เล่ห์ฮุนเซนใช้เวทีอาเซียนถล่มไทยมาร์คโต้

“ฮุนเซน”แสบยกเหตุพิพาทชายแดนกลางที่ประชุมอาเซียนกล่าวหาไทย“มาร์ค”รับข้อเสนอ อาเซียนพร้อมเป็นกาวใจ

วันนี้ 8 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   เมื่อวานนี้ สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียว่า ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น รมว.ต่างประเทศหลายชาติได้เรียกร้องให้ทั้งไทยและกัมพูชาแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนด้วยสันติวิธี โดยอ้างถึงหลักการตามกฎบัตรของอาเซียนว่าข้อพิพาทใดๆ ทั้งปวงควรตกลงกันฉันมิตร แต่เมื่อกัมพูชาหยิบยกปัญหาข้อพิพาทชายแดนขึ้นมา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย ได้กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับใครก็ตามที่พยายามหยิบยกปัญหาความขัดแย้งสองฝ่ายขึ้นมาหารือในรายละเอียดในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียน ส่งผลให้รมว.ต่างประเทศคนอื่นๆ หาทางหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงประเด็นนี้   

ส่วนอินโดนีเซียในฐานะประเทศผู้นำอาเซียน ได้พยายามที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยในข้อขัดแย้งว่าด้วยพื้นที่ทับซ้อนรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์
 
โดยมีความคืบหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่นายศรี ธำรง ที่ปรึกษาระดับสูงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาต้องการให้อาเซียนรับผิดชอบดูแลเรื่องการหยุดยิงถาวร แต่ฝ่ายไทยยังคงเชื่อว่า ปัญหานี้ควรได้รับการแก้ไขผ่านการตกลงของทั้งสองฝ่าย หรือไม่ก็ให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศชี้ขาด

นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า
 
ได้พบกับ รมว.ต่างประเทศของไทยและกัมพูชาเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงที่จะยอมรับคณะผู้สังเกตการณ์ทหารของอินโดนีเซีย 15 คน เข้าไปอยู่ในพื้นที่ข้อพิพาทของแต่ละฝ่าย แต่คณะผู้สังเกตการณ์ทหารนั้นจะไม่มีอำนาจในการควบคุมการหยุดยิง และประเด็นสถานที่ตั้งของคณะผู้สังเกตการณ์ทหารก็ยังตกลงกันไม่ได้


ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รมว.ต่างประเทศของประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยตัว

แต่กล่าวว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแสดงท่าทีก้าวร้าว เมื่อหยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาหารือในที่ประชุมระหว่างการหารือเป็นการภายในของผู้นำอาเซียน ซึ่งนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชาหยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาหารือทั้งที่ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุม และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยรู้สึกผิดหวังอย่างมากเมื่อได้ยินว่า กัมพูชากล่าวหาไทยว่าใช้กำลังทหารกับกัมพูชา ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น ไทยพยายามช่วยกัมพูชาในช่วงเวลายากลำบากอยู่เสมอ 

ด้านนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่ยินยอมตามข้อเรียกร้องของไทย ที่ให้ถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหาร
 
ดังนั้น นายกรัฐมนตรีฮุนเซนจึงขอร้องให้อาเซียนช่วยแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ขณะที่ นายริคกี้ การันดัง โฆษกประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ แถลงว่า แปลกใจมากที่กัมพูชาหยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาหารือในที่ประชุมผู้นำอาเซียน และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทยกล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่ผู้นำอาเซียนคนอื่นๆกล่าวเป็นเสียงเดียวกันคือ เราควรแก้ปัญหานี้ภายในกลุ่มอาเซียนของพวกเราเอง

สำนักข่าวเอพีรายงานต่อไปว่า นายซูดี้ ซิลาลาฮี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า

ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุดโดโยโน แห่งอินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพประชุม 3 ฝ่ายร่วมกับสมเด็จฮุนเซนและนายอภิสิทธิ์ ในวันที่ 8 พ.ค. เพื่อหารือเรื่องการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากที่ไทยเคยปฏิเสธไม่ให้มีคนกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะต้องการให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขระหว่าง 2 ฝ่ายเท่านั้น
 
นายปณิธาน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยอีกครั้งว่า หลังจากที่กัมพูชาหยิบยกปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา มาพูดในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน
 
ด้วยการกล่าวหาไทยว่าใช้กำลังรุกรานกัมพูชา นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อมูลกับที่ประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างครบถ้วน ทั้งความเป็นมา ปัญหาปัจจุบัน รายละเอียดแต่ละพื้นที่ แนวทางที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้ว แนวทางที่จะดำเนินการต่อไป และบทบาทของอาเซียน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าไทยมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยใช้กลไกลต่างๆที่มีอยู่ในระดับทวิภาคี โดยยืนยันกับสมาชิกว่าไทยไม่เคยรุกรานใคร และไม่ได้ก่อปัญหานี้  ความเป็นมาเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในส่วนของปราสาทพระวิหาร มีมานานแล้ว เมื่อศาลโลกตัดสินให้ไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ และปฏิบัติตามข้อตกลงโดยมีกลไกลขึ้นมารองรับ  รวมถึงเอ็มโอยู ปี 2543  ขณะที่กัมพูชาพยายามยกปัญหานี้เข้าสู่ปัญหาสากลไปยังสหประชาชาติและศาลโลก ซึ่งเรื่องนี้สมาชิกอาเซียนให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า ปัญหานี้ควรอยู่ในระดับใช้กลไกลทวิภาคีและอาเซียน โดยให้อาเซียนเป็นฝ่ายอำนวยความสะดวกในการประสานงาน 
 
นายปณิธาน กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการส่งผู้สังเกตการลงพื้นที่ด้วยว่า
 
ได้แจ้งให้สมาชิกอาเซียนดำเนินการตามเจตนารมณ์คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี) และชี้แจงให้ข้อมูลเรื่องนี้กับสมาชิกอาเซียนว่าไทยกังวลเรื่องการส่งผู้สังเกตการณ์ว่า การที่มีทหารของกัมพูชาที่อยู่บริเวณปราสาทพระวิหารนั้นขัดข้อตกลงของคณะกรรมการมรดกโลก และการมีกองกำลังและชุมชนอยู่ในพื้นที่จะทำให้เกิดความซับซ้อนในการให้ผู้สังเกตการณ์ จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่ ส่วนการหารือทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น นายปณิธาน กล่าวว่าอยู่ระหว่างการประสานงาน ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นวันที่ 8 พ.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กรุงจาการ์ตา  นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอินโดนีเซีย  ถึงข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่า

ถ้าการหารือ 3 ฝ่าย คือ ไทย อินโดนีเซีย และกัมพูชา สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ไทยก็ไม่มีปัญหา เพราะได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว และคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไขปัญหานี้ ไทยไม่ต้องการให้ปัญหานี้กระทบต่อภาพรวมของอาเซียน ขณะเดียวกันต้องแน่ใจว่าจะไม่มีฝ่ายใดต้องการให้นานาชาติเข้ามายุ่งเกี่ยว สร้างปัญหานี้ให้มากขึ้น ไทยพร้อมเสมอสำหรับการเจรจาทวิภาคี แต่ถ้าจะมีอินโดนีเซีย เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวก ในฐานะประธานอาเซียน ไทยก็ไม่มีปัญหา.
 
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการประชุมฯ ว่า ไทยต้องการให้มีการหารือในระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา
 
ขณะนี้รอคำตอบจากทางกัมพูชา ส่วนกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยไม่ยอมรับข้อตกลงเกี่ยวกับผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียนั้น ตัวทีโออาร์ไม่ได้มีปัญหา แต่กัมพูชาควรเคารพข้อตกลงด้วยการนำทหารและคนของกัมพูชา ออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารก่อน จึงจะนำไปสู่การสังเกตการณ์ มิฉะนั้น กลไกทวิภาคีและกลไกต่างๆ ของอาเซียนจะเป็นปัญหา วันนี้ กัมพูชาอ้างถึงการไม่ถอนกำลังทหาร โดยเล่าประวัติศาสตร์ว่าไทยไม่เคารพมติศาลโลก ซึ่งไม่เป็นความจริง ไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่ตนจะได้พบผู้นำเวียดนาม พม่า อินโดนีเซียและลาว ตนจะย้ำเรื่องเหล่านี้อีกครั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจนและความเข้าใจที่ดี โดยตนต้องการให้อาเซียนช่วยกันโน้มน้าว ให้กัมพูชาเห็นว่าไทยกับกัมพูชาต้องแก้ปัญหา โดยมีเพื่อนอาเซียนคอยอำนวยความสะดวกให้ ขณะนี้หลายประเทศมีความเข้าใจ และกระจ่างกับปัญหาไทย-กัมพูชา เพิ่มมากขึ้น.

 

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์