แก้วสรร อาสาที่ปรึกษากม.ไชยยันต์ ฉีกบัตรเลือกตั้งไม่ผิด

"แก้วสรร" อาสาที่ปรึกษากม."ไชยยันต์" ฉีกบัตรเลือกตั้งไม่ผิด

"แก้วสรร" ระบุการเลือกตั้ง 2 เม.ย.ไม่บริสุทธิ์ ลอกแบบเผด็จการฮิตเลอร์ อาศัยเสียง ปชช.รับรองผู้นำหวังให้ระบอบทักษิณครองอำนาจ พร้อม รับอาสาที่ปรึกษากฎหมาย "ไชยยันต์" ยันฉีกบัตรเลือกตั้งไม่ผิด กม.

นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กรุงเทพ ขึ้นเวทีรายการสถานีข่าวท้องสนามหลวงของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แสดงความคิดเห็นถึงการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. ว่าการลงคะแนนในวันที่ 2 เม.ย.ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้ง แต่เป็นการบังคับให้ประชาชนมาลงประชามติผู้นำ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 214 วรรค 2 ระบุว่า การลงประชามติรับรองสถานะคนใด หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งจะกระทำมิได้ ซึ่งมาตรานี้เป็นการได้มาจากบทเรียนของผู้นำเยอรมันในสมัยฮิตเล่อร์ ที่เข้ามาโดยใช้อำนาจของประชาชน โดยได้ปลุกระดมมวลชนให้เอากระแสเลือกตั้งมาเป็นอำนาจความชอบธรรมของฮิตเล่อร์ โดยอาศัยวิกฤตเศรษฐกิจภายหลังสงครามโลก เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนในประเทศ เปรียบเหมือนทักษิณ ซึ่งทักษิณไม่ใช่คนปกติ แต่เป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน และอำนาจของเผด็จการอยู่ที่ตัวระบบ ไม่ใช่ตัวตำแหน่งนายกฯ เผด็จการไม่มีการเว้นวรรคออกจากตำแหน่ง จะให้รัฐมนตรีคนใดมาเป็นร่างทรงไม่ได้ เพราะระบอบเผด็จการยังอยู่

นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ตกใจกับที่มีผู้ชุมนุมมาเป็นจำนวนแสนคน แต่ตัวทักษิณเองยังเชื่อว่าประชาชนทั่วประเทศยังไว้วางใจเขาอยู่ และคิดว่าประเทศนี้ยังต้องการตัวเขาอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเขาคิดว่าเป็นโพธิสัตว์ที่ไปโปรดคนยากคนจนอย่างที่เขาพูดว่า "ถ้าผมออกไปแล้วบ้านเมืองดีขึ้นผมก็จะยอม"

นอกจากนี้ ยังมีการอ้างประชาชนจำนวน 16 ล้านเสียงเพื่อให้ดำรงอยู่ในตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ความจริงไม่มีทักษิณบ้านเมืองก็อยู่ได้ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่ปฏิเสธระบบผู้แทน และระบบการเลือกตั้ง เพราะระบบการเลือกตั้งเป็นระบบที่มีผู้แทนจากเขตต่างๆ ทั่วประเทศมาเป็น ส.ส.แต่การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ส.ส.ส่วนใหญ่ได้คะแนนเสียงน้อยกว่าคะแนนไม่ลงคะแนนของประชาชนแต่ยังได้เป็น ส.ส. มีบางเขตที่คะแนนเสียง 3 พันคะแนน ขณะที่มีเสียงโนโหวตถึงหมื่นคะแนน แต่ทักษิณยังมีความพยายามที่จะเปิดสภาให้ได้ โดยไม่สนใจว่าจะได้ ส.ส.ครบหรือไม่ ซึ่งระบบผู้แทนไม่ใช่ระบบที่ทำให้ชาติแตกแยก

นอกจากนี้ ยังมีการอ้างเสียงจากส.ส.จากระบบบัญชีรายชื่อ ทั้งๆ ที่ความจริงระบบบัญชีรายชื่อไม่ใช่ระบบผู้นำ แต่กลับเอามารวมกัน เป็นการบิดเบือนเสียงของประชาชน โดยเฉพาะเสียงระบบบัญชีรายชื่อที่มารับรองมติเสียงของผู้นำ ซึ่งโดยสรุปแล้วการเลือกตั้งเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ เป็นการลงประชามติรับรองผู้นำที่ชื่อทักษิณจะทำให้ระบอบทักษิณขึ้นครองอำนาจ

นายแก้วสรร กล่าวถึงกรณีที่นายไชยยันต์ ไชยพร ฉีกบัตรลงคะแนนว่า ตนรับอาสาเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ซึ่งได้ดูแล้วว่ามีบรรทัดฐานการพิจารณาคดีในลักษณะเดียวกัน ในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2338/2528 ที่มีคนไปฉีกบัตร และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับส่งให้ศาลพิจารณาคดี ซึ่งศาลฎีกาได้ตัดสินว่า การทำให้บัตรชำรุดหรือเสียหาย ซึ่งเป็นบัตรเลือกตั้งอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้ง พ.ศ.2522 มาตรา 74 นั้น จะต้องเป็นการกระทำต่อบัตรเลือกตั้งที่ผู้เลือกตั้งได้ใช้สิทธิ์ลงคะแนนแล้ว การที่จำเลยฉีกบัตรเลือกตั้งที่จำเลยยังไม่ได้ใช้สิทธิ์ลงคะแนนให้ชำรุดเสียหายจึงไม่มีความผิด

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงความหมายของคำว่าบัตรเลือกตั้ง หมายถึงบัตรเลือกตั้งที่ผู้เลือกตั้งไม่ลงคะแนนแล้ว และนับคะแนนได้ เจตนารมณ์ของกฎหมายไม่ประสงค์ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำด้วยประการใดแก่บัตรเลือกตั้งที่ผู้เลือกตั้งได้ใช้สิทธิลงคะแนนแล้วเท่านั้น ที่จะทำให้กระทบกระเทือนถึงผลของการนับคะแนนหรือผลของการลือกตั้ง ไม่รวมถึงบัตรเลือกตั้งที่ผู้เลือกตั้งยังไม่ได้ใช้สิทธิลงคะแนน

ดังนั้นการฉีกบัตรเลือกตั้งที่ยังไม่ลงคะแนนให้ชำรุดเสียหาย จึงไม่เป็นความผิด ดังนั้นกรณีของอาจารย์ไชยยันต์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนสามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ กรณีนี้ไม่ใช่เป็นการคุ้มครองบัตรเลือกตั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เกิดจากระบอบทักษิณ ดังนั้นการที่นายไชยยันต์กระทำจึงเป็นสิทธิส่วนบุคคลตามกฎหมาย

"แม้ทักษิณจะเว้นวรรคการเมืองแต่ก็เชื่อว่าคนอย่างทักษิณจะใช้ฐานะความเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและฐานะของความเป็น ส.ส.พูดในสภามากที่สุด และจะมีการลงพื้นที่ไปหาชาวบ้านเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง และเป็นการบำรุงฐานอำนาจของตนเอง การที่ทักษิณเว้นวรรคไม่เป็นนายกรัฐมนตรีจึงไม่มีความหมาย เพราะเผด็จการไม่มีการเว้นวรรค แต่เผด็จการจะไปอยู่ที่อื่น" นายแก้วสรร กล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์