โฆษกศาลรธน. แจง แจ้งความเอาผิดแกนนำแดง

โฆษกศาลรธน. แจง แจ้งความเอาผิดแกนนำแดง

โฆษกศาลรธน. แจงแจ้งความเอาผิด "แกนนำแดง" หลังขมขู่ศาล ยันเป็นหนทางเดียวปกป้ององค์กรได้

นายสมฤทธิ์ ไชยวงค์ โฆษกศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.55 ที่ผ่านมา สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการร้องทุกกล่าวโทษ ที่กองปราบปราม ต่อบุคคลดังต่อไปนี้

คือ  1.นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋งดอกจิก ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 และ 198 และข้อหาทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว และการตกใจโดยการขู่เข็ญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 จากการกล่าวปราศรัยที่หน้าบริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา คดีที่ 2.นายก่อแก้ว พิกุลทอง ในข้อหาข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ให้ปฏิบัติการอันไม่ชอบด้วยหน้าที่ หรือให้ละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา ในการพิจารณาพิพากษาคดี หรือทำการขัดขวางการพิจารณา หรือพิพากษาของศาล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139 140 และมาตรา 198 และข้อหาทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว ความตกใจโดยการขู่เข็ญ ตามประมวลกกหมายอาญา มาตรา 392 จากการปราศรัยต่อกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง เวทีมีนบุรี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. และจากการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ก.ค.55 ที่ผ่านมา  คดีที่ 3.จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และดูหมิ่นศาลในการพิจารณาพิพากษาคดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 198 จากการแถลงข่าวผ่านทางทีวีเอเชียอัพเดต เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.55


นายสมฤทธิ์ กล่าวต่อว่า คดีที่ 4.นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ ข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จ ว่า

คณะตุลาการกระทำความผิดเพื่อให้ได้รับโทษทางอาญา ที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 5 ก.ค.55 ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172-174  คดีที่ 5.กลุ่มบุคคลประกอบด้วย 1.นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ 2.นายมาลัยรักษ์ ทองชัย 3.น.ส.เพ็ญสุดา สินธุญา 4.น.ส.นวพร ประเสริฐอำนวย 5.นายวิสันต์ บุญประกอบ 6.น.ส.สุวรรณา แสงรัตน์  7.นายวันชัย สหกิจ 8.น.ส.สุพร แซ่จึง 9.นายไพโรจน์ ทิพวารี 10.น.ส.ปราณี ปรางทอง 11.นายอิทธิวัฒน์ อนุวัตรวิมล 11.นายถนอม สุทธินันท์ 13.นายปาน พลหาญ 14.นายแดง บำเพ็ญสิน 15.นายมะลิ หอระดาน

16.นายสุรเดช บัณดิต 17.น.ส.นันทกา อินทรานนท์ 18.นายนคิรินทร์ ทุมพันธ์  19.นายไพร็อท ภูกาน  20.นายธีรชัย อุตรวิเชียร 21.ว่าที่ร้อยตรีณราสิน ศรีสันต์ 22.น.ส.สำเนียง นาคพิทักษ์ 23.นางเวียง ศรีคร้าม 24.นายสมศักดิ์ นาคา 25.นายศุภชัย ตระกูลธนกร และ 26.นายสุริน เพ็ชรรัตน์ ในข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ว่า คณะตุลาการกระทำความผิดเพื่อให้รับโทษทางอาญา ที่สถานีตำรวจภูธรคูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 14 ก.ค.55 ซึ่งถือว่ามีความผิดตามประมวลกกหมายอาญา มาตรา 172-174 และคดีที่ 6.นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ และพวกไม่ทราบชื่อ จำนวนประมาณ 50 คน ในข้อหาร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และดูหมิ่นศาล ในการพิจารณาพิพากษาคดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 136 และ มาตรา 198 เหตุเกิดบริเวณหน้าอาคารสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา


นายสมฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า เหตุที่ต้องร้องทุกกล่าวโทษดังกล่าวเนื่องจาก

ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการรับพิจารณาวินิจฉัยกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ แล้ว บุคคลเหล่านี้ได้มีการแถลงข่าว ปราศรัย ตลอดจนใช้วิธีการต่างๆ เพื่อบีบบังคับข่มขืนใจให้วินิจฉัยคดี ให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของกลุ่มตนเอง โดยมีการกระทำเป็นกระบวนการร่วมกันเป็นตัวกลาง แบ่งหน้าที่กันทำปราศจากความเคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง จึงจำเป็นที่สำนักงานต้องดำเนินการเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง อันเป็นภัยร้ายแรงต่อความสงบของบ้านเมือง ซึ่งในส่วนของบุคคลอื่นที่ได้กระทำในลักษณะเดียวกัน แต่ยังไม่ปรากฏชื่อนั้น ทางสำนักงานจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันต่อไป


 “การร้องทุกข์เป็นหนทางเดียวที่สำนักงานจะปกป้องสถาบันได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติอื่นใดที่จะปกป้องตัวเราเองได้ นอกจากการใช้กระบวนการขอความยุติธรรมจากศาล และชี้แจงต่อสารธารณะ ซึ่งการดำเนินการไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณะตุลาการ เพราะสำนักงานเป็นนิติบุคคล เมื่อมีอะไรมากระทบก็สามารถที่จะดำเนินการเองได้ โดยทางสำนักงานจะมีคณะทำงานพิจารณาว่าจะมีหนทางใดที่จะปกป้องสถาบันเอาไว้ และในข้อเท็จจริงเราไม่มีเจตนาที่จะมุ่งร้ายกับใคร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชัดเจนว่ามีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ผรุสวาท อาฆาตมาตรร้ายตุลาการ ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การกระทำหรือคำกล่าวไหนจะผิดจะถูกศาลจะเป็นผู้พิสูจน์ แต่ในส่วนที่เป็นการหมิ่นประมาทตุลาการเป็นการเฉพาะตัวนั้น ทางตุลาการก็จะวิเคราะห์ด้วยตนเอง ถ้าเห็นว่าทำให้ตนเองเกิดความเสียหาย ท่านก็จะดำเนินการด้วยตนเอง แต่ในชั้นนี้ยังไม่พบว่ามีตุลาการไปดำเนินการแจ้งความเป็นการส่วนตัว”นายสมฤทธิ์ กล่าว


 นอกจากนี้ นายสมฤทธิ์ ยังได้กล่าวชี้แจงกรณีที่นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกา

ให้ความเห็นว่าคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีความชัดเจนเพียง 4 คน ส่วนอีก 4 คนคลุมเครือไม่ออกไปทางใดส่งผลให้ทางสำนักงานกฤษฎีกาต้องไปตีความคำวินิจฉัยก่อนจะเสนอแนวทางว่ารัฐบาลควรทำอย่างไรว่า ที่จริงแล้ว คำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการทั้ง 8 คน แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 4 ต่อ 4 เท่านั้น ประกอบด้วย กลุ่มแรกที่บอกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 เป็นอำนาจของรัฐสภาจะแก้ทั้งฉบับหรือรายมาตราก็ได้ ประกอบด้วย นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายบุญส่ง กุลบุปผา นายชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ส่วนตุลาการอีก 4 คนก็มีความเห็นว่าไม่สามารถแก้ทั้งฉบับได้ แต่หากถามว่าจะต้องฟังเสียงทางไหน ก็ต้องไปดูตามคำวินิจฉัยกลาง ในประเด็นที่ 2 ที่ทางศาลรัฐธรรมนูญได้เสนอแนวทางไปให้แล้วว่ารัฐสภาควรจะทำอย่างไรต่อไป


โฆษกศาลรธน. แจง แจ้งความเอาผิดแกนนำแดง


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์