โฆษก ปชป.โว ศก.ไทยติดอันดับ2เอเชีย

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ชี้สอดรับ ธปท.คาดการณ์ ศก.ไทยโตได้ถึง 7.5% โดยภาคการส่งออกขยายตัวสู.สุดในไตรมาสที่ 2 ถึง 42% ฟุ้งสถาบันต่างชาติชี้ ไทยไม่ต้องใช้มาตรการกระตุ้น ศก.ช่วย หรืออาจไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม...

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าววันนี้ (24 ก.ค.) ว่า พรรคได้ประเมินถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อการที่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งแต่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมา โดยได้วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจโดยรวม 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าผลผลิตมวลรวมประชาชาติ มีการขยายตัวถึง 10 % ถือว่ายังสูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชียอยู่ นอกจากนี้พรรคยังได้มีการประเมินโดยหลายหน่วยงานว่าเศรษฐกิจทั้งปีจะเพิ่ม ขึ้นจาก 6 - 7.5 % หลังจากก่อนหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมิณว่าจะอยู่ระดับ 4.5 -5.5 % 

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันภาคที่คิดว่าจะได้รับผลกระทบในเชิงลบต่อการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามที่หลายฝ่ายได้วิเคราะห์ ในช่วงต้นปีนั้น ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยว และการลงทุน กลับได้รับผลกระทบน้อย และฟื้นคืนมาเป็นบวกเร็วกว่าที่ทุกฝ่ายเคยวิเคราะห์ เพราะการท่องเที่ยวก็ได้ฟื้นคืนกลับมา ในขณะที่การลงทุนพบว่าดัชนีการลงทุนขยายเป็นบวกสูงกว่าเป็นครั้งแรก ในรอบ 5 ปี ในขณะที่สัดส่วนการของการส่งเสริมการลงทุน BOI นั้น อาจจะสูงถึง 5 แสนล้านบาทตลอดปีนี้ ในขณะที่ภาคที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เช่น ภาคการส่งออกกับพบว่าขยายตัวสูงสุดในไตรมาสที่ 2 ถึง 42 %

นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า จากการวิเคราะห์ดังกล่าว ถือว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ สอดรับว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ทางการเมืองในครึ่งปีหลังของปีนี้ว่า จะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่จะกำหนดว่า เศรษฐกิจทั้งปีจะขยายตัวตามเป้าที่ ได้ระบุไว้หรือไม่ โดยบ่งบอกว่ารัฐบาลก็ได้ใช้แนวทางในการหาจุดสมดุลย์ของการสร้างความมั่นใจ โดยการใช้ พ.ร.ก.แต่เพียงจำกัด และขณะเดียวกันนั้นก็ต้องตอบคำถาม และสร้างแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้การทยอยเลิกใช้ พ.ร.ก.นั้น ดำเนินไป โดยไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง 

“พรรคมั่นใจว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ยืนยันว่า รัฐบาลประสบความสำเร็จอย่างสูงใน การพลิกวิกฤติเศรษฐกิจ กลับมาเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุด ตั้งแต่ประเทศชาติประสบวิกฤติการเมือง และวิกฤติเศรษฐกิจ นั้น ถือว่าเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่นใจให้ กับเศรษฐกิจของประเทศได้อีกครั้งหนึ่ง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า

นพ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเชื่อว่าการประเมินที่ตรงกัน ระหว่างหน่วยงานภายในโดยธนาคารแห่งประเทศ ไทย และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กับหน่วยงานภายนอก ทั้ง IMF และ ธนาคารพัฒนาเอเชียนั้น เห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจไทยอาจะเข้าสู่ช่วงที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง มาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกต่อไป และขณะเดียวกันภาระที่เคยมีการวางแผนไว้ว่าอาจจะต้องหวังพึ่งเงินกู้นั้น ขณะนี้ อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มเติม แต่ก็ยอมรับว่าปัจจัยในการประคองไม่ให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองนั้น มีส่วนสำคัญในการฟื้นคืนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์