เหลิม” แจง อ้างกู้เพราะงบลงทุนน้อย ป้อง นายกฯปู ไม่เอี่ยวทุจริต

เหลิม” แจง อ้างกู้เพราะงบลงทุนน้อย ป้อง นายกฯปู ไม่เอี่ยวทุจริต

เหลิม” แจง อ้างกู้เพราะงบลงทุนน้อย ป้อง นายกฯปู ไม่เอี่ยวทุจริต มาร์ค โต้กู้2ล้านล้านเทียบไทยเข้มแข็ง-มิยาซาว่าไม่ได้ ด้าน พิเชษฐ ขู่ถึงศาลรธน.-ศาลอาญาย้ำบัญชีแนบท้ายแปรญัตติเงินกู้ขัดม.169


บรรยากาศการอภิปราย พรบ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เมื่อเวลา 20.00 น.  (28 มี.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า

รัฐบาลไม่ได้ทำงบประมาณโดยลำพัง แต่ได้หารือคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการกฤษฎีกามาตลอด การที่ไม่นำงบปกติมาลงทุนตามที่นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ สงสัย เพราะเราไม่มีงบ บ้านเมืองที่ไม่พัฒนาเพราะงบลงทุนน้อย แต่งบประจำมีมาก ดังจะเห็นได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 ที่มีงบลงทุนเพียง 18.7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นประมาณ 4 แสนล้านบาท

โดยส่วนหนึ่งในนั้นจะต้องนำมาเป็นงบประมาณใช้หนี้ 40,000 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องออกเป็นพ.ร.บ.เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องมีแหล่งเงินที่แน่นอน ส่วนที่บอกว่าจะไม่สร้างหนี้หมายถึงหนี้การทุจริต แต่หนี้ครั้งนี้คือ หนี้การลงทุน ถือเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่ ไม่เหมือนบางพรรคที่กู้เงินมาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่พรรคเพื่อไทยมีโครงการแล้วจึงกู้ ขอให้เปิดใจกว้าง
แนวคิดการล้างหนี้ของพรรคเพื่อไทยคือ การหาเงินไปตามเงิน กู้เพื่อขยายการลงทุน เมื่อเศรษฐกิจโตหนี้ก็หายไปเอง กฎหมายกู้เงินฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่กล้าบอกรายละเอียดมากขนาดนี้ ถ้าบอกว่า ไม่โปร่งใสก็ไม่มีกฎหมายฉบับใดโปร่งใส และขอยืนยันว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตทุกอย่าง”รองนายกฯกล่าว



ต่อมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงกรณีโครงการไทยเข็มแข็ง ว่า

เมื่อมีการพูดถึงกู้เงินพิเศษแล้วเทียบกับการกู้เงินพิเศษอีกกรณีหนึ่งคนละสถานการณ์คงไม่ได้ เพราะการกู้เงินครั้งใหญ่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เอาไปใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูจะเทียบกับโครงการไทยเข้มแข็งและมิยาซาว่าไม่ได้ เพราะการกู้เงินในโครงการไทยเข้มแข็งเป็นเพราะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งวัตถุประสงค์ในการกู้เงินครั้งนั้นเพราะต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ไม่สามารถใช้งบฯปกติไม่ได้ เพราะการขาดดุลชนเพดานหนี้ เหตุผลต่างจากสถานการณ์วันนี้โดยสิ้นเชิง และการกู้เงินครั้งนั้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ไม่เพียงทำให้เศรษฐกิจฟื้น แต่ทำให้หนี้สาธารณะลดลง


"วันนี้เมื่อขยายเพดานหรือสร้างช่องว่างให้ใช้เงินได้ ท่านกลับไม่ใช้งบประมาณ แต่ใช้กู้พิเศษ 2ล้านล้านบาท และการที่ร.ต.อ.เฉลิม พูดยิ่งสับสนบอกว่า งบฯลงทุนไม่พอ แต่กำหนดในงบประมาณได้ เพราะเพดานหนี้ยังเหลืออยู่ จึงยืนยันความจำเป็นกู้เงิน 2ล้านล้านบาท และ ร.ต.อ.เฉลิม ที่พูดทฤษฏีใหม่ ว่า กู้เพื่อมาล้างหนี้ ไม่เป็นไร แต่กรุณาอย่าใช้ทฤษฎีคนเมาดื่มมากแล้วไปถอน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


โดยนายอภิสิทธิ์ ยังย้ำเรื่องเอกสารประกอบการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท จำนวน 200 กว่าหน้าไม่สามารถแปรญัตติได้เพราะไม่ได้เป็นกฎหมาย แต่จะแปรญัตติได้เฉพาะในบัญชีแนบท้ายเพียง 2 หน้าเท่านั้น

ทำให้นายกิตติรัตน์ ชี้แจงว่า การดำเนินการเสนอเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาเป็นความชัดเจนดีกว่ากฎหมายกู้เงินในอดีต ถ้าอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงโครงการไว้จะทำให้ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงต้องมีเหตุผลอธิบายตามที่เสนอไว้ในกฎหมายด้วย รวมทั้งนี้ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยังลุกขึ้นยืนยัน ว่า เอกสาร 200 หน้าสามารถแปรญัตติโดยตัดลดบางโครงการในเอกสาร 200 หน้าได้ เมื่อนำออกไปแล้วจะทำให้ยอดเงินจะลดลงไป อีกทั้งยอดเงินกู้ 2ล้านล้านบาทไม่จำเป็นต้องกู้เต็มจำนวนแต่ไม่สามารถกู้เงินเกินจำนวน2ล้านล้านบาทได้


ด้านนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นขอให้บันทึกคำพูดของนายกิตติรัตน์ และนายวราเทพ กรณียืนยันว่า เอกสารประกอบการพิจารณาสามารถแปรญัติได้ หรือปรับลดวงเงินได้ เพราะเรื่องนี้จะต้องถึงศาลรัฐธรรมนูญและศาลอาญาแน่ เพราะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ซึ่งการปรับลดวงเงินนั้นต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ แต่รัฐบาลใช้วิธีออกกฎหมายเงินกู้

ซึ่งเรื่องนี้อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา169 จึงขอให้บันทึกรายงานการประชุมครั้งนี้ไว้เป็นหลักฐานในชั้นพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้นายวราเทพ ลุกขึ้นชี้แจงว่า การที่นายพิเชษฐพูดเช่นนี้ ทำให้เห็นว่าตนเองและนายกิตติรัตน์พยายามกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันว่าเอกสารแนบท้ายเป็นกฎหมายสามารถแปรญัตติได้ทุกตัวอักษรและเปลี่ยนแปลงตัวเลขได้ทั้งหมด ซึ่งในช่วงนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯได้เข้ามารับฟังการอภิปรายในห้องประชุมด้วย


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์