โฆษก ปชป.ตอกแกนนำแดงตั้งปฏิญญาเขาใหญ่

              นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และการประกาศปฏิญญาเขาใหญ่ 3 ข้อ ตามแถลงการณ์ของแกนนำนปช. ว่า คนเสื้อแดงกำลังถูกหลอกจากแกนนำและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอีกแล้ว เพราะปฏิญญา 3 ข้อแกนนำนปช.รู้ดีว่า ไม่มีข้อเรียกร้องใดที่จะสามารถดำเนินการได้จริงเลย เป็นการพูดแบบแผ่นเสียงตกร่อง หลอกคนเสื้อแดงซ้ำซาก สร้างความหวังลมๆ แล้งๆ เพื่อหวังดึงมวลชนไว้อยู่กับตัว

           นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า โดยในข้อแรก เรื่องการโหวตร่างรัฐธรรมนูญวาระ3 พ.ต.ท.ทักษิณเอง ก็วิดีโอลิงค์เข้ามายืนยันว่า จะไม่เดินหน้าลงมติในวาระที่ 3 แน่นอน แต่เลือกที่จะเดินหน้าทำประชามติ ประเด็นที่ 2 เรื่องการลงนามรับเขตอำนาจศาลฯ นั้น ตนยืนยันมาหลายครั้งแล้วว่า รัฐบาลไม่มีทางที่จะลงนามรับเขตอำนาจศาลฯ เนื่องจากคดีการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในปี 2553 นั้นไม่เข้าข่ายการพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศ ดังนั้นหากลงนามไปก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ได้ ตรงกันข้าม การรับอำนาจศาลนั้นอาจจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไปขึ้นศาลโลกในกรณีมัสยิดกรือเซะ หรือเหตุการณ์ตากใบ จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลนั้น ไม่กล้าที่จะเดินหน้าในเรื่องดังกล่าว และตนขอท้าว่า ถ้าแน่จริงก็ขอให้ประกาศรับเขตอำนาจศาลเลย เพราะพวกตนมั่นใจในความบริสุทธิ์ และพร้อมต่อสู้ทุกที่ มีแต่แกนนำคนเสื้อแดงเหล่านี้ที่ยังดีแต่พูด

           โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ 3 เรื่องการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมนั้น พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า เราเรียกร้องการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่มีส่วนร่วมกับการชุมนุมแต่ไม่ได้กระทำการใดที่เป็นการผิดกฎหมายอาญา หรือเป็นเพียงการกระทำใดที่ขัดพรก.ฉุกเฉินในขณะนั้น ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลรีบดำเนินการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มคนดังกล่าว แต่ตนก็เชื่อว่านี่ก็เป็นอีก 1 ข้อเรียกร้องที่มีไว้ต้มคนเสื้อแดง เพราะรัฐบาลจะไม่มีทางนิรโทษกรรมให้กับประชาชนจนกว่าแกนนำหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ จะพ้นผิด

            นายชวนนท์กล่าวว่า ตนจึงรู้สึกเห็นใจคนเสื้อแดงจริงๆ ที่ต้องไปร่วมชุมนุมและหลวมตัวเข้าไปอยู่ในกระบวนการล้างผิดให้กับแกนนำโดยหารู้ไม่ว่าข้อเสนอทั้ง 3 ข้อที่เขาพูดนั้นไม่มีวันเป็นจริง และคนเสื้อแดงก็ต้องเป็นหมากให้กับแกนนำต่อไป และเห็นว่าปฏิญญาดังกล่าวนั้นควรจะถูกเรียกว่า ปฏิญญาสวมเขาใหญ่คนเสื้อแดงมากกว่า