แผนเผาบ้านป่วนเมือง-ชิงแผ่นดิน


คมชัดลึก : การชุมนุมของ "คนเสื้อแดง" นำโดย "กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ" (นปช.) ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 5 แล้ว การชุมนุมส่วนใหญ่จะคึกคักในช่วงค่ำ เพื่อฟังวิดีโอลิงก์ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นก็พากันแยกย้ายกลับ


 หลังจาก "ทักษิณ" กล่าวโจมตี "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และ "พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์" องคมนตรี ว่าแทรกแซงการเมืองถือว่าผลตอบรับถือว่า "เกินคาด" ภาษาม็อบเรียกว่า "จุดติด"

 โดยเฉพาะ "พล.อ.สุรยุทธ์" ที่ถูกกล่าวหารุนแรงถึงขั้นร่วมวางแผนปฏิวัติ ได้ออกมาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 คนส่วนใหญ่ที่ติดตามข่าวโฟนอินของ "ทักษิณ" ที่ผ่านมา ก็จะรู้ว่าวิดีโอลิงก์ครั้งนี้เป็นการนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่

 แต่ที่น่าสนใจคือ 3 ข้อเรียกร้องของ "ทักษิณ" ที่ต้องการให้ "ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่, แก้ไขรัฐธรรมนูญ และยกฟ้องทุกคดี"

 ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากรัฐบาลทำตามข้อเรียกร้องของ "ทักษิณ" ถือว่าเข้าทางเตรียมรับความพ่ายแพ้

 แต่ที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ การปลุกระดมประชาชนโดยเฉพาะที่เคยได้รับอานิสงส์ในยุค "ทักษิณ" เป็นนายกฯ ให้ออกมาชุมนุมทั่วประเทศ

 "พี่น้องที่เคยได้รับอานิสงส์จากประชาธิปไตยที่กินได้จากยุคที่ตนเป็นนายกฯ กลับมาคิดเถอะประชาธิปไตยที่ประชาชนมอบหมายอำนาจที่แท้จริงเป็นประโยชน์แค่ไหน... ลุกขึ้นมาให้พร้อมทั้งประเทศ มาร่วมขับเคลื่อนเรียกประชาธิปไตยคืนมา ไม่ต้องมาที่ กทม.ก็ได้ แต่ให้ชุมนุมกันทั่วประเทศอย่างสันติเพื่อประกาศว่าเราหวงแหนประชาธิปไตย แล้วความเป็นอยู่จะดีขึ้น ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ประชาธิปไตยเท่านั้นที่พี่น้องจะมีความสุข พี่น้องร่วมอุดมการณ์อย่าเหนียมออกมานำประชาชนเพื่อต่อสู้ เราไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหายแต่ต้องการประชาธิปไตย เพื่อประชาชน...ขอเรียกร้องคนไทย ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ทำให้เรามีสิทธิเสรีภาพ การต่อสู้ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อประเทศ อย่าเห็นแก่ตัวขอให้เสียสละออกมาต่อสู้..."  เป็นถ้อยคำของทักษิณ ที่กล่าวทางวิดีโอลิงก์
 
 เดิมทีแกนนำ นปช.ไม่คิดว่าการชุมนุมครั้งนี้จะ "จุดติด" แต่กระแสที่ออกมาสวนทางกัน จากที่คิดจะสลายการชุมนุมในวันจันทร์นี้ ทางแกนนำจะหารือก่อนจะเคลื่อนไหวต่อไป

 เพราะแนวคิดของ "แกนนำ" เริ่มมีความขัดแย้งกัน เนื่องจากอีกกลุ่มเห็นว่าควรปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลไม่ให้รัฐบาลเข้าไปทำงานได้เหมือนสมัยรัฐบาล "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" ที่ไม่มีโอกาสได้นั่งในทำเนียบรัฐบาล

 ขณะที่แกนนำอีกกลุ่มเห็นว่าไม่ควรทำ เพราะจะซ้ำรอย "กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ทั้งที่กล่าวโจมตีการกระทำของกลุ่มพันธมิตร แต่เสื้อแดงกลับทำตาม

 และหากคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนสถานที่ไปประชุมที่อื่นก็เคลื่อนกำลังตามไปปิดล้อมก็ลำบาก เนื่องจากกำลังมีไม่มากพอ ที่สำคัญกลัวคุมผู้ชุมนุมไม่ได้อาจเกิดผลเสียตามมา

 มีแกนนำที่เคยเข้าป่าแนะนำว่าให้ใช้ทฤษฎีป่าล้อมเมืองหรือทฤษฎีการเดินทางไกลเดินสายตามจังหวัดต่างๆ หาแนวร่วม โดยรับสมัครองค์กรต่างๆ เข้าเป็นสมาชิกผนึกกำลังรอเวลาระดมพลครั้งใหญ่
 จะเห็นถึงความพร้อมกว่าทุกครั้ง แม้กระทั่งหน่วยดูแลความปลอดภัยครั้งนี้ก็จัดทีมขึ้นมาอย่างเป็นทางการมีประมาณ 2,000-3,000 คน จากเดิมมีเพียง 2 กลุ่ม แต่ครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4-5 กลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดของ "วีระ มุสิกพงศ์" แกนนำ นปช.

 "การชุมนุมครั้งนี้พร้อมกว่าทุกครั้ง ทั้งเรื่องเงินและเสบียง เป้าหมายเพื่อล้มป๋าเปรมและต้องการพิสูจน์ข่าวที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังขัดแย้งกับขั้วอำนาจเก่า ถึงเวลาไม่แบ่ง แต่กลับไปยกให้แก่กลุ่มเนวิน ชิดชอบ ทำให้เพื่อนเกิดความระหองระแหงกันเอง" แหล่งข่าวระดับแกนนำในกลุ่มเสื้อแดง กล่าว

  นอกจากนี้ ยังเป็นการวัดกระแสผู้ที่เคยสนับสนุนป๋าเปรมและพรรคประชาธิปัตย์ว่าขณะนี้ยังให้การสนับสนุนอีกหรือไม่ ถ้ามีคนเรียงหน้าออกมาตอบโต้แทน แสดงว่าข่าวเรื่องความขัดแย้งเป็นเพียงข่าวลือ แต่ถ้าไม่มีใครออกมาช่วยตอบโต้ แสดงว่าคนทั้งสองถูกลอยแพ

 หรือสุดท้ายต้องหา "แพะ" เพื่อรับผิดชอบต่อข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นโดยวัดจากกระแสประชาชน

 ดังนั้นการชุมนุมครั้งนี้ถือเป็นการเปิดหน้าท้ารบแบบ "เผาบ้านป่วนเมือง" เมื่อตัวเองไม่สามารถอยู่อาศัยในแผ่นดินบ้านเกิดได้ เพราะต้องหลบหนีคดีอาญา

 ก็อย่าหวังว่า "ศัตรู" จะได้กินอยู่อย่างเป็นสุข !


สมถวิล เทพสวัสดิ์


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์