แก้วสรรปัดข่าวเล็งอายัดทรัพย์แม้วในสวิส-โบ้ยสื่อพูดไปเอง

เมื่อวันที่ 8 กันยายน นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวว่า ในการประชุม คตส. ชุดใหญ่ วันที่ 10 กันยายน จะมีการพิจารณาเรื่องการอายัดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในต่างประเทศเพิ่มเติม รวมทั้งเปิดเผยเส้นทางการเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณในต่างประเทศด้วยว่า ไม่ทราบว่าสื่อไปเอาข้อมูลมาจากที่ไหน ตนไม่ทราบเรื่อง โดยเฉพาะที่บอกว่าจะเสนออายัดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณในต่างประเทศ คตส.ยังไม่มีการพูดคุยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

'สิ่งที่เราดูอยู่ในขณะนี้คือ การลุยตรวจสอบเรื่องการซุกหุ้น ส่วนเรื่องเงินถ้าไม่เข้ามูลฐานความผิดที่กำหนดไว้จะไปตามเขาทำไมกัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสื่อถึงไม่เข้าใจกระบวนการทำงานในข้อนี้ เอาอะไรไปลงกันผมไม่เข้าใจ'นายแก้วสรรกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานข่าวแจ้งว่า คตส.ได้นำข้อมูลเรื่องนี้ไปรายงานให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้ว นายแก้วสรรกล่าวว่า ก็ผมบอกไปแล้วไงว่าไม่รู้เรื่อง ไปเอาอะไรที่ไหนมาลงข่าวกัน และย้ำว่า หากจะมีการเสนอเรื่องให้ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่พิจารณา ก็คงเป็นเรื่องซุกหุ้น

นายสัก กอแสงเรือง กรรมการและโฆษก คตส.กล่าวว่า ที่ผ่านมา คตส.ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการอายัดทรัพย์ในต่างประเทศ ส่วนในการประชุม คตส.ชุดใหญ่ วันที่ 10 กันยายน จะมีการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการแปลสำนวนสอบคดีการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ ที่ คตส.ได้รับมาจากทางการสหรัฐ เพราะหน่วยงานราชการที่หวังจะพึ่งพาก็ไม่ให้ความร่วมมือแล้ว และคตส.ก็คงไม่สามารถจ้างบริษัทเอกชนให้มาแปลได้ เนื่องจากข้อมูลส่วนนี้เป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้

แหล่งข่าวระดับสูงจาก คตส.เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ คตส.ไม่สามารถจ้างบริษัทเอกชนแปลสำนวนการสอบสวนคดีซีทีเอ็กซ์ได้ เพราะสำนักงานอัยการสูงสุดผู้ส่งเอกสาร 580 แผ่น มาให้ คตส.พิจารณา ได้กำชับว่า ประเทศไทยมีพันธะที่ต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐ ในการรักษาพยานหลักฐานที่ได้รับจากสหรัฐไว้เป็นความลับ และจะไม่ใช้พยานหลักฐานดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ที่นอกเหนือไปจาก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และการสอบสวนความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

นอกจากนี้หนังสือของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ฉบับลงวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ยังได้ย้ำเตือนถึงข้อกำหนดเรื่องการรักษาความลับและข้อจำกัด เกี่ยวกับการใช้เอกสารที่ส่งมาให้ จึงขอให้ คตส.ระมัดระวังในการอ้างหรือใช้เอกสารดังกล่าวด้วย

แหล่งข่าวระบุ และว่า ด้วยเหตุนี้จึงต้องส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแปลให้ และมีจำนวนเพียง 233 หน้า จากเอกสาร 580 แผ่น รวมทั้งทำหนังสือแจ้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำเนินการเรื่องนี้ และย้ำการรักษาความลับ แต่ผ่านไป 2 เดือนสำนวนคดีก็ถูกส่งกลับมา ด้วยเหตุผลว่ากระทรวงการต่างประเทศไม่สามารถดำเนินการได้ และนายกรัฐมนตรีก็เห็นชอบแนวคิดที่ว่า คตส.ควรจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการแทน

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความพยายามปล่อยข่าวโคมลอยเพื่อสร้างกระแสล่วงหน้าให้สังคมเห็นว่าการโยกย้ายทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นเพียงนักธุรกิจคนหนึ่งที่หาเงินมาได้โดยสุจริต และมีสิทธิทุกประการในการโยกย้ายเงินของตัวเอง หาก คตส.จะมีการพิจารณาเงินที่ พ.ต.ท.ทักษิณผ่องถ่ายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างกระแสและพยายามจะอายัดทรัพย์ในที่สุดนั้น ก็ต้องอธิบายให้ได้ว่า เงินที่มีการผ่องถ่ายไปต่างประเทศในช่วงก่อนหรือหลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน มีความผิดปกติตรงไหน และเป็นเงินที่ได้มาจากคอร์รัปชั่นอย่างที่มีการพยายามกล่าวหาหรือไม่ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่า คตส.ลุแก่อำนาจ

นายประเกียรติ นาสิมมา ในฐานะทีมทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า หากพิจารณาจากข้อกฎหมายและไม่เห็นว่า คตส.จะสามารถอายัดทรัพย์ในต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีบัญชีในต่างประเทศ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำกลุ่มรวมใจไทยกล่าวว่า คตส.อายัดเงิน พ.ต.ท.ทักษิณที่ฝากในสวิสไม่ได้ เพราะธนาคารสวิสใช้กฎหมายต่างประเทศ และมีมาตรฐานวิชาชีพสูง ยกเว้นการทำผิดที่เรียกว่าอาชญากรระหว่างประเทศ 'สมมติว่าทรัพย์นั้นถูกอายัด ก็แสดงว่าเป็นทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณมาดูในการแจ้งทรัพย์สินตอนที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ถูกอายัด ถ้าไม่ได้แจ้งเอาไว้ก็มีความผิดฐานไม่แจ้งทรัพย์สิน ผมคิดว่าเรื่องจะอายัดได้หรือไม่ นั้นมันเป็นปัญหาข้อเทคนิคกับข้อเท็จจริง คงไม่ใช้ทรรศนะทางการเมืองไปตอบ'นายเอนกกล่าว

แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.ได้ทำหนังสือ ด่วนที่สุดและลับมาก แจ้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขอให้ทบทวนการยุบเลิกบริษัทไทยเดินเรือทะเล จำกัด (บทด.) เนื่องจากได้ตรวจสอบการอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง บทด.กับกลุ่มบริษัทเจ้าของเรือไทย พบว่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สภากรรมการ บทด. และรักษาการผู้อำนวยการ บทด.ในขณะนั้นมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นการทุจริต หรือมีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และได้แจ้งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวนของกระทรวงคมนาคม

ทั้งนี้ ตามหนังสือได้ระบุว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวนของกระทรวงคมนาคม และยังไม่ได้แจ้งผลการตรวจสอบต่อ สตง. แต่ สตง.ทราบว่ากระทรวงคมนาคมจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ยุบเลิก บทด.ในเร็ววันนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียหายต่อทางราชการและเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน จึงขอให้มีการทบทวนการยุบเลิก

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ได้เคยร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ไต่สวนเพื่อดำเนินคดีกับอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และสภากรรมการของ บทด. ที่มีพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้แก่ บริษัท บทด. จำกัด (บริษัทร่วมทุนใหม่) เพราะเห็นว่าการแปรรูปบริษัทดังกล่าวเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนเปิดโอกาสให้กลุ่ม 23 เจ้าของกิจการเรือเอกชนเข้าหุ้นตั้งบริษัทร่วมลงทุน ในสัดส่วนร้อยละ 70 ขณะที่รัฐถือหุ้นร้อยละ 30 ขณะเดียวกัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ'เปิดบ้านพิษณุโลก'ถึงการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นว่า การดำเนินคดีต่างๆ ที่ คตส.และหน่วยของรัฐทำอยู่ในขณะนี้ จะมีผลออกมาในระยะเวลาสั้น ๆ ข้างหน้านี้ โดยคาดว่าน่าจะไปสู่ขั้นการพิจารณาของศาลยุติธรรมได้ในหลายเรื่อง ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดี


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์