โต้′ฮิวแมนไรท์สวอทช์′ ยัน รบ.ไม่เคยจ้องจับผู้เห็นต่าง

โต้′ฮิวแมนไรท์สวอทช์′ ยัน รบ.ไม่เคยจ้องจับผู้เห็นต่าง

′วินธัย′โต้′ฮิวแมนไรท์สวอทช์′เข้าใจคลาดเคลื่อน ยัน รบ.ไม่เคยจ้องจับผู้เห็นต่าง

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึง นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์สวอทช์ ที่ระบุให้ รัฐบาลต้องยุติการจับกุมและดำเนินคดีกับบรรดาผู้ที่เห็นต่าง อาจเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากภาครัฐไม่ได้จ้องจับผู้เห็นต่างอย่างแน่นอน จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็นต่อผู้ที่ทำผิดกฎหมายเท่านั้น

ทั้งนี้ ไม่อยากให้มีการไปบิดเบือน สังคมจะสงบสุขได้คนในสังคมต้องเคารพกฎกติกา

ภาครัฐเข้าใจผู้เห็นต่างมาตลอดไม่ได้มองเป็นศัตรูหรือฝ่ายตรงข้าม ยืนยันมีจัดระบบช่องทางสำหรับให้คนเห็นต่างได้แสดงออกให้หลากหลาย ทำไมไม่พยายามจะพูดถึงเลย โดยเฉพาะมีเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจำนวนหลายพันจุดทั่วประเทศ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากตรงนี้จะมีรูปแบบที่เป็นระบบ รวมถึงจะมีผลตอบสนองไปตามความต้องการไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน มองจากภายนอกอาจต้องศึกษาให้ลึกและรอบด้าน

ที่สำคัญไม่ควรให้ความเห็นล้อตามกระแสด้วยมุมมองเชิงอคติ เชื่อว่าหลายประเทศรู้มากขึ้นแล้วถึงบริบทความแตกต่างของประเทศไทย โดยเฉพาะในไทยยังคงมีความพยายามที่จะเคลื่อนไหวลักษณะแอบแฝงซ่อนเร้นความต้องการที่แท้จริง เพื่อหลอกล่อให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะสามารถหยิบไปเป็นประเด็นขยายผลกดดันโจมตี

สำหรับข้อเรียกร้องให้เลิกใช้ศาลทหารในการดำเนินคดีกับพลเรือนนั้น

ยืนยันว่าเท่าที่จำเป็นมีเพียงเฉพาะ 2-3 ฐานความผิดเท่านั้นเอง แบ่งเป็นคดีที่ไม่รุนแรงก็เรื่องคดีการห้ามชุมนุมตามประกาศ คสช. เพราะการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้คนละเมิดสิทธิ์กันอย่างรุนแรง จนถึงขั้นมีการสูญเสียจำนวนมาก นี่คือข้อแตกต่างชัดเจนของไทยกับประเทศอื่นๆ ส่วนคดีที่รุนแรงก็จะเป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคง หรือคดีการใช้ความรุนแรง และคดีที่เกี่ยวข้องความไม่สงบในช่วงที่ผ่านมา

เหล่านี้ถึงจะถูกระบุให้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลทหารเท่านั้น

ซึ่งเคยมีแจ้งไว้เป็นประกาศเพื่อให้สังคมได้รับทราบอย่างเปิดเผย ขออย่าบิดเบือนในลักษณะเหมารวม ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวถูกเสริมเพิ่มเติมเข้ามาตามความจำเป็นจริงที่สอดรับกับสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ เพื่อให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพ สามารถหยุดยั้งการที่มีคนไม่ดีไปละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นด้วยการใช้ความรุนแรงได้ และเชื่อว่าเป็นการบริหารบ้านเมืองในช่วงไม่ปกติที่ไม่ต่างจากสากลทั่วไป

สำหรับความกังวลในเรื่องความยุติธรรม ความเป็นกลาง และความเป็นอิสระในการพิจารณาคดี

ประวัติการพิจารณาคดีของศาลทหารในอดีตที่ผ่านมา ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับผลการพิจารณาคดี ก็ไม่เคยปรากฏพบข้อกังขาใดๆ น่าจะเป็นเพียงมุมมองเดิมๆที่ล้าสมัย และไม่เข้าใจระบบกระบวนการยุติธรรมของศาลทหาร ที่สำคัญยังไม่ได้มีข้อพิสูจน์อะไรในเชิงจับต้องได้ว่าการพิจารณาคดีจากศาลทหารจะไม่มีความยุติธรรม นอกจากจะใช้ความรู้สึกจินตนาการไปเอง โดยที่ไม่มีเหตุผลที่เป็นรูปธรรม มีโอกาสควรมาศึกษาสังเกตการณ์ดูวิธีการการดำเนินการของศาลทหารก่อน ไม่ใช่ให้ข้อมูลไปโดยไม่มีข้อเท็จจริงอะไร ทำให้สังคมสับสน และอาจถูกมองว่าเหมือนไปก้าวล่วงทางด้านสิทธิความเชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของศาลทหารได้

และสุดท้าย ที่กล่าวว่าไทยยังคงละเมิดสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประชาชนต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน เป็นเพียงความรู้สึกด้วยมุมมองส่วนบุคคล มั่นใจผลลัพธ์ที่เห็นเชิงประจักษ์ ยังไม่พบการละเมิดสิทธิ์ของประชาชนโดยรัฐอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เป็นเพียงข้ออ้างที่มักถูกหยิบยกมากล่าวเพียงให้เกิดประเด็นให้สังคมสนใจตามกระแสเท่านั้น



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์