เหน็บ มาร์ค กินยาผิดซองโยง “แม้ว” เอี่ยวนาซา-พลังงาน

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่าคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีหุ้นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา และอาจเชื่อมโยงกับโครงการที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ขอใช้ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา สำรวจสภาพภูมิอากาศว่า เป็นทางถนัดที่คนของพรรคประชาธิปัตย์แถลงข่าวแบบตั้งคำถามด้วยทัศนคติที่เป็นลบ และเป็นการตัดแปะข่าวจากสื่อต่าง ๆ มาจับแพะชนแกะ เพราะเรื่องจริง ๆ ไม่มีอะไรเป็นไปตามข้อสงสัยที่มองโลกในแง่ร้ายแบบนั้น แม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยเชื่อฟังทหาร แต่วันนี้กลับกินยาผิดซอง

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยมีสัมปทานและธุรกิจด้านพลังงานในประเทศเพื่อนบ้านตามที่ น.ส.มัลลิกา กล่าวอ้าง และถ้าพรรคประชาธิปัตย์สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยกสัมปทานและหุ้นทั้งหมดในนั้นให้กับมูลนิธิคนปัญญาอ่อนทั้งหมด ส่วนเรื่องสนามบินอู่ตะเภาที่มีความพยายามกวนน้ำให้ขุ่นของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนั้น ทำกันเป็นกระบวนการ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ยังยืนยันว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงจะดำเนินการด้วยความรอบคอบ ไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบหรือเสียอธิปไตยในทางใด และยังเตือนฝ่ายที่ออกมาต่อต้านว่าขอให้คัดค้านบนหลักการของเหตุผลและแสดง ความคิดเห็นด้วยความระมัดระวัง เพราะทำให้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศชาติ

รองโฆษกรัฐบาล ยังกล่าวถึงโครงการการจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เอชเอดีอาร์) ว่า มีประโยชน์ในเรื่องของการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นประโยชน์เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจะทำได้อย่างทันเวลา และเครื่องมือสนับสนุนที่จะนำมาใช้นับว่าเป็นประโยชน์ แต่กลับถูกพูดไปไกลถึงการตั้งฐานทัพยิงขีปนาวุธหรืออาวุธนิวเคลียร์ ลามไปถึงบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯสำรวจหาพลังงาน

ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า โครงการของนาซาบานปลายไม่ใช่เพราะฝ่ายค้าน แต่เกิดจากการที่ตอบคำถามไม่ชัดเจนของรัฐบาล รัฐบาลควรเปิดเผยรายละเอียดของโครงการว่าการใช้สนามบินจะกระทบต่ออธิปไตยของไทยหรือไม่ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยสัญญาและขอให้เข้าสภาตามรัฐธรรมนูญ ม.190 ด้วย สำหรับโครงการที่ทำสมัยพรรคประชาธิปัตย์คือโครงการด้านภัยพิบัติ ไม่ได้เกี่ยวกับนาซา ไม่มีการขอใช้สนามบินอู่ตะเภา ส่วนที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เอาหนังสือสัญญาที่มีการลงนามระหว่างหน่วยงานไทยและนาซาสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์มาแล้วบอกว่าเป็นการกระทำสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลประชาธิปัตย์ เพราะเป็นการลงนามระหว่างหน่วยงานจึงไม่ใช่สนธิสัญญาระหว่างประเทศไม่ต้องเข้า ม.190

นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้รัฐบาลบอกยังไม่อนุมัติโครงการนี้ พวกตนก็เบาใจ แต่พอไปตรวจสอบจากเว็บไซด์ของนาซากลับพบว่ามีการขนอุปกรณ์เข้ามาตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนขอตั้งคำถามว่าส่งมาจริงหรือไม่ ส่วนพื้นที่การสำรวจจากเว็บไซด์ก็ระบุว่ามีประเทศไทยและยังคลุมไปถึงจีนตอนล่าง เวียดนาม พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเครื่องบินของนาซามี 3 ประเภท แต่ที่น่าห่วง คือ เครื่องบินนาซาอีอาร์ 2 เพราะสามารถบินได้เหนือระดับพื้นดิน 21 กิโลเมตร เรดาห์บางตัวจับสัญญาณไม่ได้ สหรัฐฯ ใช้เป็นเครื่องบินสอดแนม และมีคนขับแค่คนเดียว ดังนั้นคนขับจึงไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ด้วย ดังนั้นจะไปตรวจสอบอากาศอย่างไร ที่สำคัญหัวหน้าทีมในการมาตรวจสอบอากาศครั้งนี้มีผลงานที่น่าสนใจคือการวิจัยเรื่องระเบิดนิวเคลียร์และผลกระทบ ซึ่งทาง นสพ.ซินหัวของจีนก็ออกมาระบุว่าจีนมีความกังวลในเรื่องนี้