แม้วปัดตั้งธงแก้แค้นแค่สาปแช่งตามศรีปราชญ์

"แม้ว"กร้าวมีปัญญาสู้ได้ ไม่มีวันยอมแพ้ ระบุคนไทยเหี้ยมขึ้น "คนแก่" กลายเป็น "เด็ก" อ้างยกโคลงศรีปราชญ์ไม่หวังแก้แค้นแค่สาปแช่ง ย้ำเรื่องราคาหุ้นขึ้น-ลงตามกลไกตลาด ซัดมีคนเขียนคำพิพากษาให้องค์คณะยกความสงสัยมาเป็นโทษแก่จำเลย คิดผิดเข้าการเมืองไม่ยอมฟังเสียง"จิ้งจก"ทัก

เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 2 มีนาคม สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมวอยส์ทีวี ซึ่งรับชมผ่าน www.voicetv.co.th ของนายพานทองแท้  ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 

ได้แพร่ภาพเทปการสัมภาษณ์พิเศษพ.ต.ท.ทักษิณ โดยมี น.ส.ตวงพร อัศววิไล เป็นผู้ดำเนินรายการ เป็นเวลา 04.43 นาที โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ตอบคำถามที่ถามถึงทางออกของบ้างเมืองในขณะนี้ว่า "ความจริงแล้วคนไทยด้วยกัน ผมถึงเสนอให้พิจารณาไปแล้ว แต่ที่บอกเสนอไปไม่ใช่เพราะผมอ่อนแอ แต่ผมบอกว่าจะให้ประเทศไทยช้ำกว่านี้ไหม แต่ของผมมันช้ำสุดแล้ว ถ้าผมจะช้ำอีกหน่อยผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ประเทศไทยช้ำเยอะแล้วจะให้ช้ำต่อไปอีกหรือ ถ้าไม่อยากให้ช้ำก็ควรที่จะเริ่มพูดคุยให้มันจบ ถ้าคุณคิดว่าคุณยังมีความสามารถในการจะบี้ผมให้ตาย คุณกำลังคิดผิด พระพุทธเจ้าก็สอนเอาไว้แล้วเรื่องทางสายกลาง อะไรมากไปไม่ได้น้อยไปไม่ดี คุณยิ่งทำมากเท่าไหร่มันยิ่งไม่ดีกับคุณ นี่ผมพุดอย่างตรงไปตรงมาเลยนะ  ดังนั้นวันนี้ก็ควรจะหันหน้าเข้าหากันแบบคนไทย หรือว่าวันนี้คนไทยไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะคนไทยเหี้ยมกว่าเดิมหรือไง หรือว่าคนไทยที่แก่เป็นเด็กใหม่"


ผู้ดำเนินรายการถามว่า การยกโคลงศรีปราชญ์หลังคำพิพากษาทำให้มีบางคนตีความว่าต้องการล้างแค้น

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า  "ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงการสาปแช่ง ศรีปราชญ์จะแก้แค้นใครได้เพราะถูกตัดหัวไปเรียบร้อยแล้วจะไปมีปัญญามีกำลังอะไรมาแค้นใคร ผมไม่มีอำนาจอะไรแล้วไม่มีอิทธิพลใดๆ นอกจากมีหัวใจให้กับคนและก็มีสัญลักษณ์ว่าผมได้ต่อสู้เพื่อพวกเขามานาน แต่วันนี้ผมกำลังถูกรังแกเขาก็เลยจะต่อสู้เพื่อผมบ้าง ไม่ใช่เพื่อผมอย่างเดียว แต่ผมมันเป็นสัญลักษณ์แต่เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง ให้ได้มีโอกาสมีคนอย่างผมเยอะๆที่มาทำงานให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำแล้วตาย ทำแล้วตายประชาชนก็ตายด้วย ผมเป็นสัญลักษณ์ตรงนี้ผมไม่มีกำลังอะไร เพราะฉะนั้นผมจะไปแก้แค้นอะไรนอกจากสาปแช่งแต่ที่ต้องสาปแช่งเพราะอย่างที่ผมเล่าให้ฟังว่าไปขุดดินมา ทำนามา ปาดเหงื่อยังไม่ทันแห้งได้สตางค์มาก้อนหนึ่งก็ถูกปล้น แล้วยังไปหาว่าผมขโมยมา ตรงนี้แหละที่ต้องแช่งเอาเงินไปแล้วยังไม่พอมาบอกว่าผมไปขโมยมาทั้งที่ผมทำมาหากิน ผมเลยต้องแช่ง"

ผู้ดำเนินรายการถามว่าวันที่ศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ถือเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตของท่านหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า

"ก็ยังไม่รู้ครับ ชีวิตยังไม่จบเลยไม่สามารถจะบอกได้ว่าอะไรที่แย่สุด บางทีสิ่งที่บอกว่าแย่อาจะกลายเป็นดีในอนาคตก็ได้ เขากำลังวางทางให้ผมหรือเปล่าผมไม่รู้ แล้วแต่แล้วแต่พระเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์วางฐานให้ผมต้องเป็นอย่างนี้หรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าผังชีวิตของผมมันต้องเดินมาเผชิญอย่างนี้ แล้วจะจบอีกอย่างหนึ่ง จบอย่างไรไม่รู้ไม่มีใครฝืนพังชีวิตของตัวเราเองได้หรอก เมื่อผังชีวิตผมถูกกำหนดมาให้มีชีวิตที่ถูกลงโทษ กลั่นแกล้งถูกเข้าใจผิดโดยคนบางกลุ่มอย่างไรมันก็เป็นผัง เมื่อจบแล้วมันจะจบแบบไหนเราไม่รู้ เพราะผมไม่สามารถระลึกชาติได้ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำกรรมอะไรไว้บ้าง แล้วชาตินี้ต้องทำอย่างนี้ผมก็ไม่รู้แต่แน่นอนครับ ผมจะไม่มีทางที่จะหยุดยั้งที่จะต่อสู้เพื่อให้ความจริงปรากฎ ผมจะสู้ด้วยความจริงเท่านั้น และผมจะสู้อย่างสันติโดยสติปัญญา สู้โดยสติปัญญา ผมคิดว่าผมมีปัญญาสู้ได้ ผมไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด"


จากนั้นเวลา 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทอล์ค อะราวด์ เดอะ เวิร์ล ซึ่งออกอากาศทางเว็บไซด์ทักษิณไลฟ์ (www.thaksinlive.com) และสถานีโทรทัศน์พีเพิล ชาแนล

ถึงควันหลงจากคดียึดทรัพย์ว่า ยิ่งดูหลายๆเรื่องก็ยิ่งเห็นใจผู้พิพากษาในคดีนี้ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเหมือนกับมีคนไปเขียนคำวินิจฉัยกลางแล้วให้ผู้พิพากษาอ่าน มีการเขียนโดยมีผู้พิพากษาวงในเป็นคนทำและให้คนที่นั่งว่าคดีเป็นคนอ่าน เพราะมีความขัดแย้งกันหลายอย่าง 7 กุมภาพันธ์ที่หุ้นขึ้น และไม่ใช่วันที่ตนดำรงตำแหน่งนายกฯ เพราะได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งวันนั้นก็ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ต้องพาครม.ไปเข้าเฝ้าถวายสัตย์ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน อยากชี้แจงเรื่องหุ้นกลุ่มชินฯอีกครั้งว่า เรื่องนโยบายพรีเพด ไม่ได้มีผลต่อการขึ้นของหุ้นชินฯ กรณีโรมมิ่งนั้น ในวันที่มีการเจรจากันและมีการลงนามกัน ราคาหุ้นชินฯลดลงเหลือ 10.20 บาท จากวันที่เริ่มเจรจา จึงแสดงให้เห็นว่าเรื่องราคาหุ้นขึ้นลงตามสภาวะตลาดหุ้น ยังขอยืนยันว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงพ.ร.ก.ภาษีสรรสามิต นั้นก็ไม่ได้ทำให้สัดส่วนการจ่ายส่วนแบ่งให้รัฐในอัตราเท่าเดิม และหุ้นชินฯขณะนั้นก็ขยับจากเดิม 9 บาท เป็น 10 บาท ส่วนหุ้นของชินแซทฯ 21 มกราคม ที่อนุมัติดาวเทียม ราคาหุ้นก็ยังไม่ขึ้น จนปลายปีเดือนพฤศจิกายน ดัชนีหุ้นจาก 300 กว่าในช่วงต้นปี ขยับเป็น 600 กว่า และราคาหุ้นในตลาดก็ขยับตามดัชนีของตลาด ขอยืนยันว่า ราคาของหุ้นชินฯและในกลุ่มไม่เคยกระโดดเปลี่ยนแปลงจากหุ้นบูลชิพในตลาดแต่อย่างใด เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากตัวเลขที่มี ตนจึงบอกว่า ผู้พิพากษาที่เขียนไม่ได้เป็นองค์คณะจึงไม่ได้ดูข้อมูลข้อเท็จจริง ดูคำชี้แจงอะไรเลยแต่เขียนตามเป้าตามโผที่มี


 

"วันนี้หลักนิติธรรมหลักกฎหมายไม่เหลือแล้ว และหลักก็โน้มเข้าหาสิ่งที่เขาอยากให้เป็น ผมจึงเป็นเหยื่อ และคงต้องต่อสู้ต่อไป หน่วยข่าวของผมบอกว่าใครมาสั่ง ใครมาวุ่นวาย คดีนี้ศาลไม่ปกติ คดีอาญาเขามีหลักให้ยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย แต่ที่นี่ยกความสงสัยมาลงโทษจำเลย และก่อนลงโทษก็ต้องมองหาคุณความดีของนักโทษแต่นี่ไม่ใช่ นี่จะเป็นประวัติศาตร์แห่งยุติธรรมของไทย" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว


พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขอกลับมาเรื่องเบาๆ ที่สัญญาไว้ โดยมีคนส่งกฎหมายเรื่องระบบนิติสังคม หรือนิติรัฐมาให้อ่าน วิชานิติศาสตร์สูงกว่าวิชากฎหมาย เพราะต้องมีหลักเป็นสากลระดับโลก เปรียบเทียบไทยว่า มีทหารแต่ไม่มีนักการทหาร คือทหารคือผู้รับคำสั่งให้ไปรบ รับคำสั่งซ้ายหัน ขวาหัน แต่นักการทหารจะมียุทธศาสตร์ ด้านกฎหมายก็คือไทยมีกฎหมายมาก แต่มีนักนิติศาสตร์น้อยเกินไป จึงเป็นเช่นนี้ นอกจากนี้ คนที่ใช้ชื่อว่า เสรีชน ส่งข้อมูลเรื่องการฟ้องคดีนี้กับศาลโลก ตนไม่ได้หมายความว่าจะขึ้นศาลโลก แต่เป็น International Advisory Verdict แต่ตรงนี้พูดมากไม่ได้เดี๋ยวอีกฝ่ายจะรู้ ซึ่งตรงนี้ตนอาจจะพูดสับสนบ้างเพราะความเครียด แต่จากคำแนะนำให้ไปตรงนั้นตรงนี้ก็ดี ถือว่าตรงกัน เพราะนักกฎหมายต่างประเทศก็ยืนยัน และแย้งคำพิพากษาเป็นจุด ๆ  ให้ฟังนั้น ที่บอกว่าเอื้อพม่ากรณีเงินกู้ ก็ให้บอกว่า ในทางปฏิบัติของเอ็กซิมแบงค์นั้น เป็นเงินกู้ ไม่ใช่เงินให้เปล่า เรื่องราคาหุ้นที่ขึ้นก็เป็นไปตามสภาวะตลาด เพราะสำนักทรัพย์สิน ก็หุ้นขึ้นกว่า 700% 


"มีคนบอกว่าผมตาดูดาวเท้าติดอำมาตย์ ผมเลยต้องกลับไปดูหนังสือตาดูดาวเท้าติดดินที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ ที่ผมเคยบอกว่าจะลาออกจากธุรกิจเพื่อไปเล่นการเมือง ก็มีคนถามว่าคิดดีแล้วเหรอครับ การเมืองไทยมันเลวร้าย เข้าไปแล้วมันจะเสีย ประมูลก็ประมูลยาก นักการเมืองก็จะกันท่า ผมก็ตอบคำถามของคนที่ห่วงเหล่านี้ว่า ไม่ต้องห่วง ผมไม่เปลี่ยนเจตนารมณ์แน่นอน เพราะผมคิดดีแล้ว ความจริงเมื่อกลับมาอ่านตรงนี้แล้ว เหมือนกับจิ้งจกทัก เพราะลูกเมีย และกรรมการบริหารเขาก็เตือนแล้ว แต่ดันทุรังเอง ซึ่งวันนี้รู้แล้วว่าคิดผิด นักธุรกิจทั้งหลายหากจะเข้ามาการเมืองก็ต้องหยุดหมดเพราะไม่รู้ว่าเราจะไปเหยียบตาปลาใครเมื่อไหร่"พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวและว่า ขอเตือนผู้ส่งออกให้ระมัดระวังด้วย เพราะค่าเงินของยุโรปกำลังผันผวน โดยเฉพาะเงินปอนด์ เนื่องจากความกังวลเรื่องการเมืองที่ฝ่ายค้านอาจจะชนะเลือกตั้ง จึงขอให้ผู้ส่งออกเตรียมซื้อเงินล่วงหน้าไว้เพื่อป้องกันการขาดทุนด้วย



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์