เอนก ถอดสลัก2 นครา ผนึกมัชฌิมา-ธรรมาธิปไตย

"เอนก" ถอดสลัก"2 นครา" ผนึก"มัชฌิมา-ธรรมาธิปไตย" สกัด "ทักษิณ-คมช."


ตกเป็นข่าวครึกโครม เมื่อ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่ม "มัชฌิมา" ออกมาเปิดเผยเป็นแนวร่วมกับกลุ่ม "ธรรมาธิปไตย" ของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คลอดพรรคการเมืองใหม่หลังบินกลับจากการหารือที่ฮ่องกง

พร้อมมีชื่อของ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เจ้าของทฤษฎี "2 นคราประชาธิปไตย" อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน เป็นแนวร่วม

ผลักดันให้ "สมคิด" ขึ้นแท่นเป็นหัวหน้าพรรค

สปอตไลท์จึงถูกส่องไปที่ "เอนก" ทันที

เพราะก่อนหน้านี้ประกาศตัวชัดเจนว่า อยู่คนละขั้วกับ "ระบอบทักษิณ" แต่วันนี้กลับกลายเป็นแนวร่วมของกลุ่มคนที่เคยเป็นขุนพลของ "ทักษิณ"


"แนวคิดการรวมกลุ่มเกิดจากปัญหาทางการเมืองที่มาถึงขั้นจนตรอก


จึงต้องมีการหาทางออกทางการเมืองด้วยการสร้างความปรองดองและความสมานฉันท์ทางการเมืองตามแนวคิดที่ถูกต้อง และกล้าที่จะมารวมตัวกัน"

นี่เป็นสุ้มเสียงของ "เอนก" ที่เกริ่นนำถึงการตัดสินใจเข้ามาเป็นแนวร่วมทางการเมืองกับกลุ่ม "มัชฌิมา" และ "ธรรมาธิปไตย"

โดยเชื่อว่า นักการเมืองจะสามารถนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากความอับจนได้

แรกเริ่ม "เอนก" บอกว่า ได้รู้จักกับ "สมคิด" มานานร่วมปี แต่ยังไม่มีการหารือกันอย่างจริงจัง

แต่หลังจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นจากอำนาจไปราว 1-2 เดือน ก็ได้มีการพบปะคุยกันเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่ "สมคิด" ได้เดินสายไปคุยกับกลุ่มคนต่างๆ ถึงปัญหาทางออกของประเทศ

ล่าสุด เมื่อปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศจีนกับ "สมคิด" ในฐานะนายกสมาคมไทย-จีน โดยมีรองประธานาธิบดี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน ต้อนรับ

"การเดินทางไปครั้งนั้น ได้มีการหารือในเรื่องของเศรษฐกิจและสังคมไทย ซึ่งคุณสมคิดได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในสายตาของจีน ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศตะวันตก ซึ่งทำให้ภาพความเป็นผู้นำเด่นขึ้น"


เจ้าของทฤษฎี 2 นครา บอกว่า


การคุยกับ "สมคิด" ทำให้เห็นทางออกและการทำให้การเมืองคลี่คลาย และสามารถเดินไปข้างหน้าได้

เพราะที่ผ่านมา "สมคิด" เป็นผู้เดินเรื่อง และเดินสายมาโดยตลอด

"คุณสมคิดเหมือนกับเป็นเล่าปี่ ที่ออกตามหา ขงเบ้ง เตียวหุย และ จูล่ง โดยได้ไปคุยกับคนที่ไม่เคยคุย รับฟังในสิ่งที่ไม่เคยฟังมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้นำจะต้องนำไปคิดก่อนที่จะได้ข้อสรุป โดยได้มีการคุยกันมาหลายเดือน หลายรอบ และรอบด้าน ก่อนที่ผมรับเป็นแนวร่วม"

อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน ประเมินก่อนตัดสินใจเข้ามาเป็นแนวร่วมว่า ทั้ง "สมศักดิ์" กับ "สมคิด" ต่างก็มีข้อดีด้วยกันทั้งคู่ ตามแนวทฤษฎี "2 นคราประชาธิปไตย" ที่สามารถนำมาผนึกกำลังกันได้

"คุณสมศักดิ์มีพื้นที่ตามต่างจังหวัดและพื้นที่รอบนอก ส่วนคุณสมคิดก็มีพื้นที่จากกลุ่มเมืองชั้นในและชนชั้นกลาง รวมทั้งเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากสังคมและในสายตาของต่างประเทศ ผมจึงเห็นว่า ทั้งสองคนเป็นทางออกให้แก่สังคมไทยได้ ผมก็พร้อมที่จะเข้ามาทำงานทางการเมืองด้วย"

ส่วนผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้น "เอนก" มองว่า "สมคิด" เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคมากที่สุด

"ผมเชื่อว่า คุณสมคิดจะเป็นผู้นำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤติได้ เพราะเป็นคนที่สังคมยอมรับและชื่นชอบ ทั้งที่ชอบและไม่เอาระบอบทักษิณ และเป็นที่ยอมรับได้ในสายตาของต่างประเทศ ผมจึงเชื่อว่า คุณสมคิดจะเป็นทางออกให้สังคมได้"

เมื่อยก "สมคิด" ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแล้วจะอยู่ในตำแหน่งไหน???


"เอนก" ตอบสั้นๆ ว่า


"ขณะนี้ผมยังไม่ได้คิดเลย หรือจะให้เป็นกุนซือกับพรรคยังพอไหว เพราะมั่นใจว่า แนวคิดของผมจะสามารถผลักดันให้เกิดพรรคทางเลือกได้"

หากไม่ยอมรับตำแหน่งในพรรค แสดงว่าจะรอเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของ "สมคิด"???

อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน บอกว่า "ก็สะดวกดี" พร้อมกับหัวเราะและตอบว่า "ขณะนี้ยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะยังไม่ถึงเวลา"

เมื่อซักว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า "สมคิด" กับ "สมศักดิ์ จะไม่เป็นนอมินีของ "ทักษิณ"???

"ทั้งสองคนจะต้องพิสูจน์ตัวเอง"!

โดยเฉพาะ "สมคิด" จะต้องทำให้ประชาชนไว้ใจให้ได้ โดยเอาส่วนดีของรัฐบาลทักษิณมาใช้ รวมถึงแนวคิดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้เสนอทางออกเอาไว้

"การทำงานร่วมกันอยู่บนเงื่อนไขของการพัฒนาพรรคการเมือง คือ ทำอย่างไรไม่ให้ทหารสืบทอดอำนาจ และไม่ให้ทักษิณกลับมามีอำนาจได้อีก ในเมื่อผมยังอยู่จะเป็นนอมินีได้ยังไง ซึ่งหากยังเป็นนอมินีของทักษิณ ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ไม่ต้องกลัวการเป็นนอมินี"

"เอนก" ยื่นคำขาด พร้อมกับย้ำว่า

"หัวใจของการรวมกันครั้งนี้ คือ "ทักษิณ" จะต้องไม่กลับมามีอำนาจ ทหารจะไม่มีการสืบทอดอำนาจ"


"พรรคการเมืองจะยั่งยืนได้ต้องเดินเกมการเมืองทั้งปริมาณและคุณภาพ


ไม่ใช่เฉพาะสภากับทำเนียบเท่านั้น ต้องทำให้ทุกฝ่ายเกิดการยอมรับให้ได้ ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ที่จะตั้งขึ้น จะไม่ทำให้ 19 กันยายน 49 และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเสียเปล่า"

สำหรับข้อสงสัยที่มีอดีต ส.ส.ในกลุ่มมัชฌิมาและธรรมาธิปไตย มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทักษิณ และพรรคไทยรักไทยเดิมนั้น

"เอนก" บอกว่า การทำงาน คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้พรรคไทยรักไทยเดิมแตกออกมา คนที่ออกมาตั้งพรรคใหม่คงไม่มีใครอยากกลับไปอยู่ภายใต้อำนาจของทักษิณอีก เพราะถูกกดขี่ตลอดเวลา พูดก็ไม่ได้

"ผมคิดว่า เมื่อหลุดออกมาแล้วคงไม่มีใครอยากกลับไปเป็นทาสทักษิณอีก"

เขาบอกว่า การทำงานการเมืองต้องยอมรับว่า มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ดังนั้น จะต้องคิดให้หนักและต้องสกรีนคนให้ดี ซึ่งขณะนี้มีนักวิชาการและนักธุรกิจตอบรับที่จะเข้ามาทำงานการเมืองกับเราแล้ว

"เอนก" ทิ้งท้ายไว้ว่า การทำงานการเมืองหากไม่ทำแบบนี้ก็ไม่มีวันชนะ!



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ จาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์