เปิดโพล เพื่อไทยทะลุ 270 ที่นั่ง

'ปุ' ปิดปากเงียบ หน.ประชาสันติ 'เทือก' ไม่ให้ราคา

"ปุระชัย" รับปากนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค "ประชาสันติ" แล้ว "เสรี" หน.ชั่วคราวแจงเร่งปรับ "ธรรมาธิปัตย์" สู้ศึกเลือกตั้ง ขณะที่เจ้าตัวยังปิดปากเงียบ ด้าน "เพื่อแม้ว" รับน้องใหม่แรง อ้างรับจ๊อบ “พรรคร่วม” แบ่งแต้มเมืองกรุง เปิดโพล “เพื่อแม้ว” ทะลุ 270 ที่นั่ง ฟาก “เทือก” ไม่ให้ราคา “ปุระชัย” คั่วนายกฯ ฟันธงคู่ชิงมาจาก 2 พรรคใหญ่เท่านั้น แถมถล่ม “พท.” เลิกป่วนหาเสียง “มาร์ค” ติวเข้ม “สีกากี” วางตัวเป็นกลาง ฮึ่มเชือดม็อบตามราวี ส่วน “ปู่สุข” ทิ้งทวนซัดรัฐนาวาเกือบสอบตกเกมซักฟอกฝ่าย “คุณชายอุ๋ย” ชำแหละ “ปชป.-ภูมิใจไทย-เพื่อไทย” ถ้วนหน้า  ขณะที่ “เจ๊สด” แย้มต้นเดือน เม.ย. รู้วันเลือกตั้ง กรี๊ดไม่ผ่าน ก.ม.ลูก “กกต.” ติดคุกแน่นอน แนะ “ตุลาการภิวัฒน์” สลายก่อนเจอพิษการเมืองเล่นงาน 


“มาร์ค”ตีปี๊บรีดผลงานสีกากี
    
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดสัมมนาโครงการเชิงปฏิบัติการหัวหน้าสถานีตำรวจ ในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน ผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วย ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. ที่ปรึกษา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผบช.น. ผบช.ภ. ภาค 1-9 รวมถึงหัวหน้าสถานีตำรวจระดับผู้กำกับการและสารวัตรทั่วประเทศ 
    
นายกฯ ปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ตลอด 2 ปีการทำงานของรัฐบาล ได้มีการปรับปรุงโครงสร้าง เพิ่มสวัสดิการ ค่าตอบแทน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ประชาชนจึงคาดหวังการทำงานอย่างมีคุณภาพของตำรวจ รัฐบาลประกาศเป้าหมายในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนว่าจะลดอาชญากรรมในกรุงเทพฯ ลงร้อยละ 20 ผ่านมา 2 เดือนครึ่งพบว่าสถิติต่าง ๆ เป็นไปตามเป้าหมาย ที่สำคัญ ผบ.ตร. ยังระบุว่าจะเร่งขยายผลส่วนนี้ไปยังปริมณฑล และจะขยายไปยังชุมชนเมืองขนาดใหญ่ในจังหวัดอื่น ๆ ต่อไปด้วย


ห้าม“ตร.”เลือกข้างศึกเลือกตั้ง
    
“ขณะนี้กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไป จึงอยากเน้นย้ำว่าในภาวะที่การแข่งขันทางการเมืองมีความเข้มข้น ตำรวจเป็นกลไกสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายและดูแลการเลือกตั้งให้เรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม วางตัวเป็นกลาง และดูแลความปลอดภัยของผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร ผู้สนับสนุน หรือประชาชนทั่วไป เพื่อให้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการทำงานต่อไป พนักงานสอบสวนจะต้องทำงานเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ” นายอภิสิทธิ์ ระบุ 
    
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชา ธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับบุคคลต้องสงสัยพกไข่เน่าและขวดน้ำพลาสติก เตรียมที่จะปาใส่นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า อารมณ์ของคนทั้งประเทศต้องการที่จะเดินหน้าไปสู่วาระการเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อย ถ้าขืนทำอย่างนี้ต่อไปพรรคเพื่อไทยจะเสียหาย เพราะมวลชนเหล่านี้มีความผูกพันกับพรรคเพื่อไทย ดังนั้นขออย่าได้ทำเลย เพื่อให้บรรยากาศเป็นไปตามปกติตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อเลือกตั้งเสร็จจะได้เริ่มต้นกันใหม่


“เทือก”นับถอยหลัง6สัปดาห์ 
    
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ได้พูดคุยกับผู้กำกับการและหัวหน้าสถานีตำรวจทั่วประเทศ เพื่อขอให้ดูแลและบังคับใช้กฎหมายในแต่ละพื้นที่เพื่อให้บรรยากาศเอื้ออำนวยต่อการเลือกตั้ง ใครที่ทำผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินคดี ทั้งนี้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นล้านเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่นายกฯ กำชับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้เร่งลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องปัญหาปากท้องนั้น เนื่องจากนายกฯ เป็นห่วงเรื่องค่าครองชีพของประชาชน และสินค้าราคาแพง อะไรที่แก้ไขได้จะได้
เร่งทำให้ประชาชนก่อนการเลือกตั้ง เพราะขณะนี้เรามีเวลาทำงานเหลืออีกเพียง 6 สัปดาห์เท่านั้น
    
ส่วนที่บางคนกังวลว่าอาจมีอุบัติเหตุทำให้ไม่มีการเลือกตั้งนั้น นายสุเทพ ยืนยันว่า ทหารไม่ยุ่งกับการเมืองและไม่คิดปฏิวัติอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามโรควิตกกังวลรักษายาก แต่ขอให้เชื่อมั่นในคำพูดของนายกฯ ส่วนการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะให้แล้วเสร็จก่อนสงกรานต์นั้น ทุกคนต้องร่วมมือและช่วยกันเพื่อทำกฎหมายลูกให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อเป็นเครื่องมือในการเลือกตั้ง  เพราะนายกฯ กำหนดช่วงเวลาชัดเจนแล้วว่าจะยุบสภาในช่วงต้นเดือน  พ.ค. แน่นอน 


เมิน“ปุระชัย”คั่วเก้าอี้นายกฯ
    
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ จะตั้งพรรคประชาสันติ และอาจเป็นตัวเลือกนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า ขอต้อนรับพรรคการเมืองใหม่ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ส่วนใครจะได้เป็นนายกฯ สามารถพูดกันได้ตลอด แต่ข้อเท็จจริงต้องดูว่าใครได้คะแนนมากกว่า สำหรับตนเชื่อว่าคนที่จะเป็นนายกฯ จะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น
    
ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เขียนข้อความในทวิตเตอร์ระบุคุณสมบัติ 9 ข้อของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า “ให้คุณทักษิณเขียนทั้ง 9 ข้อติดไว้ที่ฝาผนัง และอ่านทบทวนทุกวัน ทั้งเช้า เที่ยง และเย็น จะเข้าใจได้ ถ้าคุณทักษิณปฏิบัติตาม 9 ข้อนั้นได้ บ้านเมืองก็จะเรียบร้อย” เมื่อถามว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นนายกฯ จำเป็นต้องปรับปรุงอะไรหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ของพรรคเราไม่ต้องปรับเพราะใช้ได้อยู่แล้ว 


โต้ทุ่ม 8 หลักโหวต“ไว้วางใจ”
    
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ อาจได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริงแทนนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน ว่าพรรคเพื่อไทยควรจะได้หัวหน้า พรรคก่อนยุบสภา เพราะจะได้นำพรรคเข้าสู่ สนามเลือกตั้งได้ “น้ามิ่งก็ดูดี ส่วนคุณยิ่งลักษณ์ ผมก็โอเค ไม่มีปัญหา ส่วนที่มีข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะวางมือ ก็อย่าวาง มือเลย คุณเฉลิมเป็นนักการเมืองที่ทำให้สภามีสีสัน”
    
นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีโฆษกพรรคเพื่อไทยอ้างว่ามีการจ่ายเงินด้วยตัวเลขถึง 8 หลักเพื่อแลกคะแนนโหวตไว้วางใจว่า พรรคเพื่อไทยพูดได้ทุกเรื่องโดยไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ที่คะแนนโหวตมันดูแปลก ๆ เป็นเพราะมี ส.ส. ที่จะย้ายพรรคอยู่แล้วในการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นสาเหตุทำให้คะแนนเปลี่ยนไป 
    
นายสุเทพ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ  (กนป.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาราคาปาล์มดิบตกต่ำลงอย่างมากว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่ผลปาล์มของประเทศเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น วันที่ 24 มี.ค. นี้จะเรียกประชุม กนป. เพื่อพิจารณาแนวทางช่วยแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรต่อไป 


“พท.”ซื้อเวลาเปิดชื่อนายกฯ
    
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ที่มี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงเรื่องการเตรียมการเลือกตั้งทั่วไป โดยให้ส่งคณะทำงานไปร่วมพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ โดยมีจุดยืนดังนี้ 1. เสนอให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าเพียงวันเดียว 2. ควรแก้ไขให้เงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองให้คิดคำนวณจากจำนวน ส.ส. 3. ควรให้ศาลทำหน้าที่แจกใบเหลืองใบแดงก่อนการเลือกตั้ง 4. ให้ ส.ส. ร่วมประชุมเพื่อแบ่งเขตเลือกตั้งให้เป็นธรรม
    
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่ได้หารือถึงบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่ยืนยันว่า ผู้ที่เป็นนายกฯ ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรค หรืออาจจะเป็นก็ได้แล้วแต่กรณี เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ อีกทั้งพรรคเพื่อไทยเตรียมจะเป็นรัฐบาล ดังนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ ได้ทั้งหมด ดังนั้นรอให้เลือกตั้งเสร็จสิ้นก่อนค่อยมาคิดกันก็ได้


โพล“เพื่อแม้ว”กวาด270ที่นั่ง
    
นายปลอดประสพ เปิดเผยว่า โพลที่พรรคทำก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คาดว่าจะได้ 250 เสียง แต่เมื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วประเมินว่าจะได้ถึง 270 เสียง แบ่งเป็น ส.ส.เขต 200 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 70 คน เพราะรัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามได้ชัดเจน จนทำให้ความนิยมลดลง สำหรับ ส.ส.เขตคาดว่า ภาคอีสานจะได้ 90 เสียง ภาคเหนือ 60 เสียง ภาคกลางและภาคตะวันออกได้ 30 เสียง ส่วนกรุงเทพฯ จะได้ 10-20 เสียง ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้ที่นั่งในกรุงเทพฯ ไม่เกิน 10 ที่นั่ง เพราะจะถูกพรรคของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แบ่งคะแนนไป และประเมินว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส. ประมาณ 140 คน พรรคภูมิใจไทยไม่เกิน 40 ที่นั่ง พรรคชาติไทย 20 ที่นั่ง ที่เหลือเป็นพรรคต่าง ๆ แบ่งกัน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลแน่นอน อาจจะจับมือพรรคประชาราชหรือพรรคของ ร.ต.อ.   ปุระชัย ก็น่าจะเพียงพอจัดตั้งรัฐบาลแล้ว


สกัดดาวรุ่งแย่งผู้แทนเมืองกรุง
    
นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 22 มี.ค. นี้ว่า เป็นเพียงการประชุมตามข้อบังคับพรรค ไม่มีวาระการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้จากการทำโพลของพรรคในช่วงต้นปีที่ผ่านมาถึงความนิยมต่อนักการเมือง พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมามีทั้งนายจาตุรนต์ ฉายแสง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจคะแนนนิยม น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเพิ่มขึ้น
    
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การตั้งพรรคประชาสันติที่จะมี ร.ต.อ.ปุระชัย เป็นหัวหน้าพรรค ถือเป็นทางเลือกให้ประชาชน แต่ที่รู้สึกไม่สบายใจคือทราบรายงานว่าเป็นพรรคที่มีความเชื่อมโยงและได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง เพื่อมารองรับการเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพฯ ในภาวะที่คะแนนนิยมพรรคประชาธิปัตย์ต่ำลง อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อฐานเสียงของพรรค
เพื่อไทย 
 

ซัด“เทพเทือก”โยนบาปไข่เน่า
    
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่นายสุเทพระบุว่าพรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้ต่อต้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ นั้น เป็นพฤติกรรมกล่าวหาซ้ำซากมั่วนิ่มโยนบาปให้พรรคเพื่อไทยเสียหายเพื่อดิสเครดิตก่อนเลือกตั้งและทำลายน้ำหนักหลังจากโพลหลายสำนักให้คะแนนฝ่ายค้านมากกว่ารัฐบาล ทั้งนี้พรรคขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เพราะหากไปตรวจสอบจะพบว่ามวลชนเหล่านี้เป็นผู้ที่เดือดร้อนจากการบริหารประเทศของนายกฯ อภิสิทธิ์ วันนี้มีรายงานว่า นม น้ำมันถั่วเหลือง เหล็ก ปุ๋ย จะปรับขึ้นราคาเป็นภาระให้ประชาชนอีกจำนวนมาก ดังนั้นขอให้รัฐบาลหยุดพล่ามแล้วเอาเวลาไปแก้ปัญหาประเทศดีกว่า นอกจากนี้พรรคจะทำหนังสือ 20 คำถามที่ไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา และจะส่งไปถามรัฐบาล และแจกจ่ายให้ประชาชนด้วย 
    
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับสัญญาสัมปทาน 3 จี โดยเรียกร้องให้นายกฯ ชี้แจงกรณีมีญาติเกี่ยวข้องในบริษัทแม่ของบริษัทที่ทำสัญญา 
 

ปรับ“ฮวงจุ้ย”เบิกทางเลือกตั้ง
    
เช้าวันเดียวกัน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทำพิธีย้ายศาลเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณประตูทางเข้าพรรคเพื่อไทยไปไว้จุดอื่น และทำพิธีบวงสรวงศาลพระภูมิชัยมงคล บนชั้น 7 โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค เปิดเผยว่า ตามหลักฮวงจุ้ย เงาของอาคารจะไปทับศาลพระภูมิไม่ได้ ซึ่งจะเป็นการบดบังการทำงานทางการเมือง จึงจำเป็นต้องย้ายศาลออกไป และขอฟันธงว่าจะมีการยุบสภาวันที่ 6 พ.ค. และเลือกตั้งใน
วันที่ 3 ก.ค. เนื่องจากนักการเมืองหญิงที่ใกล้ชิดนายกฯ ไปดูหมอและเห็นว่าควรยุบสภาในวันดังกล่าว เพราะวันที่ 7 พ.ค. เป็นวันไม่ดี และถ้าเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. จะเป็นฤกษ์ดีทำให้นายอภิสิทธิ์ ได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง 

ที่ศาลจังหวัดสกลนคร นายเฉลิมชาติ การุณ ส.ส.สกลนคร พรรคภูมิใจไทย เป็นโจทก์ฟ้องนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในคดีอาญาและแพ่ง พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 40 ล้านบาท กรณีนายนิยมปราศรัยใส่ร้ายนายเฉลิมชาติทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง.


“ประชาสันติ”ลั่น“ปุ”หัวหน้า

วันเดียวกัน ที่ชั้น 17 โรงแรมใบหยกสกาย พรรคธรรมาธิปัตย์จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อรับรองการเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาสันติ และเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยมีนายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ นายพันธ์เลิศ ใบหยก นายบุญถึง ผลพานิช อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย เข้าร่วมประชุม  

นายเสรี เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเลือกตนเป็นหัวหน้าพรรคประชาสันติ นายพันธ์เลิศ เป็นรองหัวหน้าพรรคและ น.ส.พรเพ็ญ เพชรสุขศิริ เป็นเลขาธิการพรรค สาเหตุที่ไม่จดทะเบียนตั้งพรรคประชาสันติขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเหลือเวลาไม่มาก หากตั้งพรรคใหม่จะไม่ทันการเลือกตั้งทั่วไป หลังจากนี้จะแจ้งเรื่องการเปลี่ยนชื่อ และกรรมการบริหารให้ กกต. รับรอง สำหรับกรรมการบริหารชุดนี้จะเข้ามาจัดระบบพรรคเป็นการชั่วคราว จากนั้นจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดถาวร พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นเดือน เม.ย. นี้ โดย ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีต รมว.มหาดไทย รับปากที่จะมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคอย่างแน่นอน 


“มือปราบสายเดี่ยว”ยังอุบไต๋
    
นายเสรี ยอมรับว่า พื้นที่กรุงเทพฯ เป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะ ร.ต.อ.ปุระชัย เคยมีผลงานดีเด่น แต่ก็คาดหวังในทุกพื้นที่ และไม่ปิดกั้น ส.ส.พรรคการเมืองอื่น แต่ต้องมีอุดมการณ์ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาและสร้างความสันติสุขในบ้านเมืองจริง ๆ อย่างไรก็ตามยังไม่ได้ตั้งเป้าจำนวน ส.ส. แต่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน และยังไม่ได้คิดไปไกลถึงการเข้าร่วมรัฐบาลหรือ ร.ต.อ.ปุระชัย จะมีโอกาสเป็นตัวเลือกในตำแหน่งนายกฯ หรือไม่  
    
ขณะที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ในฐานะนายกสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เดินทางมาร่วมประชุมสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง โดยให้เหตุผลว่า สถานที่ไม่เหมาะ เพราะมาพูดเรื่องการศึกษา เดี๋ยวใครจะคิดว่าเข้ามาหาเสียงในโรงเรียน 
    
คนใกล้ชิด ร.ต.อ.ปุระชัย เปิดเผยว่า ความชัดเจนของ ร.ต.อ.ปุระชัย ในการกลับมาลงเล่นการเมืองอีกครั้งคงจะชัดเจนในสัปดาห์หน้า เนื่องจากกำลังพิจารณาข้อกฎหมายว่าจะต้องลาออกจากนายกสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจหรือไม่ หากไม่ขัดกฎหมายก็อาจจะทำงานพร้อมกัน 2 ด้าน ที่สำคัญน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ให้คนไทยได้พิจารณา


“ปู่สุข”ให้รัฐบาลผ่านคาบเส้น
    
ด้านนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ประเมินภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และ 9 รัฐมนตรี ว่า ตนให้คะแนนผ่านคาบเส้น คือ 5 เต็ม 10 เพราะรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงในบางประเด็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกรณีภาษีบุหรี่ ส่วนประเด็นการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น รัฐบาลยังชี้แจงประเด็นเดิม แต่อย่างไรก็ตามการติดตามการอภิปรายที่ผ่านมาถือว่าได้รับความรู้ใหม่ ๆ ด้วย
    
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.คลัง กล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง ประเทศไทยต้องการรัฐบาลและผู้นำที่กล้าตัดสินใจและมองการณ์ไกล เนื่องจากเศรษฐกิจไทยกำลังเดินมาถึงทางตันแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งทะเลตะวันออกควรขยายไปยังพื้นที่ในฝั่งทะเลด้านตะวันตก เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนนานาชาติ รวมทั้งพัฒนาการขนส่งระบบรางเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งของเอเชียตะวันออก


“อุ๋ย”เย้ย“ปชป.”ไร้ฝีมือแก้ ศก.
    
อดีตรองนายกฯ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่ยังเป็นรัฐบาลผสม หากพรรคประชาธิปัตย์ปรองดองกับพรรคเพื่อไทย โดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้นำรัฐบาลก็จะมีนโยบายเศรษฐกิจเหมือนเดิม หรือถ้าจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม เศรษฐกิจจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังมีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง หากเป็นพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคเล็ก ๆ โอกาสเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับผู้นำคนใหม่ และหากพรรคเล็กจัดตั้งรัฐบาลได้เองเศรษฐกิจจะดีขึ้น
    
“ประชาธิปัตย์เหมือนพรรคที่ไม่มีความสามารถในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ แต่เคลื่อนไหวทางการเมืองเก่ง ขณะที่ภูมิใจไทยเป็นพรรคที่สร้างความมั่งคั่งให้ตัวเอง ส่วนพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าไม่มีทางเป็นพรรคเดียวในการจัดตั้งรัฐบาล” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุ
 

“เจ๊สด”เตือนปาไข่โทษถึงคุก
    
อีกด้านหนึ่ง นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงอุปสรรคในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปหลังจากมีการจับคนที่จะนำไข่เน่ามาปาใส่นายกฯ ว่า การที่ กกต. จะใช้งบกว่า 500 ล้านบาท ไปอบรมพนักงานสืบสวนสอบสวนและตั้งพนักงานเพื่อไปหาข่าวป้องกันเหตุร้าย โดยจะร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทหารเพื่อป้องกันและขจัดเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่เลือกตั้ง เพราะเห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ แม้แต่นายกฯ ยังป้องกันได้ยาก ถ้าพรรคการเมืองไปหาเสียงในภาคที่ไม่มีฐานเสียงก็อาจมีปัญหาในเรื่องมวลชนได้ 
    
“การขัดขวางการเลือกตั้งมีโทษตามมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งฯ มีโทษจำคุก และปรับ และแม้ขณะนี้ยังไม่มีการเลือกตั้ง แต่ในบางจังหวัดมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ยังเอาไม่อยู่ ถ้ามีการเลือกตั้งโดยไม่มี พ.ร.บ. ดังกล่าวไว้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ กกต. พยายามจะให้เกิดเหตุน้อยที่สุด ดังนั้นช่วงมีการหาเสียงอย่าใช้ระบบม็อบไปทำร้ายกัน หรือให้ผู้สมัครทำพิธีสาบานในการเลือกตั้งสมานฉันท์ว่าจะไม่ก่อเหตุ จะร่วมมือกับ กกต. ไม่ให้เลือกตั้งมีปัญหา” กกต.รายนี้ระบุ 


แย้มเม.ย.กำหนด“วันเลือกตั้ง”
    
นางสดศรี เปิดเผยว่า ต้นเดือน เม.ย. นี้จะประชุมพรรคการเมืองทั้งหมดเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสม เนื่องจากศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่าการกำหนดวันเลือกตั้งจะต้องให้พรรคการเมืองได้ทราบด้วย นอกจากนี้จะหารือถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส. ด้วยว่าจะเพิ่มหรือลดลงจากเดิม พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 2550 ที่กำหนดให้ใช้จ่ายคนละ 1.5 ล้านบาทหรือไม่ รวมถึงค่าใช้จ่ายของผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อด้วย เพื่อจะได้ออกระเบียบ กกต. ต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่าวันเลือกตั้งอาจเป็นวันที่ 26 มิ.ย. หรือวันที่ 3 ก.ค. นั้นเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น
    
ขณะเดียวกัน นางสดศรี กล่าวในการสัมมนาเรื่อง “เลือกตั้งอย่างไรไม่ผิดกฎหมาย” ที่สถาบันพระปกเกล้า ตอนหนึ่งว่า การเมืองเป็นเรื่องสกปรก ทั้ง ๆ ที่น่าจะเป็นอาชีพที่มีเกียรติ แต่เหมือนเข้ามาเสี่ยงโชคเล่นการพนัน  โชคดีก็ชนะ โชคไม่ดีก็หมดตัว ดังนั้นในอนาคตควรจะดึงศาลออกมาจากการเมือง เช่น คดียุบพรรคไม่ควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา 


ดึง“ศาล”หนีการเมืองสกปรก
    
“เรากำลังดึงศาลเข้ามาสู่การเมือง ทำ ให้ศาลถูกการเมืองเล่นงาน เหมือน กกต. ที่ถูกผลกระทบจากการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม แม้ครอบครัวก็ถูกดึงเข้าไปกระทบด้วย ส่วนตัวเห็นว่าควรที่จะแยกศาลออกมาจากระบบการเมือง  ด้วยการตั้งศาลการเมืองขึ้นมาพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยเฉพาะจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากกว่า” นางสดศรี ระบุและว่า ขณะนี้ขาข้างหนึ่งของ กกต. เข้าไปอยู่ในคุกแล้ว รออีกข้างหนึ่งว่าจะเข้าไปด้วยหรือไม่ ซึ่งฝ่ายการเมืองจะต้องเห็นใจ กกต. ด้วยการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 3 ฉบับให้เสร็จก่อนที่จะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ หาก กกต. ต้องออกประกาศตามมาตรา 7 และมีการฟ้องร้องว่าประกาศ กกต. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ อาจทำให้ กกต. 5 คนติดคุก ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีถึง 70 เปอร์เซ็นต์ 
    
กกต.ผู้นี้ กล่าวด้วยว่า แม้จะมีการพูดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้น โดยจะบังคับให้ กกต. ลาออกนั้น ตนยืนยันแทน กกต. คนอื่นได้ว่าเราทำงานหนักมาตลอด และพร้อมที่จะอยู่จนกว่าจะหมดภารกิจของ กกต. ชุดนี้


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์