เพลิงเพลง ´คนหน้าเหลี่ยม´ / เปลวสีเงิน

เพลิงเพลง ´คนหน้าเหลี่ยม´ / เปลวสีเงิน

17 เมษายน 2549 กองบรรณาธิการ

ถ้าพูดถึงการ "ปฏิวัติประชาชน ๒๕๔๙" เพื่อขับไล่ "ระบอบทักษิณ" เมื่อเดือนกุมภา.-มีนา.-เมษา.ที่ผ่านมา โดยไม่พูดถึง "บทเพลงร้อยเรียงลีลาเหลี่ยม" แล้วละก็

ดูเหมือนประวัติศาสตร์หน้านี้จะขาดหาย "ส่วนเสริมหลัก" ไปอย่างน่าเสียดาย

ภารกิจของ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ยังไม่จบ นิสิต นักศึกษา คณาจารย์ "จำลอง-สนธิ-สมศักดิ์-พิภพ-สมเกียรติ" กองทัพธรรมของท่านสมณะโพธิรักษ์

และ "นักต่อสู้เพื่อสังคมคุณธรรม" อีกมากมายเหมือนเม็ดทรายในมหาสมุทร

ดูเหมือนงานที่จำเป็นต้องสานต่อจะเป็นภาระ "เพื่อชาติ" ที่ใครคนใดคนหนึ่งจะ "ทอดธุระ" กลางคันไม่ได้เสียแล้ว!


ผมไม่ได้หมายถึงวันนี้

แต่วันหน้าอันใกล้ ใครล่ะว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังมวลชน เพื่อพลิกแผ่นดินให้พ้นกลโกงผ่านกระบวนการที่คลานอยู่ใต้ตีนระบอบทักษิณ ด้วยหวังครอบครองแล้วครอบงำ นำไปสู่ความเบ็ดเสร็จ!?

ก่อนวันที่ ๗ เมษา.คือหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในอนาคต มีนักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้หนึ่งโทรศัพท์มาพูดคุย เพราะความที่ไปบ่มเพาะวิชาความรู้อยู่ในต่างประเทศแต่เด็ก ภาษาไทยของเขาจึงฟัง "เข้าสมัย" ไทยรุ่นใหม่เอามากๆ

แต่ความคิด จิตวิญญาณเรื่องชาติบ้านเมืองของเขากลับ "หนักแน่น-ชัดเจน" ยิ่งกว่าคนไทยในวิถีแมคโดนัลด์-เคนตักกี้ยิ่งนัก


เขาบอกว่า ไปร่วมชุมนุมเกือบทุกคืน ทั้งชุมนุมยึดพื้นที่ และชุมนุมจรยุทธ เขาบอกด้วยว่า ประเทศไทยภายใต้การบริหารด้วยนโยบายทักษิโณมิกส์ หรือที่ใช้คำจำกัดความกันได้อย่างลงตัวว่า "ระบอบทักษิณ" นั้น

ด้วยกลยุทธ์ "การตลาด" ประชาชนคือผู้บริโภคสินค้าในสายตานักการเมืองเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่คนส่วนหนึ่งจะตกอยู่ใต้อิทธิพลกลยุทธ์โฆษณา และเคลิ้มลีลานักขายยาตัวอย่าง

โชว์สินค้าตัวอย่าง ฉายหนังตัวอย่าง แล้วก็ตีขลุมคลุมเป็นสรรพคุณของผลงานไปทั่วทั้งประเทศ!

แต่ด้วยสัญชาตญาณระแวงต่อสิ่งแปลกปลอมประชาธิปไตย พอตกเข้าปีที่ ๕ คนชักเริ่มหวาดระไว และรู้ตัวแล้วว่า

"ระบอบทักษิณ" มันชักไม่ชอบมาพากล!

แต่จะให้จาระไนว่า อะไรบ้างล่ะที่ "ระบอบทักษิณ" มันกำลังกลืนกินเมือง แต่ละคนก็แยกแยะในแต่ละเรื่องไม่ได้ เพราะกลยุทธ์และกลไกการตลาดที่ "ผูกขาด-ครอบงำ" ระบบอยู่มันลวงตาด้วยเปลือกของรูปแบบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาเบ็ดเสร็จ

และคนในกลไกราชการที่ขับเคลื่อนงานของบ้านเมืองด้วยจิตขลาด เอาแต่โขกศีรษะในราชการระบบ "อำนาจภักดี"

จนกระทั่งเพลง "คนหน้าเหลี่ยม" กระหึ่มขึ้นบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ท่ามกลางผู้มาชุมนุมนับหมื่น-นับแสนแต่ละคืน แต่ละครั้ง เขาบอกผมว่า กระทั่งตัวเขาเองซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ แล้วก็อยู่ในชนชั้นไม่ถี่ห่างกับ พ.ต.ท.ทักษิณ

แต่ฟังเพลง "คนหน้าเหลี่ยม" แล้วเหมือนมีคนนำบันทึกประวัติศาสตร์การบริหารและการปกครอง ๕ ปีภายใต้ระบอบทักษิณมาแยกแยะ แจกแจง วิจัย วิจารณ์ แล้วเรียบเรียงแต่ละเรื่องให้ประชาชนได้เข้าใจ

ใครฟังไปก็ครางในใจ อ้อ..อ้อ..อย่างนี้เอง (นี่หว่า) เรื่อยไป จนกระทั่งบทเพลง "คนหน้าเหลี่ยม" จบไปเมื่อไหร่ จิตใจก็ยังเตลิดด้วยตื่นตระหนก จนอยากกระโดดขึ้นไปชก

ไอ้คนหน้าเหลี่ยม!


เขาบอกว่า เพื่อนๆ ในแวดวงของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ผิวเผินในการเมืองมาก สนใจแต่ธุรกิจอันเป็นผลได้ของตนเท่าๆ กับไม่สนใจกับการชุมนุมและการเคลื่อนไหวของครูบาอาจารย์ นิสิต นักศึกษา ตลอดถึงมหาประชาชน

แต่เมื่อฟังเพลง "คนหน้าเหลี่ยม" ทุกคนก็เข้าใจคำว่า "ระบอบทักษิณ" จิตสำนึกมันจึงเตือนตนว่า "อยู่เฉยไม่ได้แล้ว" และกลายเป็นแฟนประจำหน้าเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปในที่สุด!

ครับ..เมื่อผมฟังก็เกิดความอยากฟังเพลง "คนหน้าเหลี่ยม" ขึ้นมาทันที คือ อยากรู้ว่าเนื้อหาของเพลงเป็นอย่างไรถึงสามารถรวบรวมเล่ห์ ๕๐๐ เล่มเกวียนภายในระยะเวลา ๕ ปีมาขมวดรวมให้คนเข้าใจชนิดเข้าถึงได้ครบถ้วนด้วย..

เพลงเพียงเพลงเดียว!?

ก็ตะกายหาที่เขาอัดจากหน้าเวทีชุมนุมมาจนได้ ๑ แผ่น เปิดฟังไป-ฟังมาอยู่หลายรอบ เพลงนี้มีความยาวประมาณ ๑๐ นาที ฟังจบรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ ผมก็บอกกับตัวเองว่า นี่มันไม่ใช่เพลง

แต่มันเป็นการบันทึก "พงศาวสันดารคนหน้าเหลี่ยม" ฉบับ ฮาไม่หุบ!


ใครก็ช่างเถอะ ที่สามารถนำเรื่องราวมาเขียนเป็นบทเพลงได้ขนาดนี้ ผมขอโขกศีรษะ ๑ ทีเป็นการคารวะ

ไม่ใช่แค่ผู้ชำนาญการดนตรี และการร้องรำเท่านั้น แต่ยังเข้าถึงศาสตร์แห่งภาษา และลึกซึ้งถึงลีลา กลอน กาพย์ ฉันท์ วรรณยุกต์

และต้องเป็นผู้ติดตามการเมืองระบอบทักษิณต่อเนื่อง ชนิดรู้ทัน-รู้ถึง


และมีศิลปะในการนำความซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่หลากหลาย อันส่องกล้องมองหาก็ยังยากจะเห็นมาร้อยเรียงเป็นภาพผ่านลำนำเพลง ฟังไปก็คล้ายเห็นคนหน้าเหลี่ยมมายืนแก้ผ้าเปลือยเปล่าประจักษ์ต่อสายตามหาประชาชน ผ่านภาษาที่ใช้จากรากหญ้าถึงรากไทร ฟังแล้ว "เข้าไส้"

ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย เพราะทำเรื่องยาก ๕ ปี ให้เป็นเรื่องเข้าใจง่ายภายใน ๑๐ นาที

คนคนนี้ต้องยกให้เป็น-ยอดอัจฉริยะ!


แร็พ-คนหน้าเหลี่ยม เพลงนี้ ถือเป็นการปอกเปลือกปิศาจคาบคัมภีร์ประชาธิปไตย และต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ร่วมเหตุการณ์ "ปฏิวัติประชาชน ๒๕๔๙"

ผมให้เขาถอดเนื้อเพลงออกมาแล้ว ปรากฏว่าได้ ๒ หน้ากระดาษครึ่ง ขนาด A ๔ ยังไม่เคยเห็นเพลงที่ไหน หรือใครจะเขียนบทเพลงได้ยืดยาวขนาดนี้ แต่มีความหมายครบถ้วน

ก็ถูกแล้วละครับที่ฝ่ายรัฐบาลจัดอันดับให้เป็น "เพลงใต้ดิน" โผล่หัวขึ้นบนดินเมื่อไหร่ใช้อำนาจในฐานะคนคุมอำนาจรัฐ "ฟัน" ทันที

ก็คงด้วยเข้าใจว่า "แร็พ-คนหน้าเหลี่ยม" มันปอกเปลือก "ระบอบทักษิณ" ล่อนจ้อนจนถึงขั้นอันตรายต่อท่านผู้นำ และต่ออนาคตรัฐบาลไทยรักไทย


เพราะด้วยคำที่เลือกใช้ "ตรงตัว-ตรงใจ" แสบๆ คันๆ มันจนถลอก แถมตลกฮาตกเก้าอี้ และลีลากระหึ่มโป๊ะเช๊ะอย่างนี้ ขืนปล่อยให้แฟนๆ ระดับรากหญ้าได้ฟังกันถ้วนหน้าแล้วละก็

๑๖ ล้านเสียงที่เลือกไทยรักไทย จะละลายเหมือนไอติม โผล่ให้เห็นแต่ปลายไม้แดง..โด่..โด่!


แหม..นี่ผมก็นั่งอ่านเนื้อกลับไป-กลับมา คืออยากจะหาที่พอจะนำมาลงเป็นตัวอย่างให้ท่านหลับตาเห็นภาพตามที่ผมเล่าให้ฟังซักท่อนครึ่งท่อน แต่ก็..อย่างว่า เกรงใจทั่นผู้นำ

ครั้นจะเอาเฉพาะตอนสร้อยเพลงที่ฟังง่าย ร้องง่าย เข้าใจง่าย ฟังปุ๊บ เก็ตปั๊บ แต่..อย่าดีกว่า ให้ท่านไปหาฟังเอาเอง

เพื่อเป็นหนังตัวอย่างตามสไตล์การเมืองการตลาด และเพื่อเป็นบทพิสูจน์ถึงความฉกาจฉกรรจ์ของคนแต่งในด้านกาพย์-กลอนอันพลิ้วพรายไปด้วยสัมผัสนอก-สัมผัสในอันแสนจะเข้าไส้ ก็ลองเอาไปขยับลีลาแร็พเล่นๆ ซักท่อนปะไร

....ขืนให้มันหน้าเหลี่ยมไปจนถึงสมัยหน้า เมืองไทยคงกลายเป็นคุกลับๆ เป็นที่ตั้งฐานทัพพวกอเมริกา (เฮ้ย..) สิงคโปร์มันจะเข้านอกออกในวางมาดเส้นใหญ่ ไม่ต้องปั๊มวีซ่า หมอผีเขมรจะร่ำรวย ร่ายเวทย์ล้างซวยเวลาเห้-ยเข้าสภา (หุย..) มันคงจะแฮบเงินกองทุน ไปปล่อยกู้อุดหนุนเศรษฐกิจพม่า ประเทศไทยมันคงเอาเข้าตลาด ขายหุ้นละ ๑ บาท บอกว่าราคาพาร์ (เฮ้ย..) ให้อากู๋เปลี่ยนเนื้อเพลงชาติลิขสิทธิ์ผูกขาดทั้งชาตินี้ชาติหน้า ฮิตเลอร์กลับชาติมาเกิดใหม่ เป็นลูกคนสุดท้ายชื่อเด็กชายพวงทองทา..."

เท่านี้พอเป็นกระสายยา คงไม่ต้องตะกายไปซื้อหาที่ไหนนะครับ เพราะเป็นวรรณกรรมฉบับต้องห้าม ฉะนั้น ไม่มีใครบังอาจนำไปอัดเพื่อจำหน้ายจ่ายแจก ผมนำมาคุยในความหมายที่ศรัทธาในอัจฉริยะการเขียน "เนื้อหาเพลง" ไม่ใช่ในความเป็นเพลงสินค้า

เท่าที่สดับ จนบัดปานนี้ ใครร้อง ใครเล่น และใครเจียระไนระบอบทักษิณมาเป็นเนื้อเพลง ยังลี้ลับ ประหนึ่งกลับไปยังพรหมโลกพร้อมท่านท้าวมหาพรหมโน่นแล้ว! ครับ..ในแต่ละเหตุการณ์ย่อมเกิดวรรณกรรม แต่จะในรูปแบบไหนเป็นอีกเรื่อง นอกจากเพลง "คนหน้าเหลี่ยม" นี้แล้ว ได้ข่าวว่ามี "ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต (เขา)" ได้ออกเพลงในลีลาเดียวกันมาอีก ๑ ชุด เขาว่าเพลง "สมภารเซ้งโบสถ์" บรรเจิดกระเจิงนัก ไว้ให้ผมไปหามาฟังก่อน แล้วค่อยมานั่งคุยกัน.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์