แดงเชียงใหม่ยันชุมนุมต่อ รอไล่รมต.ร่วมหอการค้า โวยตร.จัดฉากป้ายสีบึ้มโยงประทุษร้าย-กุข่าวค่าหัวนายกฯ

แดงเชียงใหม่ยันชุมนุมต่อ รอไล่รมต.ร่วมหอการค้า โวยตร.จัดฉากป้ายสีบึ้มโยงประทุษร้าย-กุข่าวค่าหัวนายกฯ

"กลุ่มรักเชียงใหม่"ยันชุมนุมต่อ ปักหลักรอไล่ รมต.ร่วมประชุมกับหอการค้า นปช.โวย ตร.จัดฉากป้ายสี จับแนวร่วมหวังโยงเตรียมการประทุษร้ายนายกฯ อ้างปืนมีใบอนุญาต-แค่ประทัดจุดไล่นก ไม่ใช่ระเบิดปิงปอง มีขายเกลื่อนภูเขาทอง "พัลลภ"ซัด ปชป.กุข่าวค่าหัว 10 ล้านไร้สาระ

"แดง"ชม.ชุมนุมปักหลักรอไล่รมต.


นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่ 51 กล่าวเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศเลื่อนการชุมนุมอีกระยะว่า แม้นายกรัฐมนตรีประกาศยกเลิกการเดินทางมาปาฐกถาพิเศษในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน แต่กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่จะยังชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่ต่อไป โดยเน้นพิจารณาตัวบุคคลที่จะเดินทางมาร่วมประชุม


"เราจะตั้งมั่นอยู่ที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซก่อน และรวมตัวไปขับไล่ทันทีหากมีรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์เดินทางมาร่วมกิจกรรม รวมทั้งรัฐมนตรีบางคนจากพรรคภูมิใจไทย เช่น นายเนวิน ชิดชอบ และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่หากเป็นนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เราไม่ถือเป็นเป้าหมายที่คนเสื้อแดงจะรวมตัวไปต่อต้าน" นายเพชรวรรตกล่าว


เลิกล้อมสภ.เชียงใหม่แลกยุติ"จับ"


แกนนำกลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่ 51 กล่าวว่า การชุมนุมปิดล้อม สภ.เมืองเชียงใหม่นั้น เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา (วันที่ 26 พฤศจิกายน) แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 5 คน ได้เข้าเจรจากับผู้กำกับ และรองผู้กำกับ และมีการตกลงกันว่าพนักงานสอบสวนจะยุติการออกหมายเรียกและหมายจับผม เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่คนเสื้อแดงยอมสลายการชุมนุม ก็จบลงด้วยดีŽ นายเพชรวรรตกล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้แหล่งข่าวจาก สภ.เมืองเชียงใหม่ ปฏิเสธว่าตำรวจไม่ได้รับปากกลุ่มรักเชียงใหม่ 51  ว่าจะยกเลิกหมายเรียกและหมายจับเพื่อแลกกับการเลิกปิดล้อม เพียงแต่อธิบายให้ทราบว่าศาลจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้อนุมัติหมายจับนายเพชรวรรตเท่านั้น และกลุ่มคนเสื้อแดงก็ยอมสลายตัวกลับไปเองในช่วงกลางดึก


ทั้งนี้ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงภาคเหนือเช่น นายจีรโรจน์ กีรติศักดิ์วรกุล ผู้ประสานงานกลุ่มพะเยารักประชาธิปไตย และสภาแดงล้านนาจังหวัดพะเยา นายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานกลุ่มแดงพะเยา ต่างออกมายืนยันตรงกันว่า จะเดินทางไปสมทบกับกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ต่อไปแม้นายกฯยกเลิกกำหนดการร่วมประชุมกับหอการค้า ทั้งนี้ ก็เพื่อปักหลักรอประท้วงบุคคลจากฝ่ายรัฐบาลที่อาจมาร่วมประชุมครั้งนี้  


"แดง"โวยป้ายสีแผนประทุษร้ายมาร์ค


นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แถลงที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ว่ากรณีตำรวจเข้าจับกุมนายณรงค์ บุญจงเจริญ ชาว อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางอาวุธปืน 8 กระบอก และวัตถุระเบิด 6,000 ลูกนั้น มีความพยายามเชื่อมโยงว่าคนเสื้อแดงเตรียมการก่อการประทุษร้ายนายอภิสิทธิ์ในการเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ซึ่งตามข้อเท็จจริงวัตถุดังกล่าวไม่ใช่ระเบิดปิงปองตามที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา แต่เป็นวัตถุที่ใช้จุดเพื่อให้เกิดเสียงดัง ที่นิยมใช้ในเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมา โดยนายณรงค์พยายามชี้แจงกับตำรวจว่าวัตถุดังกล่าวนำมาจำหน่ายในช่วงเทศกาลลอยกระทงแต่จำหน่ายไม่หมดทำให้เหลือค้างและเก็บเอาไว้เท่านั้น


นายณัฐวุฒิที่นำวัตถุคล้ายที่ถูกจับได้ 400 ลูก มาใช้ประกอบการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า เครือข่ายคนเสื้อแดงใน จ.เชียงใหม่ ได้ติดต่อไปยังญาติของนายณงค์ ซึ่งได้ยืนยันว่านายณรงค์มีใบอนุญาตการจำหน่ายดอกไม้ไฟอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าร้านขายของชำของนายณรงค์นั้น มีจำหน่ายพลุและดอกไม้ไฟอื่นด้วย แต่เหตุใดตำรวจถึงไม่แสดงต่อสื่อมวลชน เรื่องนี้จงใจปกปิดข้อเท็จจริงหรือไม่ เพื่อพยายามป้ายสีความผิดให้กับคนเสื้อแดงเหมือนครั้งที่นายอภิสิทธิ์เดินทางไปยัง จ.ปทุมธานี แล้วมีการจับกุมชายพกวัตถุชนิดเดียวกันนี้จำนวน 40 ลูก ซึ่งทันทีที่นายอภิสิทธิ์ทราบข่าวได้เดินทางออกจากงานทันที แต่มาพบในภายหลังว่าชายคนดังกล่าวเป็นชาวนาใน จ.อ่างทอง โดยใช้วัตถุนี้ในการจุดเพื่อไล่นกออกจากนาเท่านั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปล่อยตัวไปในที่สุด


อ้างปืนมีใบอนุญาต-ซัดตร.จัดฉาก


นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สำหรับการครอบครองอาวุธปืนนั้น ประชาชนใน อ.จอมทอง ต่างทราบกันดีว่านายณรงค์ เป็นคนมีฐานะและรับจำนำปืน ซึ่งปืนทุกกระบอกมีใบอนุญาต และหลักฐานการรับจำนำอย่างชัดเจน โดยปืนบางกระบอกยังเป็นของตำรวจด้วยซ้ำ นอกจากนี้จากการสอบถามแกนนำคนเสื้อแดงต่างยืนยันตรงกันว่าไม่เคยพบนายณรงค์ออกมาเคลื่อนไหวหรือทำหน้าที่เป็นการ์ดเสื้อแดงตามที่ถูกกล่าวหา แต่นายณรงค์มีหัวใจเป็นสีแดง และเคยบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงเท่านั้น ดังนั้น การกระทำของตำรวจในครั้งนี้เป็นความพยายามจัดฉากว่าคนเสื้อแดงต้องการก่อความรุนแรงและต้องการทำร้ายนายอภิสิทธิ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงอย่างสิ้นเชิง ขอให้รัฐบาลเลิกทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะเสียที อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นายณรงค์ได้รับการประกันตัว นายณรงค์พร้อมที่จะเดินทางมา กทม.เพื่อแสดงหลักฐานเป็นการตบหน้ารัฐบาลและ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5


ชี้ขายเกลื่อนทั่วกรุงท้าตร.ไปจับ


นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ประทัดที่นำมาแสดงนี้ ซื้อมาจากย่านมีนบุรี 1 ห่อ และย่านภูเขาทองอีก 3 ห่อ ซึ่งหากนายณรงค์มีความผิดในการครอบครองวัตถุชนิดนี้นั้น ขอแจ้งเบาะแสการจับกุมไปยังรัฐบาลให้สั่งการกองกำลังบุกเข้าโอบล้อมภูเขาทองเพื่อกวาดล้างวัตถุระเบิดให้สิ้นซากพร้อมกับจัดแถลงข่าวการทำลายล้างคลังแสงนี้ให้ทั่วโลกได้รับทราบ ซึ่งรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกันกับนายณรงค์


"เรื่องนี้ทำให้เห็นว่ารัฐบาลมีทัศนคติอย่างไรกับคนเสื้อแดง และมีความอำมหิตเพียงใดในการให้ร้ายคนเสื้อแดง จึงขอให้รัฐบาลหยุดบีบคั้นใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดง ที่ใดมีแรงกดที่นั่นจะมีแรงดันถ้าประชาชนเกิดทนไม่ได้ใครจะรับผิดชอบ แม้คนเสื้อแดงจะชุมนุมด้วยความสงบแต่เราไม่พร้อมที่จะได้รับการกดดัน" นายณัฐวุฒิกล่าว


ชี้"ประมวล"กุข่าวค่าหัว"ไร้สาระ"


นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์มีความพยายามที่จะนำเรื่องการจับวัตถุส่งเสียงดังนี้ไปเชื่อมโยงกับแผนการลอบทำร้ายนายอภิสิทธิ์ โดยมีการตั้งค่าหัว 10 ล้านบาท ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เรียกนายประมวล มาสอบถามข้อเท็จจริงว่ากองกำลังที่ไม่ทราบสังกัดนั้นเป็นอย่างไร เพื่อนายสุเทพจะได้ลากคอคนวางแผนมาลงโทษ ซึ่งหากนายสุเทพไม่สามารถดำเนินการได้ก็ให้ลากคอนายประมวลมาชี้แจงต่อประชาชนแทน นอกจากนี้ขอฝากไปยัง พล.ต.ท.สมคิด ให้ตั้งสติให้ดีอย่าใช้กฎหมายทำร้ายคนบริสุทธิ์เพราะวันหนึ่งกรรมจะตามทัน


ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรกับกรณีที่นายกรัฐมนตรียกเลิกเดินทางไป จ.เชียงใหม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เป็นไปตามความคาดการณ์ของพวกตนว่านายอภิสิทธิ์ จะถอยโดยให้ผู้จัดทำหนังสือมาระงับการเดินทางร่วมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิก พท. กล่าวว่า ข่าวตั้งค่าหัวนายอภิสิทธิ์ 10 ล้านบาท เป็นการเต้าข่าวที่ไร้สาระ คงไม่มีใครคิดทำลายนายกฯอยู่แล้ว สมมุติว่าทำลายนายกฯได้ ก็ต้องมีคนอื่นขึ้นมารับตำแหน่งแทน


ชมนายกฯเลิกเดินทางไปเชียงใหม่


ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรียกเลิกการเดินทางไป จ.เชียงใหม่นั้น พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ขอชมเชยว่าทำถูกต้องแล้ว เพราะบ้านเมืองตอนนี้ต้องการความสามัคคี นอกจากนี้ขอชมเชยกลุ่มคนเสื้อแดงที่เลื่อนชุมนุมใหญ่ออกไป และคิดว่าตลอดเดือนธันวาคมไม่ควรจะมีการชุมนุมเกิดขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีแต่เทศกาลสำคัญจำนวนมาก หลังจากปีใหม่ไปแล้วจะชุมนุมกันยาวก็คงไม่มีใครว่าอะไร


นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พท. กล่าวว่า นายกฯยอมปฏิบัติตามคำแนะนำของหอการค้าไทย เป็นการหาทางลงที่ดี ซึ่งต้องขอบคุณนายกฯเพราะอย่างน้อยก็ทำให้ จ.เชียงใหม่ มีความสงบ ไม่มีความวุ่นวาย นอกจากนี้ยังเห็นว่าเมื่อกลุ่มเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมไปโดยไม่มีกำหนดในพื้นที่ กทม.แล้ว คิดว่ารัฐบาลก็ควรจะยกเลิกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในทั่วพื้นที่ กทม.ด้วยเพื่อให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบด้วย


มท.1สั่งผู้ว่ากวดขันพวกชักจูงปชช.


นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านทางระบบวีดิทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) ว่า ขณะนี้ยังมีบางกลุ่มได้กระทำการที่สวนกระแส ก่อความวุ่นวายแตกแยกขึ้นในบ้านเมือง สร้างความขัดแย้งในหมู่ประชาชนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างตามระบอบประชาธิปไตย และขยายความสู่ความแตกแยก หากไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว จะเป็นอุปสรรคและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์รวมถึงการพัฒนาประเทศ ขอให้ผู้ว่าฯช่วยรณรงค์เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เข้าใจว่า ทุกคนย่อมมีอำนาจในการคิดและการตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผล อย่าให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดมาชักจูงเพื่อสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนได้


นายชวรัตน์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจับกุมยึดได้อาวุธปืน และวัตถุระเบิดที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ต้องสืบสวนสอบสวนต่อไปว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะการชุมนุมสามารถทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่หากไม่เป็นไปตามกฎหมาย ตำรวจก็ต้องดำเนินคดี และเชื่อว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันเคร่งครัดสถานการณ์ความรุนแรงจะลดลง


ยุประชาพิจารณ์หาทางแก้ขัดแย้ง


ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรจะมีการเจรจาระหว่างฝ่ายที่มีความขัดแย้งเพื่อยุติปัญหาหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า อยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนตัวเห็นว่าเรื่องทั้งหมดสื่อมวลชนควรทำให้เป็นประเด็นสาธารณะ ให้มีการทำประชาพิจารณ์ช่วยรัฐบาล ว่าประชาชนเห็นว่าเป็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด เพราะอย่างที่เกิดขึ้นในการชุมนุมหลายครั้ง เมื่อฝ่ายข้าราชการ หรือตำรวจเข้าไปควบคุมดูแล อย่างเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยังต้องถูกไล่ออกจากราชการ ทำให้ข้าราชการทำงานลำบาก เพราะหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องอยู่กันไปเรื่อยๆ ดังนั้นควรนำมาเสนอเป็นประเด็นสาธารณะให้สังคมได้มีส่วนร่วม ว่าการชุมนุมมีขอบเขตขนาดไหนและเจ้าหน้าที่ดูแลได้อย่างไรเพื่อความสบายใจของผู้ทำหน้าที่ทุกฝ่าย


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์