โฆษกฯปชป.อัดกกต.หวังใช้ศาลเป็นเครื่องมือฟอกตัว

โฆษกฯปชป.อัดกกต.หวังใช้ศาลเป็นเครื่องมือฟอกตัว

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2549 15:10 น.

องอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกฯปชป. ระบุกกต.กลัวถูกเช็คบิล ดันทุรังไม่ออก ย้ำส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน พร้อมมั่นใจอำนาจแฝงชักใยให้อยู่จัดการเลือกตั้งต่อ ชี้ให้ศาลมีอำนาจชักใบเหลือ-แดง แค่หน้าฉาก เชื่อศาลไม่ยอมเป็นเครื่องมือฟอกตัวให้กกต.แน่

วันนี้(14 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถูกวิพากษ์วิจารณ์และมีกระบวนการเรียกร้องให้กกต.พิจารณาตัวเองต่อการทำหน้าที่ในปัจจุบัน ถ้ากกต.ชุดเดิมยังทำหน้าที่อยู่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันเชื่อมั่นว่าจะมีความเป็นธรรมในการพิจารณาข้อร้องเรียนต่างๆที่เข้าสู่กกต.จำนวนมากในขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นการที่กกต.ยังอยู่ในอำนาจหน้าที่ต่อไปได้ส่งผลต่อความเชื่อถือเชื่อมั่นต่อประชาชน พรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงว่าที่กกต.ยังไม่ยอมพิจารณาตัวเอง ฟังเสียงเรียกร้องจากสังคม เพราะกกต.กลัวการตรวจสอบกกต.ย้อนหลังหรือไม่ โดยการตรวจสอบย้อนหลังมี 3 ประเด็น คือ 1.การใช้จ่ายงบประมาณ 2.การพิจารณาไม่ให้ใบเหลือง-แดงโดยไม่สุจริตเป็นธรรม 3.การจัดการเลือกตั้งที่เข้าข่ายผิดกฎหมายขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหลายประการ

นายองอาจ กล่าวต่อว่า กกต.ไม่ควรยึดว่าตัวเองมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งเท่านั้น แต่วันนี้กกต.ควรคำนึงถึงความเห็นของสังคมโดยรวมในการทำหน้าที่ต่อไป เพราะกกต.มีอำนาจใช้ทั้งอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการในคณะกรรมการคณะเดียว กกต.จึงต้องเป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระสูงมากกว่าปกติ ที่สำคัญต้องมีสำนึกที่สูงส่งทำตัวให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม แต่ตราบใดที่มีความประพฤติสำส่อนเพื่อประโยชน์ส่วนตัวย่อมส่งผลสะเทือนต่อการทำหน้าที่ และการยอมรับ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้ตั้งข้อสังเกตถึงสาเหตุที่กกต.ยังไม่ยอมลาออก เพราะมีอำนาจแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ หรือมีใครชักใยกกต.ให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ต่อไป หรือเพื่อประโยชน์ของบางพรรค ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ค้างคาใจสังคมไทยตลอดเวลา ทั้งนี้การเรียกร้องจากสังคมต้องการให้มีกกต.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของฝ่ายค้าน แต่เรียกร้องเพื่อประเทศชาติ และสังคมภายใต้รัฐธรรมนูญ ถ้าประเทศยังมีกกต.ที่ไม่เป็นกลางมาทำหน้าที่ก็ไม่มีความสุจริตเที่ยงธรรมเกิดขึ้น เพราะหน้าที่กกต.คือการเป็นด่านหน้าคัดกรองนักการเมืองเข้าสู่สภา แต่การเลือกตั้งที่กกต.ไม่สุจริตจะปล่อยให้นักการเมืองสีเทาเข้าสู่อำนวจทำให้มีการการทุจริตเลือกตั้ง เพื่อที่จะเข้าไปกอบโกย ซึ่งถือเป็นวัฎจักรวงจรอุบาศก์ทางการเมืองที่ไม่จบสิ้น

กกต.เป็นองค์กรอิสระที่สำคัญตามรัฐธรรมนูญ แต่การที่กกต.ดำเนินการขัดกฎหมายและเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ กกต.เองจึงเป็นองค์กรที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญไทยอย่างมาก จึงถึงเวลาแล้วที่กกต.ควรได้รับใบแดง เพราะกกต.พิจารณาให้ใบแดงคนอื่นมามากแล้ว แต่พฤติการณ์และวิธีการทำงานของกกต.จึงสมควรได้รับใบแดงอย่างยิ่งนายองอาจกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กกต.จะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไป แต่ให้อำนาจการพิจารณาใบเหลือง-แดงเป็นอำนาจของศาล โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลที่จะพิจารณา แต่ในทางปฏิบัติศาลเคยปฏิเสธที่จะไปทำหน้าที่เป็นแขนขาให้กับกกต.มาแล้วครั้งหนึ่ง อีกทั้งข้อเท็จจริงอำนาจของกกต.ล้นเหลือ เหมือนกับอำนาจทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ อยู่ในตัวคนๆเดียว ไม่ว่าศาลจะพิจารณาขั้นต้นมาอย่างไรก็ตาม ถ้ากกต.ลงมติไม่เอาตามศาลๆก็ทำอะไรไม่ได้

การที่จะพยายามดึงศาลให้ไปทำงานด้วย คิดว่าศาลคงไม่ไป เพราะไม่อยากเป็นเครื่องมือให้ใครเพื่อที่จะฟอกตัวเอง ส่วนการพิจารณาเรื่องใดๆก็ตาม รวมทั้งเรื่องใบเหลือง-แดง ขณะนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เพราะอำนาจการให้ใบเหลือง-แดง ยังอยู่ที่กกต.ศาลทำได้อย่างมากคือทำตามที่กกต.สั่ง แต่ตนคิดว่าศาลคงไม่ทำ อย่าลืมว่าที่ได้ยินชื่อผู้พิพากษาศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา หรือใครก็ตามที่ไปทำงานให้กกต.ขณะนี้คนเหล่านี้เกษียณแล้ว ไม่ใช่ในฐานะยังทำหน้าที่อยู่ในศาลขณะนี้นายองอาจกล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์