แม่สามเกลอเจอดีคนแถวบ้านบอยคอต

คมชัดลึก :แม่สามเกลอ! "ทุกข์" เพราะลูก "แม่วีระ" เผยวันปะทะ 10 เม.ย.สุดห่วงลูก วอนขอให้หยุด-พอ หวั่นอันตราย "แม่ณัฐวุฒิ" เจอปาของใส่หลังคาบ้านทั้งคืน ช่วงกลับบ้านสงกรานต์ "แม่จตุพร" ไม่เห็นด้วย-ไม่ขอเกี่ยวข้อง แต่ยังคุยกัน เว้นเรื่องการเมือง

แม้ภาพในด้านหนึ่ง แกนนำสามเกลอของ นปช. ซึ่งประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ จะสั่งการให้แนวร่วมเสื้อแดงเคลื่อนพลไปกดดันตามสถานที่สำคัญเชิงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกัน พ่อแม่และญาติพี่น้องของแกนนำทั้งสามในจังหวัดทางภาคใต้ก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ต่อต้านการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงด้วยเช่นกัน


 นางส่อง มุสิกพงศ์ มารดาของนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.อีกราย
 
ซึ่งปัจจุบันยังพักอาศัยอยู่ที่บ้านบูรพา ต.ระวะ อ.ระโนด จ.สงขลา อันเป็นภูมิลำเนาเดิม เปิดเผยว่า
หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน หลังเกิดเหตุตนโทรศัพท์ไปหาลูกชายเพื่อขอเดินทางไปเยี่ยมที่กรุงเทพฯ แต่นายวีระห้ามว่าอย่าเดินทางขึ้นไปเลย ไม่มีอะไรน่าห่วง อีกทั้งความเป็นอยู่ที่นั่นก็ไม่สะดวก


 "ฉันเป็นห่วงเขา เพราะตอนนั้น (ช่วงสลายการชุมนุม) ไม่สามารถติดตามข่าวได้ เนื่องจากพีทีวีถูกปิด เป็นห่วงเขา กลัวจะเกิดอันตรายกับลูก ก็เลยโทรศัพท์ไปหา และขอขึ้นไปเยี่ยมบริเวณที่ชุมนุม แต่ในเมื่อเขาบอกว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง ก็เลยไม่ได้เดินทางขึ้นไปกรุงเทพฯ แต่ก็ได้สวดมนต์ภาวนาทุกคืน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกด้วย และเตือนให้เขาระวังตัวมากขึ้น" มารดานายวีระ กล่าว


 ส่วนบทบาทการเป็นแกนนำของ นปช.ของนายวีระนั้น นางส่อง กล่าวว่า
 
ในฐานะแม่ก็เคยบอก และเตือนว่า ให้หยุด พอได้แล้ว เขาก็รับฟัง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เฉยๆ ก็เลยไม่ได้พูดอีก ส่วนสาเหตุที่บอกให้หยุด เนื่องจากเป็นห่วงลูก หลังเหตุการณ์มันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน จากการติดตามข่าวสารในฐานะคนแก่คนหนึ่งก็มีความรู้สึกว่ามันมีความรุนแรงมาก


หนุนยุบสภา-ปัดไม่เคยถูกคุกคาม


 สำหรับข้อเรียกร้องยุบสภาของคนเสื้อแดง นางส่อง ระบุว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวถือว่าไม่มากเกินไป เพราะเขาเรียกร้องข้อเดียว คือให้รัฐบาลยุบสภา แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่


 "ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของคนเหล่านี้ ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าวไม่ได้เป็นข้อเรียกร้องที่มากเกินไป เชื่อว่าหากรัฐบาลยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่ การชุมนุมก็จบ ทำไมรัฐบาลไม่ทำ หวงอำนาจอยู่ทำไม ทำไมให้เขาไม่ได้" นางส่อง กล่าว


 ส่วนการใช้ชีวิตที่บ้านเกิด แม่ของนายวีระ กล่าวว่า

ขณะนี้ยังใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีใครมาคุกคามหรือข่มขู่ ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลตลอดเวลา ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด


แม่ "ณัฐวุฒิ" เจอปาหลังคาบ้านทั้งคืน


 แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในพื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายณัฐวุฒิ เล่าถึงแรงกดดันที่ครอบครัวของนายณัฐวุฒิได้รับกระแสต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่อย่างรุนแรงว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา นางปรียา ใสยเกื้อ มารดาของนายณัฐวุฒิเดินทางกลับจาก กทม. มายังภูมิลำเนาเดิมที่บ้านเลขที่ 406 หมู่ 5 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เพื่อร่วมทำบุญกับเครือญาติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ช่วงเวลาดังกล่าวสร้างความลำบากใจให้นางปรียาเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ อ.สิชล ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงรู้สึกไม่พอใจการเป็นแกนนำ นปช.ของนายณัฐวุฒิ


 "ในการกลับมาของมารดานายณัฐวุฒิครั้งนี้ มีคนในพื้นที่ซึ่งไม่ชอบพฤติกรรมของนายณัฐวุฒิ ได้ขว้างปาก้อนหิน เศษไม้ สิ่งของต่างๆ ใส่หลังคาบ้านในช่วงกลางคืนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ญาติของนายณัฐวุฒิต้องนำมารดาของนายณัฐวุฒิหลบไปพักบ้านญาติเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่มารดานายณัฐวุฒิจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของนายณัฐวุฒิเช่นเดิม” แหล่งข่าวคนเดิม ระบุ


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

แม้ที่ผ่านมาจะมีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในพื้นที่ อ.สิชล หลายครั้ง อีกทั้งนายธีระศักดิ์ นาคแก้ว ลุงของนายณัฐวุฒิยังเป็นแกนนำ นปช.ภาคใต้ และมักใช้พื้นที่เขาพลายดำรีสอร์ท ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของนายธีระศักดิ์ เป็นสถานที่ประชุม นปช.หลายครั้ง แต่ผู้ที่เข้าร่วมประชุมจะเป็นคนนอกพื้นที่เกือบทั้งหมด ขณะที่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนไม่เห็นด้วยกับแนวทางของนายณัฐวุฒิ


แม่ "จตุพร" ไม่เห็นด้วย-แต่ยังคุยประสาแม่ลูก


 ขณะที่ญาติใกล้ชิดรายหนึ่งของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่บ้านเกิดของนายจตุพรใน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของนายจตุพรทั้งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน หรือทุกเรื่องทางการเมืองของนายจตุพรที่กระทำการลงไป ญาติๆ และครอบครัวทุกคนจะไม่ขอรับรู้ และไม่ประสงค์ที่จะพูดถึง เพราะเป็นเหตุผลของแต่ละคน ซึ่งถือว่าโตๆ กันแล้ว ที่สำคัญทางญาติ รวมทั้งแม่ของนายจตุพรเองก็ไม่รับรู้ และไม่ต้องการจะไปข้องเกี่ยว หรือตักเตือนใดๆ แม้ว่าโดยเหตุผลส่วนตัวจะไม่เห็นด้วยก็ตาม


 "คุณแม่ของนายจตุพรก็อายุมากแล้ว จึงไม่ต้องการจะรับรู้เรื่องอะไร ส่วนเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็รับทราบดี และเห็นใจ โดยจะไม่กล่าวถึงเรื่องการเมืองเวลาคุยกัน" ญาติของนายจตุพร กล่าว


 ญาติของนายจตุพรคนเดิม กล่าวอีกว่า
 
ตอนนี้คนในหมู่บ้านก็รับทราบกันดีว่า ตนเป็นญาติของนายจตุพร แต่เวลามาพูดคุยกันก็จะเลี่ยงพูดเรื่องการเมือง โดยจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ส่วนตัวนายจตุพรก็ไม่เคยกลับบ้านมาเป็นเวลานานมากแล้ว และนานๆ ทีถึงจะโทรศัพท์มาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดคุยเรื่องสุขภาพ และความเป็นอยู่ทั่วไป โดยจะไม่พูดถึงเรื่องการเมืองแต่อย่างใด


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์