“เหลิม” แจงมีมาตรการจัดการผู้ก่อการร้าย

“เหลิม” แจงมีมาตรการจัดการผู้ก่อการร้าย

เมื่อเวลา 12.20น. วันที่ 2 ก.พ. ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์  เกียรติสุรนนท์ เป็นประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร 

ทั้งนี้ได้มีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เรื่องความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ก่อการร้ายและมาตรการการตรวจสอบและป้องกันเพื่อสกัดมิให้ผู้ก่อการร้ายสากลเข้ามายังราชอาณาจักรไทย ต่อนายกรัฐมนตรีโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากการที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเคยถูกกลุ่มผู้ก่ออการร้ายฮิสบอลเลาะห์ เข้าไปก่อวินาศกรรม จึงติดตามความเคลื่อนไหวมานานแล้ว ได้ประสานงานกับรัฐบาลมาตลอด จนกระทั่งเดือนธ.ค. 54 จึงสามารถจับกุมตัวนายอาทริส อุซเซน ซึ่งเดินทางจากประเทศอิสราเอล ตนจึงได้สั่งในทางลับให้ติดตามความเคลื่อนไหว และควบคุมตัว ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง มาตรา 12 (7)

เมื่อพบว่าไม่มีความผิดก็ปล่อยตัวไป จนกระทั่งวันที่ 12 ธ.ค.54 

 จึงตรวจพบเคมีภัณฑ์ในบ้านพักที่จ.สมุทรสาคร และมีผู้ก่อการร้ายอีก1 คนซึ่ีงหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว  ตำรวจจึงได้จับกุมตัวนายอาทีส ไปฝากขังไว้ที่ศาลอาญารัชดาฯ ในความผิดครอบครองยุทธโธปภัณฑ์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทราบว่ามีการเตรียมการมาประกอบที่เมืองไทย เพื่อนำไปก่อเหตุที่อื่น 

 ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อไปว่าสำหรับนโยบายเกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย มาตรการในการตรวจสอบและเตือนภัย ก่อการร้ายนั้น 

บางครั้งเราก็ได้ข้อมูลจากตำรวจสากล (อินเทอร์โพล)  จากนั้นจึงเผยแพร่รูปถ่ายผู้ก่อการร้ายที่ได้รับข้อมูลไปยังด่านตรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าประเทศ  แต่ในประเด็นเรื่องการก่อการร้าย เราจะไม่เอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง หากเหตุไม่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ก็ต้องปล่อยไป แต่ขอบอกว่าเรามีมาตรการของตำรวจ  สำนักข่าวกรอง ขอให้มั่นใจรัฐบาบพร้อมเผชิญปัญหาแต่จะไม่เอาประเทศไทยไปเป็นคู่ขัดแย้ง ส่วนกรณีที่เคยมีการหยิงยกเรื่องการแจ้งข้อมูลทางอากาศมาพูดกันในที่ประชุมเอเปคสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการสกัดเส้นทางการก่อเหตุของผู้ก่อการร้ายนั้นเรื่องนี้เป็นการดำเนินการในทางลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้ หากคนถามกระทู้อยากรู้รายละเอียดให้มาถามเป็นการส่วนตัว ตนจะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด เพราะหากเปิดเผยไปตอนนี้ จะทำให้ผู้ก่อการร้ายรู้ และสามารถปรับตัวได้

อย่างไรก็ตามหลังจากที่สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆรวม 21 ประเทศ ประกาศเตือนภัยนั้นหลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเดินทางไปเยือนประเทศจีนและให้ความมั่นใจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ทำให้ประเทศจีนสหรัฐฯและอีก 8 ประเทศถอนประกาศเตือน เหลือแค่ 13 ประเทศเท่านั้น.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์