แดงรุมทำร้ายทหารเจ็บ3นายที่ดินแดง

 

คมชัดลึก :ยิงบึ้มเอ็ม79ถนนราชปรารภ4ลูกซ้อนปชช.-ทหารหนีตายเข้าตึกใบหยก จุรินทร์แจ้งยอดผู้บาดเจ็บ63ตาย4รายจากเหตุปะทะ "สาทิตย์"แฉแผนปรองดองล่มทักษิณแทรกแซง "สรรเสริญ"พูดชัดเสื้อแดงติดอาวุธ


เมื่อเวลาประมาณ 18.30น.วันที่  14 พ.ค.ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ขณะนั้นได้มีทหารขับรถบรรทุกเข้ามา


และมีผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้พยายามเข้าทำร้ายทหาร ซึ่งขณะเกิดเหตุนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และมีทหารล้มลง ล่าสุดทหารได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ส่วนทหารอีก 2 นายถูกจับลงมาจากรถเพื่อรุมทำร้าย แต่มีผู้ชุมนุมบางส่วนเข้าห้ามปราม ขณะที่ปืนของทหารถูกยึดและรถบรรทุกของทหารถูกกลุ่มผู้ชุมนุมยึดไปด้วย


เมื่อเวลาประมาณ 20.20 น.ได้เกิดเหตุระเบิด ถนนราชปรารภ
สี่แยกประตูน้ำ 4 ลูกซ้อนเสียงดังคล้ายระเบิดเอ็ม 79 พร้อมกับเสียงปืนดังขึ้นอีกชุดใหญ่ตามมา ทำให้ทหารและประชาชนต้องหลบเข้าไปในตึกใบหยก ขณะที่ผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงได้ยืนอยู่ใต้สะพานลอยข้ามแยกประตูน้ำ


รัฐยันไม่ล้มแผนปรองดอง-จี้ยุติม็อบ


 เมื่อเวลา 20.35 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงในนาม ศอฉ.สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การก่อเหตุความรุนแรงและการไม่ยอมรับมาตรการปรองดองมีผลมาจากการแทรกแซงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ การปฏิบัติการของ ศอฉ.ยึดหลักกฎหมายและหลักสากลมาตลอด หากไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมใช้อาวุธก็จะไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้น แต่เนื่องจากมีผู้ชุมนุมใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรงโจมตีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการกระชับวงล้อม ทั้งการโจมตีที่ด่านและการเคลื่อนปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธป้องกันตัวเองและระงับไม่ให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีสุดคือการยุติการชุมนุม ขณะที่แผนปรองดอง 5 ข้อของนายกฯ จะดำเนินการต่อไป หากยุติการชุมนุมลง แผนปรองดองจะดำเนินการต่อไป รัฐบาลขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปปราบปรามหรือสั่งฆ่าประชาชน แต่ปฏิบัติการกระชับวงล้อมและการสกัดกั้นเป็นการดำเนินการเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายและจบลงโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุข


ศอฉ.รับจำเป็นต้องใช้กระสุนจริง


 ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แถลงว่า ตลอดสองวันที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้าย ผู้ชุมนุมบางส่วน กลุ่มจักรยานยนต์กวนเมือง พยายามกดดันด่านทหาร ใช้อาวุธปืนหลายชนิด เอ็ม 79 ระเบิดขว้าง และสิ่งเทียมอาวุธ ยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องป้องกันตัวเองด้วยการปฏิบัติตามหลักการใช้กำลังจากเบาไปหนัก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องรักษาระยะห่างระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม หากผู้ชุมนุมพยายามเคลื่อนเข้าหา เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องใช้ปืนลูกซองกระสุนจริงยิงสกัดกั้น แต่การยิงสกัดนั้น จะพยายามยิงลงพื้น หรือสูงไม่เกินหัวเข่า เพื่อป้องกันยับยั้งไม่ให้ถึงแก่ชีวิต ส่วนปืนเอ็ม 16 ปืนทาโว่ นั้น เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติภารกิจ เพราะชัดเจนว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายมีอาวุธสงคราม แต่ ศอฉ.กำหนดหลักเกณฑ์การใช้งานไว้ชัดเจนคือ 1.ยิงข่มขวัญขึ้นฟ้า 2.ยิงเป้าหมายเมื่อตรวจสอบว่ามีกลุ่มก่อการร้ายและผู้ชุมนุมถืออาวุธร้ายแรงทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชน 3.ยิงเพื่อป้องกันชีวิตเจ้าหน้าที่ แต่การใช้ปืนเอ็ม 16 และปืนทาโว่ ก็มีการกำหนดชัดเจนว่ายิงทีละนัด ไม่ยิงเป็นชุดหรือออโตเมติกเด็ดขาด และไม่ใช้อาวุธอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นเอ็ม 79 ระเบิดขว้าง หรืออาร์พีจี เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้เด็ดขาด


 พ.อ.สรรเสริญยอมรับว่า เหตุปะทะที่เกิดขึ้นเฉพาะวันนี้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย เจ็บอีก 80 ราย นอกจากนี้จากการตรวจสอบของตำรวจยังสามารถยึดเครื่องยิงเอ็ม 79 ปืนเอ็ม 16 ปืนอาก้า ระเบิดขว้างจากกลุ่มนปช. นอกจากนี้ยังพบว่าในพื้นที่ชุมนุมมีผู้ก่อการร้ายนำอาวุธสงครามมาซุกไว้กว่า 68 รายการ อย่างไรก็ตาม ศอฉ.จะเดินหน้าเพื่อให้ยุติการชุมนุมต่อไป


จุรินทร์แจ้งยอดผู้บาดเจ็บ63ตาย4รายจากเหตุปะทะ


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่บริเวณสวนลุมพินี ถนนวิทยุ และอีกหลายจุดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ณ เวลา 19.30 น. ได้รับรายงานจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) มีผู้บาดเจ็บจำนวน 63 ราย   ในจำนวนนี้อยู่ไอซียู 9 ราย เสียชีวิต 4 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 ราย และโรงพยาบาลตำรวจ 2 ราย

 นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ผู้บาดเจ็บทั้งหมดรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 15 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลยาสูบ โรงพยาบาลเทพธารินทร์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์   โรงพยาบาลพระราม 9 โรงพยาบาลทหารผ่านศึก และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์