เพิ่มทหารคุ้ม สตง. โดนคุกคามสารพัด

"ขู่วางระเบิด สตง."


หลังจากมีการข่มขู่เอาชีวิตกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และมีการขู่วางระเบิดสำนักงานการตรวจเงินแผ่น (สตง.) ทำให้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้ส่งกำลังทหาร 40 นายมาอารักขาความปลอดภัยที่ สตง.นั้น ล่าสุดได้มีการเพิ่มกำลังทหารมาดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพิ่มเป็นสองเท่า ส่วนการข่มขู่ สตง.ก็ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

คตส.เห็นชอบระเบียบไต่สวน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการ คตส. มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ทำหน้าที่ประธาน เพื่อพิจารณาร่างระเบียบ คตส. ภายหลังการประชุมกว่า 4 ชั่วโมง นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.แถลงว่า คตส.ได้พิจารณาระเบียบ คตส.ว่าด้วยการตรวจสอบ และไต่สวนการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ที่ฝ่ายเลขานุการ คตส.ได้ยกร่างมาตามมติที่ประชุมครั้งที่แล้วมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ครอบคลุมกรอบการทำงานอำนาจหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรรมการ อนุกรรมการตรวจสอบและอนุกรรมการไต่สวน รวมทั้งกรอบของการกล่าวหา การทำสำนวน การสรุป การทำความเห็น รายละเอียด ค่อนข้างมากจึงใช้เวลาพิจารณานาน และไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ในที่สุดที่ประชุมเห็นชอบในระเบียบส่วนใหญ่ ทั้งหมดที่ยกร่างมา และเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นระเบียบที่จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเปิดเผย และดำเนินการอย่างโปร่งใส

เร่งประกาศใช้ระเบียบ 16 ต.ค.

นายสักกล่าวว่า แต่มีข้อสังเกตจากที่ประชุมที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม จึงมอบให้เลขานุการ คตส. และคณะกรรมการ คตส.ไปดำเนินการอีกครั้ง และจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างระเบียบ คตส.อีกครั้ง ในช่วงบ่ายที่ 16 ต.ค.นี้ เนื่องจากร่างระเบียบนี้เป็นหัวใจของการทำหน้าที่ของ คตส. ที่ต้องพิจารณาถึงกรอบประกาศคปค.ฉบับที่ 30 และกรอบของกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้อง ที่ คตส.จะไปใช้อำนาจ โดยเฉพาะการไปใช้อำนาจตามกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถ้าร่างระเบียบ คตส.เสร็จภายในวันที่ 16 ต.ค. จะส่งไปที่กองประกาศิต เพื่อดำเนินการประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้เลย

ดึงผู้พิพากษา-อัยการเป็นอนุ กก.


นายสักกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าคงจะมีความคืบหน้าของการทำงานในเรื่องต่าง ๆ เข้ามาด้วย ส่วนความคืบหน้ากรณีการตั้งอนุกรรมการเพื่อไต่สวน 8 โครงการที่ คตส.มีมติรับเรื่องนั้น ขณะนี้ในที่ประชุม คตส.มี 2 ความเห็นคือ 1. ให้ระเบียบ คตส.ประกาศในราชกิจจา-นุเบกษาก่อนเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์เต็มที่ แล้วค่อยตั้งอนุกรรมการ 2. ให้ดำเนินการตั้งไปพร้อมกับการพิจารณาร่างระเบียบ คตส.เลย ดังนั้น คตส.จะต้องมีการหารืออีกครั้ง ส่วนกรณีการทาบทามบุคคลเข้ามาเป็นอนุกรรมการฯ นั้น ได้มีการทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆบ้างแล้ว เป็น ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงเป็นผู้รู้เรื่องการทำสำนวน ที่มีทั้งผู้พิพากษาและอัยการ

ใช้เป็นอาวุธลากคอคนโกงเข้าคุก

นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส. กล่าวว่า ร่างระเบียบของ คตส.เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าไม่มีระเบียบให้อนุกรรมการทำงานทุกวัน อีก 10 ปีก็ไม่เสร็จ ระเบียบนี้จะเป็นการวางแผนตัวบุคคล และสามารถลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลได้ หากมีการอนุมัติระเบียบ คตส.แล้วเชื่อว่างานสำเร็จ และสามารถเดินไปได้อย่างรวดเร็ว มีขั้นตอนมีประสิทธิภาพ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ระบบกรรมการจะให้คนติดคุกได้ต้องมีระเบียบตามกฎหมาย

เพิ่มกำลังทหารคุมเข้ม สตง. 80 นาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัย ที่สำนักงาน สตง. ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวการขู่วางระเบิดและวางเพลิงนั้น วันเดียวกัน ยังคงมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีทหารในชุดลายพรางยืนรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ และทำหน้าที่ตรวจสอบกระเป๋าของบุคคลที่ผ่านเข้า-ออกอาคารสำนักงาน สตง. อย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ภายหลังจากคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. ระบุว่ามีโทรศัพท์ลึกลับโทร.เข้ามาข่มขู่ว่าจะวางระเบิด จึงเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคุณหญิงจารุวรรณได้ปรับแผนการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น โดยจากเดิมมีนายทหารทำหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา เพียง 40 นาย ได้ปรับเพิ่มกำลังทหารขึ้นเป็น 80 นาย กระจายกำลังรักษาการณ์และตรวจตราสิ่งผิดปกติที่สำนักงาน สตง. พร้อมกับคำสั่งที่ต้องทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด

รปภ.ตามประกบนักข่าวเข้าห้องน้ำ


ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า ภายหลังการประชุม คตส.ได้มีการเรียกให้ผู้สื่อข่าวไปรอที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับห้องทำงานของคุณหญิงจารุวรรณ และห้องประชุม คตส. แต่ปรากฏว่าเมื่อผู้สื่อข่าวเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตัว ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ สตง.เดินประกบตามเข้าไปเฝ้าหน้าห้องน้ำและสั่งให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ตามประกบหน้าห้องน้ำและยังตามมาส่งนักข่าวที่ห้องแถลงข่าว ของ คตส.

ตร.บางซื่อบุกสำรวจ สตง.

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.อ.ไพศาล คชทรัพย์ ผกก.สน.บางซื่อ เจ้าของท้องที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้าพบคุณหญิงจารุวรรณที่ห้องทำงาน ทั้งนี้ ก่อนเข้าพบ พ.ต.อ.ไพศาลเดินทางมาสำรวจสถานที่และหารือกับทีมงานของผู้ว่าการ สตง.ประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับ

เผย สตง.โดนข่มขู่สารพัดรูปแบบ

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผอ.สำนักงานตรวจสอบกิจการพิเศษ สตง. เปิดเผยว่า ตำรวจ สน.บางซื่อ แสดงความเป็นห่วงหลังทราบข่าวการข่มขู่วางระเบิด และกรรมการ คตส.บางคนระบุว่าไม่มีความปลอดภัย จึงแวะมาสอบถามข้อมูลจากคุณหญิงจารุวรรณ แต่เมื่อพบกองกำลังทหารจำนวนหนึ่งที่อารักขาสถานที่อย่างแน่นหนาแล้ว จึงเกิดความสบายใจที่มีทหารดูแลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเวลานี้ สตง.เป็นจุดที่ล่อแหลม แม้แต่เจ้าหน้าที่ สตง. เวลาจะประชุมช่วงเสาร์อาทิตย์ ยังต้องไปประชุมข้างนอก ไม่ใช้สถานที่ในอาคาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับแต่ตั้งแต่คณะกรรมการคตส. คนใน สตง. รวมถึงผู้ว่าการ สตง. ได้รับการข่มขู่ มากมายทุกรูปแบบ ทั้งทางโทรศัพท์ จดหมาย และบัตรสนเท่ห์ บางครั้งใช้คำพูดที่หยาบคายเช่น ถ้ายึดทรัพย์เมื่อไหร่พวกมึงน่าดู

นาม เมินไม่ขอตำรวจคุ้มกัน

นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. กล่าวถึงการเพิ่มกำลังอารักขาของตำรวจที่ สตง.ว่า คุณหญิงจารุวรรณเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบทั้งหมด ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาลจะเพิ่มกำลังดูแลความปลอดภัยให้กับกรรมการ คตส.นั้น สำหรับตนยังไม่มีความจำเป็น

วิโรจน์ เดินเครื่องสอบคดีซุกหุ้น


ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.30 น. นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ กรรมการ คตส. ได้เดินทางเข้ามายังสำนักงาน สตง. โดยกล่าวว่า มาประชุมในส่วนของกองงานที่รับผิดชอบ ซึ่งเอกสารหลักฐานต่างๆที่ต้องตรวจสอบนั้นมีความซับซ้อน มาก แต่ไม่รู้สึกเครียด จะเครียดก็เพียงเพราะสื่อมวลชนและประชาชนต้องการรับรู้การทำงานของ คตส. ทั้งนี้ กองงานของนายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับโครงการหรือเรื่องการซุกหุ้นแอมเพิล ริช และการปล่อยเงินกู้ของธนาคารเอ็กซิมแบงก์ มูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยมีนายกล้านรงค์ จันทิก นายสัก กอแสงเรือง นายจิรนิติ หะวานนท์ ที่ดูแลในเรื่องดังกล่าวด้วย

ปลัดไอซีทีโร่แจงสมาร์ทการ์ดฉาว

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อเวลา 09.00 น. ได้มีการประชุมสำนักตรวจสอบกิจการพิเศษ โดยมีนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผอ.สำนักงานตรวจสอบกิจการพิเศษ ของ สตง.เป็นประธาน โดยได้เชิญนายไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กับคณะ 5 คน เดินทางเข้าให้ปากคำชี้แจงพร้อมมอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม กรณีการจัดซื้อบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ หรือสมาร์ทการ์ด ช่วงที่ 2 ซึ่ง สตง.ได้ตรวจสอบพบว่ามีราคาสูงเกินจริงกว่าที่กำหนดไว้และเผาไฟก็ไหม้ ทั้งที่ระบุคุณสมบัติว่าไม่ไหม้ไฟ ทั้งนี้แม้ได้มีการยกเลิกการประมูลในครั้งนี้ไปแล้ว แต่ สตง.จะดำเนินการสอบสวนต่อ โดยจะสอบถึงการจัดซื้อจัดจ้างในรอบที่ 1 ด้วย เพราะพบพิรุธที่เอาบริษัทที่ไม่ผ่าน ทีโออาร์เข้าร่วมประมูลด้วย จุดนี้อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายฮั้วได้ ดังนั้น ต่อไป สตง.จะเชิญนายธนพล เจิมประไพ กรรมการผู้จัดการบริษัทซิสโก้เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ตัวแทนกลุ่มกิจการร่วมค้าซีเอสที ผู้ชนะการประมูลบัตรสมาร์ทการ์ด รอบแรก 12 ล้านใบ ราคา 888 ล้านบาท มาชี้แจงในวันที่ 13 ต.ค.

คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. ให้สัมภาษณ์ว่า นายไกรสรกับพวกได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ข้อมูลบัตรสมาร์ทการ์ดช่วงที่ 2 ซึ่งทาง สตง.ได้ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ เรื่องดังกล่าว ก็ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการ คตส.แต่อย่างใด

บี้ กสท แจงซ้ำโทรศัพท์ซีดีเอ็มเอ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมสำนักตรวจสอบกิจการพิเศษ ยังได้ให้ปลัดกระทรวงไอซีที และตัวแทน กสท เข้าชี้แจงกรณีที่ สตง.ได้ชี้มูลโครงการซีดีเอ็มเอ ที่ กสท ว่าจ้างบริษัทฮัทชิสันซีเอทีไวเลสมัลติมีเดีย จำกัด (Hutch) ทำการตลาดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซีดีเอ็มเอว่า ส่อหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.ร่วมการงานระหว่างรัฐกับเอกชน โดย กสท ชี้แจงว่า เป็นเรื่องสัญญาว่าจ้างระหว่างรัฐกับเอกชนในการทำตลาดและมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับ กสท แต่ สตง.เห็นว่าชี้แจงไม่ชัดเจน ดังนั้น จะต้องเชิญมาชี้แจงอีกครั้ง

ไล่ล่าตรวจสอบเงินหวยบนดิน

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผอ.สำนักงานตรวจสอบกิจการพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการหวยบนดินว่า ขณะนี้ สตง.กำลังตรวจสอบอยู่ แม้ พล.ต.ต. สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีต ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่เป็นการรับผิดชอบทางวินัย แต่ถือว่าไม่มีผล เพราะการลาออกดังกล่าวเป็นเพียงการพ้นจากตำแหน่งการบริหาร แต่การกระทำยังคงอยู่ ความผิดทางแพ่งยังอยู่ ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จ สตง.คงต้องลงไปตรวจสอบโครงการว่าเป็นไปตามระเบียบตามกฎหมายหรือไม่

ร้องสอบตลาดนัดซันเดย์ส่อทุจริต

ต่อมาเวลา 15.35 น. ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการ ในตลาดนัดซันเดย์ ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังสวนจตุจักร นำโดยนายวิละ อุดม ประธานสหกรณ์ตลาดนัดซันเดย์แห่งประเทศไทย จำกัด พร้อมสมาชิกจำนวน 60 คน ได้ขับรถกระบะ 15 คัน ติดรูปพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้ามาภายในบริเวณสำนักงาน สตง. เพื่อยื่นเรื่องให้ คตส.ตรวจสอบการทำสัญญาเช่าพื้นที่ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับบริษัทธนสารสมบัติพัฒนา จำกัด ที่ส่อทุจริต เพราะได้จ่ายค่าทำสัญญาเช่าไปแล้ว กลับไม่มีการทำสัญญาเช่าเกิดขึ้น แต่มีการลักลอบทำสัญญาฉบับใหม่ขึ้นกับรายอื่น นอกจากนี้ ยังมาให้ กำลังใจการทำงานแก่ คตส. โดยมีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. ในฐานะกรรมการ คตส. และนายสัก กอแสงเรือง คตส. ลงมารับเรื่อง นายสักกล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวแจ้งต่อนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. เพื่อพิจารณาต่อไป

ฉะ รฟท.ตุกติกทำสัญญาซ้อน

นายวิละให้สัมภาษณ์ก่อนยื่นหนังสือให้ คตส. ว่า การทำสัญญาดังกล่าวส่อไม่โปร่งใส เพราะ รฟท.กับคู่ สัญญาลักลอบทำสัญญาฉบับใหม่ขึ้น ดังนั้น จึงมาร้อง เรียนเพื่อให้มีการตรวจสอบการทำสัญญาฉบับใหม่พร้อมทั้งให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มมาเฟีย หัวเกรียน ชุดสีกากี ได้พากลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่า จำนวนกว่า 100 คน เข้ามารื้อทำลายร้านค้าตลาดนัดซันเดย์ และปิดล้อมไม่ให้ผู้ประกอบการเข้าไปค้าขายของได้ เมื่อพวกเราไปแจงความที่ สน.บางซื่อ กลับไม่มีการเข้ามาดำเนินการทางคดีแต่อย่างใด ทั้งที่อยู่ในช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ดังนั้น หลังจากนี้จะเดินทางไปยื่นเอกสารหลักฐานต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรม และให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วย

ทรท.ยื่นบัญชีทรัพย์สินศุกร์นี้


ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินของกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากพ้นตำแหน่งว่า จะต้องยื่นตามกฎหมายพรรคการเมืองภายใน 30 วัน ในส่วนนี้พรรคอาจดำเนินการให้หากเจ้าตัวเซ็นมอบอำนาจมา คาดว่าจะดำเนินการได้วันศุกร์ที่ 13 ต.ค.นี้ หลังจากมีรักษาการหัวหน้าพรรคที่จะเป็นผู้เซ็นเอกสารต่างๆของพรรคในช่วงนี้ สำหรับ อดีตกรรมการบริหารพรรค ที่เป็นอดีตนายกฯหรืออดีตรัฐมนตรี จะต้องยื่นแสดงทรัพย์สินต่อคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใน 45 วัน หลังพ้นตำแหน่ง ถือเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะไปดำเนินการ


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์