เลือก ป.ป.ช.ส่อเค้ายืดเยื้อได้ไม่ครบ - คนใกล้ชิด แม้ว-หญิงอ้อ ร่วง!

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 มีนาคม 2549 16:43 น.

กรรมการสรรหา ป.ป.ช.โหวต 10 รอบ ได้แค่ 13 ขาดอีก 5 โฆษก กก.ยันไม่มีบล็อกโหวต โดยอดีตว่าที่ 9 ป.ป.ช.ชุดถูกราชเลขาตีกลับผ่าน 4 หลุด 4 ขณะที่คนใกล้ชิด ทักษิณ-หญิงอ้อ ร่วงเป็นแถว แน่งน้อย ขาลงได้แค่หนึ่งคะแนน รวมถึงพี่ชาย ส.ส. ทรท.อดีตว่าที่ ปธ.ป.ป.ช.เกือบเบียดเข้า แต่สุดท้ายหลุด วัดใจ สุชน เปิดสภาสูงเลือกทิ้งทวนหรือไม่ พร้อมเปิดขยายรับสมัครเพิ่ม 22-28 มี.ค นี้

วันนี้ (19 มี.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมี นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ป.ป.ช.จะต้องได้รับคะแนนเสียง 3 ใน 4 ของจำนวนกรรมการสรรหา ก็คือ ต้องได้ 9 คะแนนขึ้นไป จากคณะกรรมการสรรหาจำนวน 12 คน

นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ แถลงว่า มีผู้สมัครเข้ารับการสรรหาจำนวน 40 คน แต่มี นายปรีชา ออประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้ทำหนังสือขอถอนตัว จึงทำให้มีผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเหลือเพียง 39 คน จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติเลือกผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อจำนวน 10 รอบ ซึ่งสามารถเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ได้เพียง 13 คน จากที่ต้องเสนอชื่อทั้งหมด 18 คน

ทั้งนี้ เป็นเพราะมติของคณะกรรมการสรรหาเดิมที่กำหนดให้มีการลงคะแนนเพียง 10 รอบ ถ้ายังได้ไม่ครบก็ต้องหยุดการลงมติ เพื่อไม่ให้มีการลงคะแนนยืดเยื้อต่อไป และส่วนที่เหลือ 5 คน กรรมการสรรหามีมติเปิดรับสมัครบุคคลใหม่ในวันที่ 22-28 มีนาคมนี้ และในวันที่ 7 เมษายน 2549 จะได้เชิญผู้สมัครใหม่มาพูดคุยกับคณะกรรมการสรรหา และได้มีการนัดลงคะแนน เพื่อเลือกผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ป.ป.ช.อีกครั้งในวันที่ 17 เมษายน ทั้งนี้ จะไม่มีการตัดสิทธิของผู้ที่ไม่ได้รับการลงมติในครั้งนี้ออกไป

นายสุรพล กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ป.ป.ช.จำนวน 13 คน มี 7 คน ประกอบด้วย นายไสว จันทะศรี ผู้พิพากษาศาลอาวุโสในศาลอาญา นายภักดี โพธิศิริ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายกุลพัชร์ อิทธิธรรมวินิจ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลแขวงธนบุรี นางสัจจา ศศะนาวิน อดีตรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายศิวะ แสงมณี อดีตอธิบดีกรมการปกครอง พล.อ.เกษมชาติ นเรศเสนีย์ อดีตจเรทหารทั่วไป กระทรวงกลาโหม

ซึ่งเป็น 7 คน ในจำนวน 18 คน ที่เสนอวุฒิสภาลงมติเลือกเป็น ป.ป.ช.ครั้งที่ผ่านมา และขอยืนยันว่า การลงมติครั้งนี้ไม่มีบล็อกโหวต เพราะดูได้จากคะแนนที่มีความแตกต่างกัน ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาจะทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อขอขยายเวลาการสรรหาออกไปจนกว่าการสรรหาจะเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 17 เมษายนนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปิดรับสมัครใหม่จะมีผู้สมัครมาสมัครใหม่หรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า จากประสบการณ์ของคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระในชุดอื่นๆ ที่ผ่านมาจะมีมาสมัคร อีกทั้งที่ผ่านมาระยะเวลาการรับสมัคร ป.ป.ช.อาจจะกระชั้นชิด และบ้านเมืองมีปัญหา ดังนั้น การตัดสินใจของผู้ที่มาสมัครอาจจะตัดสินใจไม่ทัน เพราะข้อจำกัดของเวลา ทั้งนี้ ก็อยากจะให้ผู้ที่ต้องการมาสมัคร ป.ป.ช.มาสมัครกันมากขึ้น

ต่อข้อถามที่ว่า ทำไมต้องจำกัดการลงมติเพียง 10 รอบ นายสุรพล กล่าวว่า กรรมการสรรหามีหน้าที่คัดเลือกบุคคลที่ดีที่สุด ไม่ประสงค์ที่จะให้การลงคะแนนยืดเยื้อออกไป จึงได้มีการกำหนดเบื้องต้นให้ลงเพียง 10 รอบ ซึ่งครั้งที่ผ่านมาลงมติ 14 รอบ จึงได้ครบ 18 คน ดังนั้น ในครั้งนี้คิดว่าเพียง 10 รอบ น่าจะได้ครบ เพราะมีผู้สมัครน้อย แต่กลับไม่ครบ เพราะคะแนนเริ่มคงที่ในรอบหลังๆ จึงได้เปิดให้มีการรับสมัครใหม่

เมื่อถามว่า การเปิดรับสมัครใหม่จะทำให้การเลือก ป.ป.ช.ยืดเยื้อออกไป จนทำให้วุฒิสภาไม่สามารถคัดเลือก ป.ป.ช.ได้ นายสุรพล กล่าวว่า วาระการดำรงตำแหน่งของวุฒิสภาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 มีนาคมนี้ และไม่ได้นัดประชุมวุฒิสภา ซึ่งแม้ว่ากรรมการสรรหาจะสรรหาเสร็จในวันนี้ วุฒิสภาจะประชุมได้ก็ต้องพ้นวันที่ 21 มีนาคมนี้ไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าวุฒิสภามีอำนาจเปิดประชุม เพื่อเลือกองค์กรอิสระได้หรือไม่

ดังนั้น การขยายเวลาของคณะกรรมการสรรหาจึงไม่ใช่ปัญหา เมื่อถามต่อว่าจะมีการเลือกวุฒิสภาชุดใหม่วันที่ 19 เมษายน วุฒิสภาชุดนี้จะได้เลือก ป.ป.ช.หรือไม่ นายสุรพล กล่าวว่า คณะกรรมการไม่ได้หารือในประเด็นนี้ เป็นหน้าที่ของประธานวุฒิสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงคะแนนรอบแรก มีผู้ที่ได้รับเลือกจำนวน 4 คน โดยผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด คือ นายไสว จันทะศรี ได้ 11 คะแนน ส่วนนายวิมุติ บัวจันทร์ กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายภักดี โพธิศิริ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้คนละ 10 คะแนน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

รอบ 2 เลือกได้ 5 คน นายกุลพัชร์ อิทธิธรรมวินิจ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลแขวงธนบุรี ได้ 10 คะแนน นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้ 10 คะแนน นางสัจจา ศศะนาวิน อดีตรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และ พล.อ.ชูชาติ สุขสงวน อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ นายศิวะ แสงมณี อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ได้ 9 คะแนน

รอบที่ 3 เลือกได้ 1 คน คือ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อการประสานงานโครงการพระราชดำริ ได้ 10 คะแนน ส่วนรอบที่ 4 และ 5 ไม่มีผู้ได้รับการคัดเลือก จนกระทั่งรอบที่หกมีผู้ได้รับเลือก 2 คน คือ นายเมธี ครองแก้ว พนักงานสถาบันระบบใหม่ ได้ 10 คะแนน และ 7 และ 8 ไม่มีผู้ได้รับการคัดเลือก ส่วนรอบที่เก้าเลือกได้ 1 คน คือ พล.อ.เกษมชาติ นเรศเสนีย์ อดีตจเรทหารทั่วไป กระทรวงกลาโหม ได้ 9 คะแนน และในรอบที่ 10 ไม่มีผู้ได้รับการคัดเลือก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอดีตว่าที่ ป.ป.ช.9 คน ซึ่งเคยได้รับเลือกจากวุฒิสภา และได้ถูกราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง ได้ตีกลับรายชื่อให้วุฒิสภาทำการสรรหาใหม่ และได้กลับมาสมัครใหม่แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก จำนวน 4 คน คือ นางแน่งน้อย ณ ระนอง อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นน้องสาวสมุห์บัญชีของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้คะแนนสูงสุดแค่ 4 คะแนน และน้อยสุด 1 คะแนน โดยมีชื่อติดเพียงแค่ 3 รอบ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเลือก

ส่วน นายสุรพล เอกโยคยะ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสประจำศาลแพ่งใต้ ซึ่งเป็นพี่ชายของนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ซึ่งเป็นทีมกฎหมายพรรคไทยรักไทย ได้คะแนนสูงสุด 8 ถึง 9 รอบ แต่พอรอบที่ 10 ได้เพียง 7 คะแนน จึงไม่ได้รับเลือก นายสมศักดิ์ แก้วสุทธิ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายสมโภชน์ กาญจนาภรณ์ รองผู้อำนวนการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ส่วนอดีต ว่าที่ ป.ป.ช.ที่ได้รับเลือก 4 คน คือ พล.ต.ท.วันชัย นายไสว พล.อ.เกษมชาติ และนายศิวะ ในขณะที่ พล.ต.อ.ดรุณ โสตถิพันธ์ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเป็นอาจารย์สอน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ซึ่งไม่ได้มาสมัคร