แม้วไม่เลิกจ้อปูดอีกรัฐบาลพยายามฆ่าตัดตอนสนธิรู้มากเกินไป

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่ยุติการใช้สื่อต่างประเทศ เพื่อโจมตีรัฐบาลและสถาบันเบื้องสูง

โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์นายเบิร์นฮาร์ด ซานด์ ผู้สื่อข่าวนิตยสาร "แดร์ สปีเกล" นิตยสารรายสัปดาห์ชื่อดังของเยอรมนี เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 เมษายนนี้ ซึ่งการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ มีขึ้นที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และแม้ว่า "แดร์ สปีเกล" จะไม่ระบุวันเวลาไว้ แต่เห็นได้ชัดว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้มีขึ้นหลังเหตุการณ์พยายามลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวหารัฐบาลว่า ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยให้เหตุผลว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินทำให้รัฐบาลนี้เลวร้ายยิ่งกว่ารัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ ใช้อำนาจควบคุมทุกสถานที่ ยึดและจับกุมได้โดยไม่ต้องมีหมาย ไม่สนใจสิทธิมนุษยชน และเปิดโอกาสให้มีการเข่นฆ่ากันตามอำเภอใจ พร้อมระบุว่า การที่นายสนธิถูกลอบยิงเป็นความพยายาม "ฆ่าตัดตอน" ของรัฐบาลเพราะรู้เรื่องมากเกินไป


พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ำอีกว่า รัฐบาลโกหกอย่างสมบูรณ์แบบเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามผู้ก่อจลาจล

เมื่อถูกขอให้พิสูจน์ อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลออกมาพูดว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย ก็มีการพบศพคนเสื้อแดง 2 รายในแม่น้ำเจ้าพระยาในสภาพมัดมือไพล่หลัง และกำลังมองหารายอื่นๆ อยู่ในขณะนี้


พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างกับสปีเกลว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย แต่กลับเป็นที่จงเกลียดจงชัง เพราะประธานองคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลทหารที่พยายามโค่นตนจากอำนาจ และเปรียบเปรยตัวเองว่า เหมือนหนูในบ้านหลังหนึ่ง โดยที่มีผู้ที่พยายามจับหนูตัวนี้ให้ได้โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด จนถึงกับลงทุนเผาบ้านทั้งหลัง เมื่อถามถึงข้อกล่าวหายุยงให้เกิดเหตุจลาจลขึ้นในประเทศ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จำเป็นต้องให้การสนับสนุน เป็นกำลังใจต่อคนเหล่านั้น และเมื่อบอกว่าเราต้องการการปฏิวัติ เราหมายถึงการปฏิวัติโดยสันติวิธี

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้สถานการณ์ขณะนี้สงบลงได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่มีทาง

ทางเลือกเพียงอย่างเดียวตอนนี้ก็คือการสร้างสมานฉันท์ในวงกว้าง และอ้างว่าฝ่ายตนใช้สันติวิธี เหตุรุนแรงเกิดขึ้นจากรัฐบาลที่มีทหารเป็นผู้สนับสนุน วางคนเข้ามาอยู่ในกลุ่มผู้ประท้วง ฆ่าคนและสร้างเหตุจลาจลขึ้น
อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงตนเองว่า ใช้เวลาส่วนมากในการเดินทาง ไม่เคยอยู่ที่ใดที่หนึ่งเกิน 2 สัปดาห์ และอ้างด้วยว่ามีธุรกิจที่จะต้องดูแล กลุ่มเสื้อแดงในไทยเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตนเอง บางครั้งอาจโทรศัพท์มาเพื่อขอคำแนะนำ แต่ไม่จำเป็นต้องเชื่อถือคำแนะนำของตน พร้อมกับย้ำด้วยว่า ไม่เคยให้เงินสนับสนุนกลุ่มเสื้อแดง เพราะถูกอายัดทรัพย์สินอยู่ในเวลานี้

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า การยึดพาสปอร์ตไม่ได้ส่งผลกระทบ ตอนนี้มีพาสปอร์ตของหลายประเทศ เพื่อนๆ และผู้นำจากหลายประเทศเสนอให้สถานะพลเมืองกิตติมศักดิ์ ประธานาธิบดี แดเนียล ออร์เตก้า แห่งนิการากัวสนับสนุนตนอย่างเข้มแข็งด้วยการมอบพาสปอร์ตทูตให้

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยืนยันว่า จงรักภักดีและในฐานะที่เป็นคนไทยและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีทำให้พูดอะไรเกี่ยวกับสถาบันมากไม่ได้

เนื่องจากไม่มีเสรีภาพในการพูดและแสดงออกในไทย แต่ยังอดไม่ได้ที่จะย้ำอย่างหนักแน่นว่า องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต้องเข้ามาช่วยเหลือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
"ทั้งสองฝ่ายต่างกระทำความผิดด้วยกันมา ถึงเวลาที่จะปรองดองด้วยการให้อภัยซึ่งกันและกัน ลืมอดีต และมองไปข้างหน้า เราควรจะเป็นชาติที่เป็นหนึ่งเดียวและผู้คนที่เป็นหนึ่งเดียว แต่ผมจะไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และอีกฝ่ายก็จะไม่ยอมรับผม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯต้องทรงลงมาช่วยเหลือ พระองค์ต้องดำเนินการให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และจากนั้นเราจำเป็นต้องมีการเลือกตั้งใหม่ขึ้น" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวในที่สุด

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์