เสธ.ทบ.แฉที่มา ทุนชุมนุม จากในและนอก

"คมช.ปรามกลุ่มผู้ชุมนุม"


หลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมาปรามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่จะออกมาขับไล่ รัฐบาลและ คมช.ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ โดยระบุว่ามีนักการเมืองหนุนหลังให้เงินสนับสนุนนั้น ล่าสุดบรรดาสมาชิกพรรคไทยรักไทยต่างดาหน้าออกมาโวยวาย ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้อยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้ชุมนุม

สุรยุทธ์ ปิดปากไม่พูดถึงกลุ่มชุมนุม

เมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปร่วมประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2550 ทั้งนี้ ก่อนเข้าประชุมผู้สื่อข่าวได้พยายามถามถึงกรณีที่จะมีการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ โดย พล.อ.สุรยุทธ์ไม่ยอมตอบคำถามใด เดินตรงเข้าห้องประชุมรัฐสภาไปทันที ต่อมาเวลา 16.00 น. ก่อนเดินทางออกจากรัฐสภาเพื่อกลับไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้สัมภาษณ์พิเศษกับสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราของประเทศกาตาร์ พล.อ.สุรยุทธ์ ยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับกรณีที่จะมีกลุ่มต่อต้านดังกล่าวออกมาชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.

สพรั่ง ด่าซ้ำนักการเมืองหนุนชุมนุม

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการทหารบก พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้ สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ในวันที่ 10 ธ.ค.2549 ที่บริเวณท้องสนามหลวงว่า ไม่อยากตอบโต้กับนักการเมืองที่ไม่ดี เพราะเราเข้ามาก็เพื่อทำงานให้กับประเทศชาติ เพื่อกำจัดคนไม่ดี ดังนั้น อย่ามาต่อต้านการทำงาน เพราะเราทำอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่ประชาชนต้องการให้ประเทศชาติดีขึ้น ทั้งนี้ ไม่อยากตอบโต้เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศชาติและประชาชน เป็นเพียงแค่ความสะใจของกลุ่มบุคคลเท่านั้น เราเองให้เกียรติกับทุกๆคน โดยเฉพาะการชี้แจงต่อสาธารณชนไม่ใช่เพื่อความสะใจเท่านั้น แต่เพื่อชี้แจงในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเท่าที่เราได้รับข่าวสารจากกลุ่มที่ไม่หวังดีกับรัฐบาล และ คมช. ดังนั้น จะต้องร่วมมือกันสร้างมิติใหม่ให้เกิดขึ้น อย่าใช้เพียงอารมณ์มาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง

กร้าวถ้ายุค รสช.คนต่อต้านโดนแน่


ผมให้เกียรติกับคนทุกคน แต่ถ้าใครไม่ให้เกียรติกับผม ผมก็จะไม่ให้เกียรติกับคนนั้น ดังนั้น ผู้ใหญ่และ นักการเมืองทั้งหลายที่ต่อต้านการทำงานของ คมช. และ รัฐบาล จะต้องตื่นตัวและเสียสละในการเข้ามาร่วมกันพัฒนาประเทศ ถ้าเป็นสมัยที่ รสช.ทำการปฏิวัติ บุคคลเหล่านี้คงไม่มีโอกาสออกมาวิพากษ์วิจารณ์เหมือนทุกวันนี้ แต่ เรายังให้โอกาสเขาแสดงความคิดเห็นได้เท่าที่จำเป็น และเหมาะสม พล.อ.สพรั่งกล่าว

เมื่อถามว่า จะเรียกนายชนาพัทธ์ ณ นคร แกนนำกลุ่มม็อบต่อต้าน คมช. เข้าหารือทำความเข้าใจหรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวสั้นๆ ว่า ดูดวงเมืองแล้วหรือยัง ทั้งนี้ หลังจากวันที่ 10 ธ.ค. ทุกอย่างจะมีความชัดเจน และค่อยมาคุยกันอีกครั้ง

ผบ.ทบ.ไม่ห่วงชุมนุม 10 ธ.ค.

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 ดอนเมือง (บน.6) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชา การทหารบกและประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในวันที่ 10 ธ.ค. ที่จะมีการชุมนุมว่าไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 1-2 วันที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า คนไทยมีความรักชาติและความจงรักภักดี และต้องการความสงบด้วยกันทั้งนั้น ในวันที่ 10 นี้ทุกคนที่มารวมก็คงจะมีจิตสำนึกอันเดียวกันว่าจะไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายในช่วงนี้ เมื่อถามว่า คิดว่าพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา จะทำให้คนไทยหันมาร่วมมือกันหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ก็อยากให้ทุกคนได้ให้ความสำคัญกับตรงนั้นและขอให้ปฏิบัติตามที่พระองค์ท่านต้องการ

ถามจิตสำนึกนักการเมืองป่วนชาติ

เมื่อถามว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดปัญหาภายในประเทศใช่หรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่าเชื่อมั่นอย่าง นั้น เมื่อถามว่าได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า เป็นหน้าที่อยู่แล้ว เราอาจจะสั่งเตรียมพร้อมตามแผนปฐพี 149 เพื่อป้องกันเหตุไว้ก่อน เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายชนาภัทธ์ ณ นคร แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อทำความเข้าใจกันหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า เข้าใจว่ากองทัพกำลังทำอะไรก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีว่าหลายๆท่านที่ไม่เข้าใจกองทัพ เมื่อได้ฟังตนชี้แจงแล้วเข้าใจกองทัพก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เมื่อถามว่า กลุ่มนักการเมืองหรือกลุ่มอำนาจเก่าต่างๆให้เงินสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม พล.อ.สนธิตอบว่า เราคงบังคับวิถีตรงนั้นไม่ได้ ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน ถ้าต้องการความสงบให้คิดว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ คงจะรู้เอง เมื่อถามว่า จะขอร้องประชาชนอย่าเดินทางมาชุมนุมหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า เรามีหน่วยงานต่างๆเข้าไปชี้แจงประชาชนส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนในทางกองทัพภาคต่างๆนั้น ได้สั่งการไปแล้ว ตามแผนปฐพี 149 ซึ่งเป็นกรอบปฏิบัติที่ดี

เสธ.ทบ.ชี้คนร่วมชุมนุมน้อย


ทางด้าน พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก กล่าวถึงที่ประชาชนหลายคนมีความเป็นห่วงถึงความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ว่าพูดเสมอว่าไม่มีความห่วงใยตรงนี้ เพราะมีความเชื่อมั่นในความจงรักภักดีของประชาชนที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกคนอย่างให้พระองค์ท่านมีความสุข เมื่อถามว่าได้มีการประเมินหรือไม่ว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุม 30,000 คน ตามที่ได้ประกาศไว้ พล.อ.มนตรี กล่าวว่ามั่นใจว่าจะไม่ถึง แต่จะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ไม่ได้ สนใจตรงนั้น ถ้าไม่ได้ทำความเดือดร้อนกับประเทศชาติ และประชาชน ก็ไม่ห่วง เพราะว่าเราเป็นประเทศประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงออก ทั้งนี้รัฐบาลและ คมช.ก็เปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นตรงนี้ตามระบอบประชาธิปไตย

ยันกองทัพมีแผนรับมือแล้ว

เมื่อถามว่า หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงกองทัพมีมาตรการขั้นเด็ดขาดอย่างไร พล.อ.มนตรีตอบว่า ในเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย สมมติว่าเหตุการณ์บานปลายทหารก็จะมีแผนรองรับสถานการณ์ไว้เป็นขั้นตอน จากเบาไปหาหนัก เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้อยู่ในแผนและการเตรียมการอยู่แล้ว เมื่อถามว่า คมช.จะทำความเข้าใจกับกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ พล.อ.มนตรีตอบว่า ได้มีการจัดคนไปคุยว่ามีปัญหาและความต้องการอะไร เราก็ไปพูดคุยทำความเข้าใจ ทั้งนี้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. จะเป็นผู้ ชี้แจงทำความเข้าใจกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม และชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ เพราะปัญหาที่เรามั่นใจว่าตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา จะเห็นว่าประชาชนเห็นด้วยกับการปฏิรูป แต่พอเวลานานออกไป เพราะทาง คมช.ได้ดำเนินการตามกฎหมาย ทำให้ประชาชนไม่ทันใจเพราะต้องการทราบข้อเท็จจริงตามที่คาดหวัง ดังนั้น จึงมีศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการปฏิรูปของ คมช.

รู้แล้วเงินทุนกลุ่มไหนส่งให้กลุ่มชุมนุม

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมในการต่อต้าน คมช.และรัฐบาล แทนที่จะชุมนุมด้วยอุดมการณ์รักประชาธิปไตย พล.อ.มนตรีตอบ ว่า ตอนนี้ก็ทำการสกัดอยู่ ตรงนี้ถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ก็คือตัวเม็ดเงินที่ให้การสนับสนุน ดังนั้น เงินที่มาจากข้างนอกหรือในประเทศ ที่พอทราบว่าอยู่ตรงไหนบ้างเราก็เฝ้าดูตรงจุดนี้อยู่ เมื่อถามว่า คมช.เป็นห่วงเรื่องเม็ดเงินที่จะเข้ามาสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม พล.อ.มนตรีตอบว่า ตรงนี้เป็นปัจจัยสำคัญ หากไม่มีเม็ดเงินตรงนี้ก็คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่อยาก จะทำอะไรที่ก่อให้เกิดปัญหากับชาติบ้านเมือง แต่เราต้องเข้าใจว่าบางครั้งเรื่องเงินเป็นเรื่องที่สำคัญ เมื่อถามว่า พวกที่มาเรียกร้องไม่มีอุดมการณ์ พล.อ.มนตรีตอบว่า เราไม่อยากกล่าวเช่นนั้น แต่ไม่รู้สึกห่วงใยตรงนั้นมากนัก ดังนั้น คนที่มาชุมนุมถ้าเป็นบุคคลที่มีความรู้ก็น่าจะคิดได้ว่าเหมาะสมหรือไม่

พุ่งเป้าเรียก ชนาภัทธ์ เคลียร์ตัวเอง


เมื่อถามว่า นายชนาภัทธ์เป็นคนรับเงินมาเพื่อต่อต้าน คมช. เราจะเรียกมาทำความเข้าใจหรือไม่ พล.อ. มนตรีตอบว่า จะต้องเชิญมาพูดคุย เพราะว่าตอนนี้รู้สึกว่าจะเป็นเป้าที่โจมตีหนัก โดยนายชนาภัทธ์จะต้องมาสอบถามว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อถามว่า คมช.ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2-3 อย่างไร เพื่อสกัดกั้นเม็ดเงินดังกล่าว พล.อ. มนตรีตอบว่าได้กำชับทางกองทัพภาคที่ 2-3 ไปแล้ว นอกจากเพราะแกนนำแล้ว ก็ได้ชี้แจงพูดคุยกับประชาชนให้เข้าใจถึงปัญหาว่าเกิดจากอะไร

ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ 7 ธ.ค.นี้

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชนาภัทธ์ ณ นคร แกนนำเครือข่ายประชาชนเพื่อประชาธิปไตยระบุว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ 30,000 คน พล.ท.ประยุทธ์ตอบว่า ต้องรอดูเขาว่าจะมามากเท่าใด และเขาจะดูแลเลี้ยงดูกันอย่างไร และอยู่ตรงไหน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 7 ธ.ค. 2549 กองทัพภาคที่ 1 จะจัดการประชุมประสานความร่วมมือแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ครั้งที่ 1 เพื่อให้หน่วยบังคับบัญชาส่วนต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลได้พูดคุย ร่วมมือกันทำงานเพื่อทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคงมากขึ้น และทำให้บ้านเมืองมีความรักความสามัคคีตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้จะมีการประชุมกันเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ การเรียกประชุมครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเตรียมการเพื่อรับมือสถานการณ์ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้แต่อย่างใด

ถกผู้นำท้องถิ่น กทม.-ปริมณฑล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 7 ธ.ค. 2549 พล.ท. ประยุทธ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ได้เชิญผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัดเขตปริมณฑล ผู้อำนวยการเขตกรุงเทพมหานคร หัวหน้าส่วนราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. นายก อบจ. ประธาน อบต. ประธาน อบจ.) สัสดีจังหวัด 5 จังหวัดเขตปริมณฑล สัสดีเขตกรุงเทพมหานคร เข้าประชุมประสานความร่วมมือแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

จำลอง โวย ทรท.โดนใส่ร้าย


ทางด้านพรรคไทยรักไทย วันเดียวกัน นายจำลอง ครุฑขุนทด หนึ่งในแกนนำพื้นที่ภาคอีสาน พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ระบุมีนักการเมืองภาคอีสานอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ว่า พรรคโดนกล่าวหาเช่นนี้เยอะมาก ทั้งที่ความจริงแล้วเคยแถลงไว้ชัดเจนว่าจะไม่ก่อความไม่สงบโดยเด็ดขาด เพราะเราเห็นว่าการทำตัวเป็นปรปักษ์กับ คมช.มีแต่เกิดผลเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทำให้ คมช.นำไปเป็นข้ออ้างไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค เข้าประเทศ ยืนยันว่าพรรคไม่มีความจำเป็นต้องเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ ประโยชน์ใดๆ จากการก่อม็อบ เนื่องจากยึดมั่นในคำพูดของคณะปฏิวัติตลอดว่าจะอยู่เพียง 1 ปีเท่านั้น ไม่ทราบว่าทำไมยังไม่เลิกกล่าวหาพรรคไทยรักไทยเสียที มองว่าเรื่องนี้เกิดจากนักการเมืองฝังตรงข้ามที่หวังผลทางการเมือง พยายามปล่อยข่าวพูดจาใส่ร้ายป้ายสีพรรคไทยรักไทยให้เกิดความเสียหาย ตัวเองจะได้ประโยชน์จากการกระทำนี้โดยอาศัย คมช.เป็นเครื่องมือ ถือเป็นเกมการเมืองระดับเก๋าเซียน

ชี้ไอ้โม่งอดีต ส.ว.สร้างสถานการณ์

เหตุที่ พล.อ.สพรั่งพูดเช่นนี้ เพราะได้รับข้อมูลที่บิดเบือนจากพวกใต้ดิน ล่าสุดก็มีข่าวปล่อยว่าที่โคราชมีคลื่นใต้น้ำ ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคเลย คนที่เคลื่อนไหวคือนักการเมืองที่เป็นอดีต ส.ว.และเตรียมจะเป็นผู้สมัครของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง แต่พรรคไม่หนักใจ เพราะโดนแบบนี้มาเยอะ อีกทั้งเราก็ชี้แจงต่อสาธารณะเสมอ และเชื่อว่าประชาชนก็เข้าใจว่าเราไม่ เกี่ยวข้อง นายจำลองกล่าวและว่า ที่ผ่านมาแกนนำพรรคมีโอกาสติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านเองก็รับทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหา เพราะท่านกำลังพยายามทำให้ประเทศเกิดความสงบโดยเร็ว ระหว่างนี้ได้ แนะนำแกนนำพรรคให้ดำเนินการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้ต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าภายใน 1 ปี คมช. จะคืนอำนาจประชาธิปไตย ถือเป็นการเตรียมตัวก่อนจะมีการเลือกตั้ง

อัด คมช.ตัวปั่นกระแสชุมนุม

วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรค ไทยรักไทยกล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คมช.ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ว่า ความจริงการชุมนุมดังกล่าวไม่น่าจะมีอะไร เพราะไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวจากพรรคการเมืองหรือมีนักเคลื่อนไหวที่มีชื่อเสียงจากอดีต เท่าที่เห็นเป็นเพียงการชุมนุมจากแกนนำที่ไม่เคยอยู่ในสารระบบของนักเคลื่อนไหวมาก่อน อีกทั้งยังมีพฤติกรรมแปลกๆออกมาสาวไส้กันเอง แต่ รัฐบาลและ คมช.ต่างหากที่พยายามทำให้การชุมนุมดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่ากลัว พูดกันไปพูดกันมาจนตัวเองเริ่มเกิดอาการวิตกจริตกลัวเสียเอง ซึ่งอาจเป็นเพราะ คมช. เกิดความแสลงใจเพราะเป็นผู้ที่ฉีกรัฐธรรมนูญ ถ้า คมช. เชื่อในข้อมูลที่ผิดการวางมาตรการป้องกันต่างๆก็จะผิดพลาดไปด้วย อย่างไรก็ตาม การชุมนุมที่ไม่มีการนำอย่าง เป็นระบบหรือการชุมนุมที่มาจากหลากหลายที่มานั้น น่าเป็นห่วงในเรื่องการเผชิญหน้ากันที่อาจเกิดขึ้นได้ คมช. จึงไม่ควรไปยึดแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ปราบปรามอย่างเด็ดขาด ควรยึดแนวทางเจรจาโดยสงบ อย่างที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ระบุไว้

อ้างคลื่นใต้น้ำแบล็กเมล์ ทรท.


นายจตุพรกล่าวว่า สำหรับพรรคไทยรักไทยถือว่าโดนลูกหลงจากการแฉกันเองของกลุ่มผู้ที่จะชุมนุมดังกล่าว ซึ่งทาง คมช.ก็เกิดความหวาดระแวงว่าไทยรักไทยจะเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งที่ความจริงมันไม่มี เพราะวันนี้อดีต ส.ส.ของพรรคถูกทหารควบคุมหมดแล้ว นักการเมือง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.ในต่างจังหวัดไม่กล้ากระดิกตัวทำอะไร กลัวทหารกันหมด ถ้าหาก คมช.รู้ว่ามีคลื่นใต้น้ำ และมีน้ำยาจริง 2 เดือนที่ผ่านมาก็น่าจะนำหลักฐานมาแสดงต่อสาธารณะได้แล้วว่าพรรคไทยรักไทยเกี่ยวข้องกับคลื่นใต้น้ำอย่างไร แต่เท่าที่เห็นเป็นการอ้างแบบเลื่อนลอย ปราศจากหลักฐาน เข้าข่ายแบล็กเมล์

อดีต ส.ส.อีสานแห่หนีเข้ากรุง

ด้านนายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ระบุว่า มีนักการเมืองทางภาคอีสานบางคนอยู่เบื้องหลังการปลุกระดมชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค. เพื่อทดสอบกองทัพว่า วันนี้ ส.ส.อีสาน พรรคไทยรักไทยส่วนใหญ่ เดินทางเข้ามาอยู่ใน กทม.กันเกือบหมดแล้ว เพราะไม่มีใครกล้าอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่าไปปลุกระดมเกณฑ์ชาวบ้านให้มาชุมนุมกันในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ทั้งที่ความจริงพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องเลย แต่ขณะนี้กลับ มีทหารลงพื้นที่ในแต่ละเขตทางภาคอีสาน เพื่อเข้าไปตรวจสอบว่ามีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ โดยมีคำสั่งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกคน ทำรายงานความเคลื่อนไหวในเขตความรับผิดชอบให้รับทราบ ดังนั้น เพื่อเป็นการตัดปัญหาพวกเราจึงหนีเข้ามาอยู่ใน กทม.เป็นส่วนใหญ่ จะได้ตัดข้อครหาที่เกิดขึ้น

โต้ สพรั่ง อย่ากล่าวหาเหมาเข่ง

อยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับพวกเราชาวไทยรักไทยบ้าง ก่อนที่จะกล่าวหาใส่ร้ายกัน ถ้าท่านผู้ช่วย ผบ.ทบ.มีหลักฐานว่าใครไปทำอะไร ที่ไหน หรือใครเป็นคนปลุกระดม อยู่เบื้องหลัง ก็ขอให้ระบุมาให้ชัดเจน อย่าพูดเหมารวมแบบนี้ หรือกล่าวหากันลอยๆแบบนี้ เพราะจะเกิดความเสียหายต่อพรรคไทยรักไทย และคนของพรรคไทยรักไทยได้ รวมทั้งจะทำให้เกิดความสับสนด้วย เพราะขณะนี้เท่าที่ได้พูดคุยกัน อดีต ส.ส.ทุกคนต่างก็อยู่กันแบบนิ่งๆ เพราะไม่อยากไปสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง นายสุพลกล่าว

ชนาภัทธ์ โวยทหารข่มขู่ผู้ชุมนุม


วันเดียวกัน นายชนาภัทธ์ ณ นคร ประธานกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้ได้ลงพื้นที่ในต่างจังหวัดโดยเฉพาะแถบภาคกลาง อาทิ จ.พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสุพรรณบุรี เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามาชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ทราบว่า ขณะนี้ประชาชนและกลุ่มพลังต่างๆ กำลังถูกคุกคามข่มขู่จากฝ่ายทหาร แนวร่วมบางรายถึงขนาดถูกเข้าไปข่มขู่คุกคามถึงบ้าน ผู้ที่มาข่มขู่อ้างว่าเป็นคำสั่งของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.การกระทำเช่นนี้ ตนถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ถ่อย ไม่มีอารยธรรมดุจประเทศโลกที่ 4 โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. เป็นคนดี แต่มีลูกน้องที่ไม่ดี ขอร้องขอให้เลิกพฤติกรรมนี้เสีย และอย่าดูหมิ่นประชาชน พวกเราไม่เคยกลัว ส่วนกรณีที่ เสธ.ทบ. จะเชิญตนไปพูดคุยนั้น อยากจะทราบว่าจะคุยเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องที่ช่วยกันหาทางออกให้ประเทศชาติ หรือจะคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชนก็จะยินดีไปคุยด้วย นอกจากนี้ ช่วงเที่ยงวันที่ 6 ธ.ค. ตนและสมาชิกได้ออกไปแจกใบปลิวเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมกันในวันที่ 10 ธ.ค. ที่ย่านสยามสแควร์ ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมากที่จะมาร่วมกดดันเรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป

ประสงค์ เย้ยปั้นตัวเลขเบิกเงิน

ทางด้าน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิก สนช. กล่าวถึงกรณีที่นายชนาภัทธ์ ณ นคร แกนนำกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจะรวมกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านคมช. ในวันที่ 10 ธ.ค. ให้ได้กว่า 30,000 คนว่า ไม่รู้ว่าตัวเลขที่ประกาศไว้เป็นตัวเลขที่จะเอาไปเบิกค่าใช้จ่ายหรือเปล่า ไม่เชื่อว่าจะมาชุมนุมกันมากขนาดนั้น เท่าที่ดูมีเพียง 2-3 กลุ่มเท่านั้น ส่วนกลุ่มนักวิชาการก็ไม่ร่วมด้วยแต่ไปรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัย ในบางจังหวัดในภาคอีสาน ที่พยายามนำคนกลุ่มเล็กๆ 10-15 คน เดินทางเข้ามาแล้ว 2-3 วันก็ยังไม่ถึง ไปฝากกันตามปัมน้ำมัน ดังนั้นคงไม่ถึง 30,000 คนแน่ จะถึง 3,000 คนหรือเปล่ายังไม่รู้ ส่วนที่มีการแฉว่าอดีตรัฐมนตรีเป็นคนจ่ายเงินจ้างชุมนุม น่าจะเป็นเรื่องความไม่ลงตัวในการรับรายได้ของแต่ละกลุ่ม ดีแล้วที่ออกมาแฉกันประชาชนจะได้เข้าใจ อยากบอกตำรวจทุกคนว่าผ่านพ้นยุคเก่าไปแล้วขอให้กลับมาทำงานให้ถูกต้องในหน้าที่ของตัวเอง ต้องเข้ามาดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเรื่องมือที่ 3 จะประมาทไม่ได้

บรรหาร ห่วงชุมนุมมีเบื้องหลัง

วันเดียวกัน ที่พรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 10 ธ.ค. ว่า ขอร้องผู้ที่จะมาชุมนุมว่า รัฐบาลเพิ่งทำงานแค่ 2 เดือน จะมาชุมนุมกันทำไม ไม่น่าจะออกมากัน เห็นข่าวแล้วไม่สบายใจ แม้ตำรวจจะบอกว่ามีแค่ 500 กว่าคน แต่อย่าประมาทต้องคอยระวัง คิดว่าน่าจะมีมากกว่านั้น ทั้งนี้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ก็พูดขอร้องพวกที่จะชุมนุมควรคิดถึงประเทศชาติ และความสมานฉันท์ อยากถามว่า การชุมนุมต้องมีค่ารถ ค่าพาหนะ ค่าใช้จ่าย มีใครสนับสนุน มีใครต่อท่อให้หรือไม่ บางคนปากว่าตาขยิบว่าไม่ได้ทำ บางคนก็ออกมาโต้ทันควัน คิดว่าถ้าเงียบๆกันบ้านเมืองก็คงจะดี คงตอบไม่ได้ว่า การชุมนุมอาจจะมีหรือไม่มีเบื้องหลัง แต่ทำไมต้องมาชุมนุมกันวันที่ 10 ธ.ค. ไปชุมนุมวันอื่นก็หมดเรื่อง แต่คิดว่ารัฐบาลคงควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะ คมช.ยังอยู่ เป็นสาเหตุหนึ่งที่หลายคนไม่อยากให้ยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะเลิกไปแล้วเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องดูแลควบคุมพวกที่ออกมาชุมนุม

เทพนม จ๋อยมีแต่ราคาคุย


วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.00 น. นายเทพนม ศิริวิทยารัตน์ ประธานเครือข่ายภาคอีสานพิทักษ์รัฐธรรมนูญและชมรมสมัชชาชาวนาภาคอีสาน พร้อมนายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดย นายเทพนมเปิดเผยว่า ได้เข้าหารือกับ พล.อ.สพรั่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวชุมนุมการทำงานของรัฐบาลและ คมช. ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ โดยตนได้เรียกร้องผ่าน พล.อ. สพรั่ง ไปยังรัฐบาลเพื่อหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ในประเด็นราคาข้าว รวมถึงการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในระยะที่ทาง คมช.ประกาศไว้ว่าจะให้เกิดขึ้นเมื่อเข้ามายึดอำนาจครบ 1 ปี โดย พล.อ.สพรั่งรับปากดำเนินการในสองเรื่อง ทั้งนี้ ได้รับปาก พล.อ.สพรั่งว่าจะยุติการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค. แต่ตนพร้อมเหล่าบรรดาสมาชิกประมาณ 200-300 คน จะเดินทางมายัง กทม. เพื่อเข้าร่วมงานรำลึกรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าการเข้ามาครั้งนี้ ไม่ได้เข้ามาล้มล้างรัฐบาลและ คมช. แต่จะเข้ามาสมทบกับกลุ่มอาจารย์ จอน อึ๊งภากรณ์ ในวันดังกล่าว เพื่อทำกิจกรรมในการรำลึกถึงประชาธิปไตยเท่านั้น

ยังปากดีกล่าวหาอดีต รมต.

ขณะนี้ผมไม่ได้รับเงินของอดีตรัฐมนตรีแล้ว เพราะทางอดีต รมต.มีเงื่อนไขว่ารับเงินไปแล้วต้องเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล และ คมช.ให้ได้ แต่เมื่อผมได้คุยกับ พล.อ.สพรั่ง แล้ว และท่านรับปากดำเนินการในข้อเรียกร้อง ก็จะรอรับฟังข่าวภายใน 7-10 วัน แล้วค่อยกำหนดท่าที นายเทพนมกล่าวและว่า เขาและนายชนาภัทธ์ ณ นคร ไม่รู้จักกัน และหากมีการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค. เพื่อต่อต้าน คมช. ก็ให้มั่นใจได้ว่าไม่ใช่กลุ่มของตน เมื่อได้มีการพูดคุยและทาง คมช.รับปากที่จะแก้ไขสิ่งที่ได้เสนอไปแล้ว ก็จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ

มท.1 ปัดขึ้นบัญชีดำสกัดชุมนุม

ที่กระทรวงมหาดไทย นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว. มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีข่าวการขึ้นบัญชีดำบุคคลที่จะมาชุมนุมเคลื่อนไหวในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ว่า ไม่เห็นมีใครเป็นคนขึ้นแบล็กลิสต์ ตนไม่เคยขึ้นแบล็กลิสต์ใคร ไม่ใช่อยู่ดีๆจะไปขึ้นแบล็กลิสต์ใครได้ สำหรับการมาชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.ทำได้ อยากมาก็มา ถ้ามาอย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร ต้องทำความเข้าใจว่ากระทรวงมหาดไทยไม่สกัดกั้นใคร ไม่ทำแบล็กลิสต์ใคร ทุกคนมีความเข้าใจว่าต้องทำอะไรให้บ้านเมืองสงบสุข ส่วนกระแส ข่าวว่าองค์กรปกครองท้องถิ่นจะมาร่วมชุมนุม กรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่นทำหนังสือชี้แจงไปแล้วว่าให้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ไม่ได้ห้าม แต่ไม่ควรจะมาร่วมชุมนุม อย่างไรก็ตาม ตนไม่ประเมินสถานการณ์ว่าจะรุนแรงมากน้อยเพียงใด แต่พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความชัดเจน คนไทยต้องเข้าใจดีว่า ทำอย่างไรจะทำให้เกิดความรักความสมานฉันท์ ไม่จำเป็นต้องไปพูดย้ำอะไร

กก.สิทธิฯหนุนชุมนุมสนามหลวง


วันเดียวกัน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานอนุกรรมการว่าด้วยสิทธิเสรีภาพทางความคิดเห็น ได้ออกแถลงการณ์เรื่องสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในวันสิทธิมนุษยชน และวันรัฐธรรมนูญของไทย โดยระบุว่าเนื่องในวันที่ 10 ธ.ค. ของทุกปี ในทางสากลถือเป็นวันสิทธิมนุษยชน ซึ่ง ในปีนี้จะมีประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและเคารพในหลักการสิทธิมนุษยชนมาแสดงความคิดเห็นต่อรัฐธรรมนูญ

และสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย โดยเฉพาะจะมีการชุมนุม ณ ท้องสนามหลวง ดังนั้นหากการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 10 ธ.ค. เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธย่อมเป็นเสรีภาพที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ จึงขอเรียกร้องไปยัง คมช.และรัฐบาล พรรคการเมืองควรให้ความเคารพต่อเสรีภาพทางความคิดเห็น ด้วยการไม่แทรกแซงหรือกระทำการใดๆ หรือสนับสนุนให้มีการกระทำการอันเป็นการขัดขวางการชุมนุมโดยสงบในวันดังกล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์