แฉตู้น้ำชุมชนพอเพียงใช้ไม่ถึง2เดือนแผงโซล่าร์เซลล์เจ๊ง มาร์คสั่งกอร์ปศักดิ์จัดการ


ชุมชนแฉตู้น้ำโครงการพอเพียงเจ๊งไม่ถึง2เดือน คาดต่อวงจรแผงโซลาร์เซลล์ผิดต้องใช้ไฟบ้านแก้ขัด ชาวบ้านไม่กล้าใช้เตาเผาขยะ เผยบริการหลังการขายสุดแย่ อีกชุมชนป้ายข้างตู้ระบุยี่ห้อผู้ผลิตผิดชื่อ "มาร์ค"รับจนท.ยัดเยียดโครงการสั่ง"กอร์ปศักดิ์"จัดการ

จากกรณีที่นายขันติ ปานขลิบ ผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ โปร เทคโนโลยี จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัทขนาดเล็กที่เข้ามารับสินค้าตู้น้ำหยอดเหรียญพลังงานแสงอาทิตย์จากบริษัท บีเอ็นบี อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไปจำหน่ายให้ชุมชนในโครงการชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง ออกมารับประกันว่า สินค้ามีคุณภาพ และมีราคาที่เหมาะสม เบื้องต้นได้จำหน่ายสินค้าไปให้กับหลายชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) อาทิ ชุมชนเปรมประชา และชุมชนร่วมใจรักในเขตดอนเมือง เป็นต้น สินค้าที่ขายไป มี 2 รุ่น คือ รุ่น w-50f2 ราคาเครื่องละ 280,373.83 บาท บวกแว็ต 7% รวมเป็นราคา 300,000 บาท ส่วนอีกรุ่นหนึ่งคือ w-50f1 ราคาเครื่องละ 233,644.88 บาท บวกแว็ต 7% รวมเป็นราคา 250,000 บาท

ผู้สื่อข่าว "มติชน" ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลในชุมชนเปรมประชา แขวงทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง เพื่อยืนยันเรื่องดังกล่าว จากการเปิดเผยของ พล.อ.ต.สมพงษ์ แม้นสงวน ประธานชุมชนเปรมประชา ระบุว่า ชุมชนแห่งนี้ได้ใช้สิทธิจัดซื้อตู้น้ำหยอดเหรียญตามโครงการชุมชนพอเพียงของรัฐบาลจริง เป็นจำนวน 2 ตู้ วงเงินตู้ละ 250,000 บาท รวม 500,000 บาท ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการประชุมหารือร่วมกันของคนในชุมชนว่าต้องการเลือกซื้อสินค้าอะไร หลังจากได้รับแจ้งข้อมูลจากทางเขตดอนเมืองว่าชุนชนมีสิทธิได้รับเงินจากโครงการฯจำนวน 6 แสนบาท ภายหลังจากทราบเรื่องงบฯไม่นานนัก ทางเขตได้จัดส่งเอกสารแสดงรายการสิ่งของ 4-5 รายการมาให้ชุมชนเลือกด้วย ได้แก่ ตู้น้ำหยอดเหรียญ เครื่องปั่นไฟ เตาเผาขยะประสิทธิภาพสูง เป็นต้น ภายหลังจากชุมชนได้ประชุมกันแล้วมีมติว่าจะเลือกซื้อตู้น้ำหยอดเหรียญ 2 เครื่องดังกล่าว ส่วนเงินที่เหลืออีก 1 แสนบาท ทีแรกไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี แต่เนื่องจากเสียดายสิทธิส่วนนี้ เลยตัดสินใจซื้อเตาเผาขยะประสิทธิภาพสูงมาใช้งาน จากนั้นชุมชนได้แจ้งเรื่องไปยังเขตให้ทราบ   

พล.อ.ต.สมพงษ์กล่าวว่า ส่วนขั้นตอนการจัดซื้อสินค้า ยอมรับกันตามตรงว่า ทางชุมชน ไม่ได้มีส่วนรวมอะไรมาก ผู้ที่รับผิดชอบจัดการมาให้หมด เพราะภายหลังจากแจ้งเรื่องไปที่เขต ไม่นานนักก็ได้รับการติดต่อจากบริษัทเอกชนเพื่อนัดวันนำสินค้ามาติดตั้ง ชุมชนตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจรับสิ่งของอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ชุมชนได้ตู้น้ำหยอดเหรียญมาใช้ ผ่านไปไม่ถึง 2 เดือน ตู้น้ำดังกล่าวเกิดปัญหาขึ้น แผงโซลาร์เซลล์ไม่สามารถปล่อยไฟเข้าตู้ได้ตามปกติ เข้าใจว่าอาจเกิดปัญหาการต่อแผงวงจรผิด ทำให้ต้องแก้ไขปัญหาด้วยการต่อไฟฟ้าบ้านปกติมาใช้แทน ตอนนี้เลยต้องหมุนเวียนกันใช้ทีละตู้เพื่อประหยัดไฟฟ้า

"สิ่งที่ผมไม่ชอบเอามากๆ กับตู้น้ำหยอดเหรียญ คือเรื่องบริการหลังการขายที่ไม่ค่อยดี เวลาเครื่องมีปัญหาโทร.ไปแจ้งบริษัท ก็ใช้เวลานานกว่าจะเข้ามาดูให้ มันดูไม่ดีเลย ขนาดตัวแบตเตอรี่ ตอนแรกที่เอาของมาส่งเรา เขาไม่มีกล่องปกปิดอะไรให้เลย มาวางไว้เฉยๆ ผมต้องไปหักคออยู่นานกว่าจะได้มา" พล.อ.ต.สมพงษ์กล่าว

พล.อ.ต.สมพงษ์กล่าวด้วยว่า ส่วนเตาเผาขยะประสิทธิภาพสูงที่ซื้อมา ก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะขึ้นชื่อว่าเตาเผาขยะ ทุกคนกลัวว่าจะมีปัญหาโดยเฉพาะเรื่องกลิ่น แม้ว่าตอนที่ซื้อจะได้รับการันตีว่า มีประสิทธิภาพสูงเผาขยะไม่มีควัน แต่เป็นไอน้ำ แต่ไม่มีใครไว้ใจ กว่าจะหาที่ตั้งได้ก็ลำบาก แถมในช่วงที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีใครมาใช้งาน เนื่องจากทุกวันนี้ ทางเขตมีรถมาเก็บขยะอยู่แล้ว หลังจากผู้ขายทดลองเผาให้ชาวบ้านและนักศึกษาที่มาดูงาน 2 ครั้ง จากนั้นก็ไม่เคยได้ใช้งานอีกเลย     

ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ชุมชนร่วมใจรัก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน และถูกระบุว่าเป็นชุมชนที่เลือกซื้อตู้น้ำหยอดเหรียญพลังแสงอาทิตย์จากบริษัท เอ็นเนอร์ยีโปรฯ จากการสอบถามข้อมูลจากคนในชุมชน ทราบว่า ชุมชนแห่งนี้ซื้อตู้น้ำหยอดเหรียญมาใช้ 2 ตู้ สังเกตพบว่า ตู้น้ำหยอดเหรียญของทั้งสองชุมชน มีรูปแบบเหมือนกันอย่างมาก น่าจะสั่งซื้อมาจากแหล่งเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้างตู้ กลับมีป้ายระบุบริษัท วอเทอร์ เน็ท จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิต ไม่ได้ระบุชื่อของบริษัท บีเอ็นบีฯตามที่เจ้าของบริษัท เอ็นเนอร์ยีโปรฯเคยอ้างว่ารับสินค้ามาจากบริษัท บีเอ็นบีฯแต่อย่างใด

จากการตรวจสอบตู้น้ำหยอดเหรียญของบริษัท เอ็นเนอร์ยีฯ ที่จำหน่ายให้ชุมชนทั้งสองแห่ง คือ รุ่น w-50f2 และรุ่น w-50f1 พบว่า มีคุณสมบัติเครื่องเหมือนกันทุกประการ ส่วนราคาที่แตกต่างกันมีเพียงอย่างเดียวคือ ราคาพัดลมไอน้ำรุ่น s-22 ซึ่งในรุ่น w-50f2 คิดยูนิตละ 40,000 บาท รวม 2 ยูนิต 80,000 บาท ขณะที่ w-50f1 คิดยูนิตเดียวคือ 40,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ทั้งสองชุมชนไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาได้เต็มประสิทธิภาพ สะท้อนให้เห็นว่าโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดให้งบฯชุมชนไปส่งเสริมทุกภาคส่วนในชุมชนร่วมบริหารจัดการและพัฒนาศักยภาพของตนให้เพิ่มมากขึ้น สร้างงาน สร้างรายได้ในระดับฐานรากชุมชน อีกทั้งไม่อาจตอบสนองตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการที่กำหนดว่า 1.ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการร่วมคิด-ร่วมทำ ร่วมพัฒนา 2.ฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

เวลา 16.30 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงการสะท้อนของสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ภาคอีสานในการสัมมนาผู้นำชุมชนและท้องถิ่น ที่สะท้อนปัญหาโครงการชุมชนพอเพียงว่า อยากแยก 2 ส่วน คือ 1.มีเรื่องซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลย คือ แทนที่จะให้ประชาคมชาวบ้านคิดเอง แต่หลายพื้นที่มีเจ้าหน้าที่หรือใครก็แล้วแต่ ไปยัดเยียดโครงการให้ ได้บอกไปยังนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯที่ดูแลแล้ว ซึ่งก็ไม่ยอม และบอกว่าต้องเป็นเรื่องความต้องการชุมชน และ 2.เป็นเรื่องที่ลำบากเล็กน้อย เพราะบางทีโครงการที่ชุมชนต้องการไม่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงนัก แต่อย่างโครงการเรื่องปุ๋ยถือว่าสอดคล้อง แต่อย่างการซื้อโต๊ะเก้าอี้ มีโครงการแบบนี้เยอะแล้ว อยากให้ไปใช้ส่วนอื่น เพราะโครงการชุมชนพอเพียงนี้อยากได้ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจริงๆ

ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์กำลังพยายามกลบเกลื่อนความผิดที่เกิดขึ้น แล้วโยนความรับผิดชอบไปยังชุมชนและข้าราชการระดับล่างถือว่าไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ยังพบอีกว่าโครงการในบางจังหวัดมีลักษณะโครงการเหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยนถือว่าผิดปกติมากจึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีใครช่วยเขียนโครงการ แล้วอนุมัติในลักษณะอัฐยายซื้อขนมยาย

"นายกอร์ปศักดิ์แสดงความไม่รู้กฎหมาย โดยการเข้าไปเสนอให้ชุมชนกำหนดราคากลางในการดำเนินโครงการ ถือว่าขัดหลักการโครงการ ในร่างโครงการได้มีการแนบหนังสือ เพื่อให้ประธานชุมชนลงนามท้ายหนังสือ ในลักษณะการยินยอมทุกอย่าง ถือว่าผิดปกติ ถ้าหากประธานชุมชนไม่อ่านรายละเอียด ก็จะเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาลในการสมยอมให้กำหนดราคากลางในโครงการ จึงอยากเตือนประชาชนว่าไม่ควรให้ใครหลอกลวงซ้ำสอง และไม่ควรเซ็นเอกสารใดๆ หากใครทราบข้อมูลการทุจริตโครงการ สามารถส่งข้อมูลมาที่พรรคเพื่อไทยได้" นายอนุดิษฐ์กล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์