โดยเมื่อสอบถามตัวอย่างถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการชุมนุมของประชาชนในวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคมนั้นพบว่า ตัวอย่างร้อยละ 28.0 ระบุคิดว่าจะเกิดความรุนแรง ในขณะที่ร้อยละ 49.2 ระบุไม่คิดว่าจะเกิดความรุนแรง และร้อยละ 22.8 ไม่ระบุความคิดเห็น

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ ตัวอย่างร้อยละ 43.9 ระบุถึงแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะลาออกก็ยังจะเลือกพรรคไทยรักไทยอยู่ ในขณะที่ร้อยละ 29.9 ระบุจะไม่เลือกหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก และร้อยละ 26.2 ไม่ระบุความคิดเห็น

ดร.นพดล กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น ผลการสำรวจพบว่า ถ้า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ลาออก ประชาชนกลับให้ความไว้วางใจตั้งใจจะเลือกพรรคไทยรักไทยมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจครั้งก่อนหน้านี้ จากร้อยละ 30 กว่าๆ มาเป็นร้อยละ 40 กว่าๆ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลขที่พรรคไทยรักไทยพอใจได้ เพราะนี่เป็นความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ถ้าหากเป็นความรู้สึกของคนต่างจังหวัดพรรคไทยรักไทยน่าจะได้รับความนิยมสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ จึงไม่น่าจะเป็นห่วงกับกิจการทางการเมืองของพรรคมากเกินไป เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ ม็อบชนม็อบล้อมปราบ พรรคไทยรักไทยก็จะอยู่ได้ลำบาก แต่ก็เป็นธรรมดาของคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตที่มักจะปล่อยวางยากและมักจะเป็นห่วงคนรอบข้างว่าพวกเขาจะอยู่กันไม่ได้ ถ้าตนเองยุติบทบาททางการเมือง

ดร.นพดล กล่าวต่อว่า เมื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายนนี้ ประชาชนจำนวนมากหรือร้อยละ 46.3 ไม่เห็นด้วยเพราะฝ่ายค้านควรทำตามกติกา/เป็นการเล่นเกมทางการเมืองมากเกินไป/ทำให้เกิดความยุ่งยาก ในขณะที่ร้อยละ 21.2 เห็นด้วย เพราะเป็นสิทธิตามกฎหมาย/ฝ่ายค้านไม่ได้รับความยุติธรรม /อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น และ ร้อยละ 32.5 ไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของผู้ที่ระบุไม่เห็นด้วยกับฝ่ายค้านดังกล่าวข้างต้นลดลงจากการสำรวจเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยถึงร้อยละ 74.1 สำหรับผลกระทบต่อความตั้งใจไปเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน เมื่อฝ่ายค้านไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง นั้น พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 30.6 ระบุมีผลกระทบต่อความตั้งใจ ในขณะที่ร้อยละ 48.2 ระบุไม่มีผลกระทบ และร้อยละ 21.2 ระบุไม่แน่ใจ โดยเมื่อสอบถามถึงความตั้งใจไปเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน นั้นพบว่า ตัวอย่างร้อยละ 57.3 ระบุตั้งใจจะไป ในขณะที่ร้อยละ 18.0 ระบุไม่ตั้งใจ และร้อยละ 24.7 ระบุไม่แน่ใจ

ประชาชนจำนวนมากหรือร้อยละ 40.7 เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 2 เมษายน เพราะสถานการณ์ปัจจุบันยังมีความร้อนแรงอยู่/ ควรให้โอกาสฝ่ายค้าน/ ทุกพรรคจะได้มีเวลาในการเตรียมตัวมากขึ้น และไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ในขณะที่ร้อยละ 20.1 ไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า เลือกวันไหนก็เหมือนกัน และการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา และร้อยละ 39.2 ไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตาม ประชาชนครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.0 ไม่ค่อยมั่นใจและไม่มั่นใจต่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ในขณะที่ร้อยละ 39.2 ค่อนข้างมั่นใจและมั่นใจ และร้อยละ 10.8 ไม่มีความเห็น สำหรับประเด็นสำคัญสุดท้าย ได้แก่ ข้อเสนอแนะผ่าทางตันสถานการณ์การเมืองขณะนี้ในทรรศนะของประชาชน ซึ่งผลสำรวจพบว่า อันดับแรก ประชาชน

เสนอแนะให้ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจากันเพื่อยุติความขัดแย้ง รองลงมาคือ นายกรัฐมนตรีควรยุติบทบาททางการเมือง อันดับสามคือ ควรยกเลิกการชุมนุมประท้วง และฝ่ายค้านควรหันมาส่งผู้สมัครรับการเลือกตั้ง ตามลำดับ ดร.นพดล กล่าว

ดร.นพดล กล่าววิเคราะห์เพิ่มเติมว่า ประชาชนคนไทยที่ถูกศึกษาครั้งนี้กำลังคาดหวังสองสิ่งอันดับแรกกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองและชนชั้นนำของประเทศ คือ การเว้นวรรคทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี และการหันหน้ามาเจราจายุติความขัดแย้งท่ามกลางกลุ่มการเมืองฝ่ายต่างๆ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองในเชิงสร้างสรรค์ที่ประชาชนจำนวนมากนับแสนคนชุมนุมเรียกร้องสปิริตของผู้นำประเทศด้วยความสงบไม่เกิดเหตุรุนแรงบานปลายสร้างความโล่งใจแก่ประชาชนทั้งประเทศ แต่ถ้าเกิดเหตุรุนแรงบานปลาย กลุ่มบุคคลฝ่ายต่างๆ รวมทั้งผู้นำประเทศเองคงไม่สามารถหนีความรับผิดชอบได้ และประเทศไทยก็จะพบกับวิกฤตการณ์ประชาธิปไตยซ้ำซากบนซากปรักหักพังและความบอบช้ำของประเทศและคราบน้ำตาของประชาชนผู้สูญเสียที่ไม่มีวันเรียกร้องอดีตแห่งความสงบสุขให้กลับคืนมาได้

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจความนิยมของประชาชนในกรุงเทพมหานครจากโครงการประเมินผลงานรัฐบาลฯ

ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นพบว่าตัวอย่างร้อยละ 37.1 ระบุนิยมพรรคไทยรักไทย (โดยที่ยังไม่ได้ระบุเงื่อนไขว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะลาออก)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์