เพื่อไทยซัดสุเทพ ล็อบบี้ ก.ตร.ไฟเขียวแต่งตั้งระดับนายพลลงมา หวังดันคนของตัวเองเพื่อผลทางการเมือง


"เพื่อไทย"ซัด"สุเทพ" ล็อบบี้ ก.ตร. ไฟเขียวให้แต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร.ลงไปได้ ข้องใจเพิ่มบอร์ดกลั่นกรองอีก 6 คน หวังแต่งตั้งคนของตัวเองเพื่อผลทางการเมือง นายกสมาคมตำรวจชี้เป็นการเปิดใจกว้าง แต่ให้ระวังการซื้อขายตำแหน่ง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และมีมติ 16 ต่อ 2 ให้แต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ลงไปที่ว่าง 1,560 ตำแหน่ง โดยไม่ต้องรอการสรรหา ผบ.ตร.คนใหม่ ว่าเสียงที่ออกมาน่าจะมีการล็อบบี้จากการที่นายสุเทพได้นัดรับประทานอาหารกับ ก.ตร. นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติให้เพิ่ม ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 6 คน เข้าไปเป็นคณะกรรมการคัดเลือกในการแต่งตั้งโยกย้าย จึงน่าจะมีการแต่งตั้งคนของตัวเอง เพื่อหวังผลการเมืองแบบเรียบร้อยโรงเรียนพรรคประชาธิปัตย์


"บอร์ดคัดสรรที่ให้นายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธาน ก็น่าจะรู้ว่านายสมศักดิ์เป็นคนของใคร น่าจะสนิทกับพรรคไหน" นายพร้อมพงศ์กล่าว


พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ นายกสมาคมตำรวจ กล่าวถึงมติ ก.ตร.ที่ให้แต่งตั้งรอง ผบ.ตร.ลงไปได้ว่า เป็นการแก้สถานการณ์ที่ดี ให้องค์กรตำรวจสามารถขับเคลื่อนได้ เพราะขณะนี้ตำแหน่งจำนวนมากไม่มีคนทำงาน ภาวะชะงัก ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นการหาทางออกที่ดีในสถานการณ์เช่นนี้  ถึงแม้จะยังไม่มี ผบ.ตร. แต่เป็นความจำเป็น มองว่ารักษาราชการแทน (รรท.) ผบ.ตร.ก็มีอำนาจเหมือน ผบ.ตร.ทางกฎหมาย


"โดยปกติการแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร.ลงมา ต้องรอให้มี ผบ.ตร.ใหม่เสียก่อน แต่กรณีนี้ยังไร้วี่แววว่าจะมี ผบ.ตร.คนใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ 1-2 เดือนนี้ก็ยังคงไม่มี ผบ.ตร.ใหม่ ซึ่งผมก็พูดมาหลายครั้งแล้วในเรื่องการตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ว่าควรต้องมีการแต่งตั้งเสียที แต่ก็ไม่อยากก้าวล่วงมากเพราะเป็นอำนาจ และความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี ที่สังคมก็ทราบกันดีว่าความเห็นยังไม่ลงตัว ดังนั้น การยังไม่มี ผบ.ตร.จนถึงขณะนี้และอีกนานต่อไป เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ" นายกสมาคมตำรวจกล่าว


พล.ต.อ.วิสุทธิ์กล่าวด้วยว่า การที่บอร์ดกลั่นกรองมี ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมด้วยก็เป็นเรื่องที่ฟังดูดี ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาช่วยกันกลั่นกรองรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้ง ก่อนนำเข้า ก.ตร. ซึ่งแสดงว่าเป็นการเปิดใจกว้างที่จะทำให้การแต่งตั้งครั้งนี้ดูมีความเป็นธรรม แต่อยากให้ระวังด้วยว่าอย่าให้มีการครหาเรื่องการซื้อขายตำแหน่งกันออกมา โดยยอมรับว่าการวิ่งเต้นการฝากฝัง ระบบอุปถัมภ์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ไม่ผิดปกติ แต่อย่าให้ถึงขั้นเอาเงินเอาทองมาแลกกับตำแหน่งกัน โดยเรื่องนี้บอร์ดกลั่นกรองและ ก.ตร.ต้องระมัดระวัง


"การแต่งตั้งครั้งที่จะเกิดนี้ทราบมาว่า มีการเปลี่ยนรูปแบบการทำบัญชีแต่งตั้งจากเดิม ที่แต่ละกองบัญชาการ (บช.) ส่งบัญชีผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งขึ้นมา ทุกรายชื่อจะอยู่ที่การพิจารณาของ ผบ.ตร.เพียงคนเดียวที่จะทำบัญชีแล้วเสนอบัญชีแต่งตั้งเข้าพิจารณาในบอร์ดกลั่นกรอง ก่อนนำเข้า ก.ตร. แต่คราวนี้ทราบว่าจะให้ทุก บช.ส่งรายชื่อขึ้นมาเข้าสู่การพิจารณาของ รรท.ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร.ทุกคน ร่วมกันทำบัญชี แล้วจากนั้นค่อยเสนอบอร์ดกลั่นกรอง ซึ่งเป็นลักษณะรอง ผบ.ตร.ร่วมกันทำ ไม่ใช่ รรท.ผบ.ตร.ทำคนเดียวแล้ว ตรงนี้เป็นแนวทางที่จะดำเนินการในการแต่งตั้งครั้งนี้ แต่หากทำจริงแล้วผิดไปจากนี้ก็คงต้องถูกนินทา ครหาถึงความไม่โปร่งใสได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เคยหารือกับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.เรื่องการผลักดันออกกฎหมายลดอำนาจในการแต่งตั้งของ ผบ.ตร. ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีปเคยเห็นด้วยและบอกว่าพร้อมลงนามให้ทันที ระหว่างนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแก้กฎหมายส่วนนี้ ก็ไม่รู้ว่า พล.ต.อ.ปทีปจะยังเห็นด้วยกับประเด็นนี้อีกหรือไม่" พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่า จะมีการรื้อบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีต รรท.ผบ.ตร. ทำไว้ พล.ต.อ.วิสุทธิ์กล่าวว่า อย่ามองว่าเป็นการรื้อ เพราะจะดูเหมือนว่าของเก่าที่ทำไม่ดี ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น แต่จริงๆ เป็นการปรับเปลี่ยน พิจารณากันใหม่ เพราะตอนนี้เหตุการณ์เปลี่ยน คนพิจารณาก็เปลี่ยน อาจมีข้อมูลใหม่เข้ามา บัญชีหรือโผใหม่ที่ออกมาอาจมีพื้นฐานจากโผเดิมก็ได้ ตรงนี้คนที่ทำบัญชี คนที่ร่วมกลั่นกรองต้องพิจารณาและหาข้อมูลกันดีๆ ในกรณีที่คนที่เคยมีชื่อได้รับการแต่งตั้งในโผเก่าแล้วถูกเปลี่ยนแปลง ต้องมีเหตุผลว่าเปลี่ยนเพราะอะไร ทำไมคนเคยได้กลับไม่ได้ ขณะเดียวกันคนที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองมีชื่อได้รับการแต่งตั้งในโผเก่าตามที่มีการเปิดเผยกันออกมา ก็ควรต้องรักษาสิทธิของตัวเองโดยชอบ อาจไปแสดงตัว แสดงผลงานให้คนที่พิจารณาเห็นว่าตัวเองทำงานดีและเหมาะสมได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น หรือควรขยับไปสู้ตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างไร


ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวถึงการพิจารณาโทษทางวินัย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ช่วยราชการสำนักงาน ผบ.ตร. กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรงจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ว่าสำนวนที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยแก่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.สุชาติ เป็นสำนวนเดียวกัน ขณะนี้สำนวนดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี ที่มีความเห็นออกมาแล้วก็จริงแต่ยังไม่มีคำสั่งลงนามลงมา สำนวนจึงยังอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ในส่วนของ ตร.ที่จะพิจารณาโทษของ พล.ต.ท.สุชาติ จึงยังต้องรอการส่งสำนวนกลับมา คาดว่าคงเป็นสัปดาห์หน้าจากนั้น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.จะพิจารณาสั่งการให้นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาทัณฑ์ทางวินัยของ ตร. ซึ่งมีรอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติร่วมเป็นกรรมการ เมื่อกรรมการพิจารณาออกมาเป็นผลอย่างไร รรท.ผบ.ตร.ก็มีคำสั่งออกมา


"ผลการพิจารณาโทษจะเป็นการปลดออกเช่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาทหรือไม่นั้น บอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจะร่วมพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ รวมถึงพฤติกรรม แต่ถึงอย่างไรโทษทางวินัยก็มีเพียงปลดออกหรือไล่ออกเท่านั้น" พล.ต.ท.พงศพัศกล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์