เปิดเอกสารลับฑูตสหรัฐ จากบูท ถึงทักษิณ

ถึงคิวเอกสารลับ เรื่องร้อนจากทูตสหรัฐในไทย ผ่าเบื้องหลัง คดี "วิคเตอร์ บูท"พร้อมความสัมพันธ์ไทย-รัสเซียที่แนบแน่น


 การเปิดโปงเอกสารลับทางการทูตของสหรัฐ ที่หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษได้มาจากเว็บไซต์วิกิลีกส์ ยังดำเนินอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นการเผยแพร่เอกสารลับเกี่ยวข้องกับประเทศไทยและการดำเนินคดีกับนายวิคเตอร์ บูท บันทึกลับทางการทูตของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแสดงให้เห็นว่า นายอีริค จี. จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เชื่อว่า รัสเซียพยายามขัดขวางการส่งตัว นายวิคเตอร์ บูท เจ้าของฉายา "พ่อค้าแห่งความตาย" เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐ ด้วยการติดสินบนพยานสำคัญหลายปาก เพื่อให้การเท็จระหว่างการพิจารณาคดีการส่งตัวนายบูทไปให้สหรัฐ

 นายจอห์น ระบุในบันทึกลงวันที่ 13 ก.พ. 2552 ว่า นับตั้งแต่ นายบูท ถูกจับที่กรุงเทพฯ เมื่อเกือบ 1 ปีก่อน

การส่งตัวเขาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐ กลายเป็นวาระสำคัญที่สุดของการหารือระดับทวิภาคีระหว่างประเทศทั้งสอง สถานทูตสหรัฐใช้ความพยายามอย่างหนัก และระหว่างที่นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนั้น เดินทางเยือนไทยเมื่อเดือนส.ค. 2551 ก็ยกประเด็นนี้หารือกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

 นายจอห์น บันทึกไว้ว่า กระบวนการส่งตัวนายบูทในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ดำเนินไปตามที่สหรัฐต้องการแม้ว่าจะล่าช้าอย่างหนัก แต่เมื่อไม่นานมานี้ คดีกลับพลิกผันไปอย่างน่าวิตก มีข้อบ่งชี้ว่า ผู้สนับสนุนของนายบูทใช้เงินและอิทธิพล ในความพยายามที่จะขัดขวางการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

 เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2552 นายจอห์น แสดงความวิตกต่อคดีนี้ ระหว่างพบปะกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

โดยเตือนว่า กระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอาจเสื่อมเสีย เนื่องจากความพยายามของพรรคพวกนายบูท ที่จะติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย และการให้การเท็จของพยาน ที่อ้างว่า นายบูทมาทำธุระให้ทางการรัสเซีย ด้วยการเจรจาเรื่องการซื้อเรือดำน้ำกับรัฐบาลไทย นายจอห์นขอให้นายอภิสิทธิ์ใช้มาตรการที่เป็นหลักประกันว่า กระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะไม่มีการติดสินบนและการคอร์รัปชันเข้ามาเกี่ยวข้อง และยังเสนอความเห็นด้วยว่า  คำให้การของพยานที่น่าเชื่อถือจากกองทัพเรือ หรือ กระทรวงกลาโหม ควรถูกนำมาใช้เพื่อหักล้างคำกล่าวของพยาน


 สหรัฐพบตัวอย่างของการใช้อิทธิพลและการคอร์รัปชันหลายอย่าง รวมถึงการให้การเท็จของพยานคนหนึ่ง และหลักฐานการติดสินบนที่รวบรวมได้จากทั่วโลก พร้อมอ้างถึงกรณีเดือนส.ค. 2552 ที่ศาลไทยปฏิเสธคำร้องของสหรัฐ ในการส่งตัวนายบูทเป็นผู้ร้ายข้ามแดน 

 เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย

ระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐทราบว่ามีความพยายามจะจับกุมและสร้างความอับอาย ให้แก่เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐ 2 คน ที่ได้รับมอบหมายให้สอบสวนนายบูท โดยอาจให้เจ้าหน้าที่ไทยจับกุมบุคคลทั้งสอง ในข้อหาลอบบันทึกภาพและเสียง นายบูท อย่างผิดกฎหมายในวันที่เขาถูกจับ ขณะเดียวกัน นายจอห์นอ้างถึงคดีของนายแจมชิด กัสเซมี ที่เจ้าหน้าที่ไทยปฏิเสธคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของสหรัฐ เพราะได้รับแรงกดดันจากอิหร่าน และเน้นว่าไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก ทั้งนี้ นายกัสเซมี ถูกกล่าวหาจากสหรัฐว่าละเมิดกฏหมายควบคุมการส่งออกอาวุธและการฟอกเงิน

 นายจอห์น กล่าวด้วยว่า หากไทยล้มเหลวในการทำให้กระบวนการส่งตัวนายบูทมีความโปร่งใส จากการคอร์รัปชัน และอิทธิพลต่างๆ ก็จะทำให้เกิดช่วงโหว่ขนาดใหญ่ระหว่างความสัมพันธ์ของสหรัฐกับไทย โดยเฉพาะในแง่การบังคับใช้กฎหมาย

 
เอกสารลับระบุว่า นายอภิสิทธิ์ รับปากว่าจะดำเนินการกับความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการส่งตัวนายบูท ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนตามขั้นตอนของไทย และได้รับข้อมูลของบุคคลที่คิดวางแผนติดสินบนจากเจ้าหน้าที่สหรัฐแล้ว


นอกจากนี้ นายจอห์น โทรศัพท์ถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 13 ก.พ.
 
ชี้แจงว่า รัฐบาลสหรัฐให้ความสำคัญกับกระบวนการส่งตัวนายบูท แต่ก็เข้าใจว่าต้องใช้เวลา และรัฐบาลสหรัฐเคารพระบบยุติธรรมของไทย
กระนั้นก็ดี สหรัฐวิตกเกี่ยวกับความพยายามใช้อิทธิพลในคดีนี้ โดยเฉพาะการให้การเท็จของพยาน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร รับปากว่าจะตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับคำให้การของพยานเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ความจริง

พร้อมกันนี้ นายจอห์นทำบันทึกถึงนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ แนะนำให้โทรศัพท์สายตรงถึงนายอภิสิทธิ์ และเสนอขอเจรจาหารืออย่างจริงจังเรื่องการพิจารณาคดีนายบูท เพราะเชื่อว่า หากนายโอบามายื่นมือเข้ามา ก็จะทำให้การเจรจามีประสิทธิภาพมากขึ้น

 เอกสารลับอีกชิ้นหนึ่ง ลงวันที่ 13 ส.ค. 2552 พูดถึงการดำเนินการของสถานทูตสหรัฐในกรุงเทพฯ

หลังจากศาลชั้นต้นของไทยปฏิเสธที่จะให้ส่งตัวนายบูทไปให้สหรัฐดำเนินคดี โดยสถานทูตแนะนำให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และตัวแทนสหรัฐประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประสานงานกับสถานทูตไทยในกรุงวอชิงตัน และตัวแทนไทยในยูเอ็น รวมทั้งแนะให้ขอความร่วมมือจาก เบลเยียม โคลัมเบีย และหลายประเทศในแอฟริกาที่เคยเดือดร้อนเพราะนายบูท ช่วยกดดันไทยในกรณีนี้

 เอกสารลับอีกฉบับหนึ่งระบุว่า รัฐบาลและหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ใช้นายใหญ่ของมาเฟียทำงานสกปรกให้ รวมถึงการลักลอบค้าอาวุธ

และการที่หน่วยสืบราชการลับของทำเนียบเครมลิน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์กรอาชญากรรม ทำให้รัสเซียกลายเป็นรัฐมาเฟียอย่างแท้จริง แก๊งอาชญากรต่างได้รับการคุ้มครองอย่างลับๆ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในฐานะองค์ประกอบหนึ่งในโครงสร้างของรัฐ

เปิดสัมพันธ์ปูติน-ทักษิณ"แนบแน่น"

 
เอกสารลับของวิกิลีกส์ เผยด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียเบ่งบานอย่างมากในช่วงทศวรรษนี้ หลังจากซบเซามาหลายปีในช่วงสงครามเย็น ส่วนหนึ่งเริ่มจากการเยือนระดับสูง ในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนรัสเซีย เมื่อปี 2545 และ นายวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เดินทางเยือนประเทศไทย เมื่อปี 2546

 ก่อนหน้านั้น รัสเซียสนับสนุนให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในไทย ที่จะเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค

โดยรัสเซียจะเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความต้องการเป็นหุ้นส่วนการเจรจาสุดยอดเอเชียตะวันออก (อีเอเอส) และขยายการส่งออกอาวุธมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่ไทยยินดีกับจำนวนนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย แต่ก็ต้องรับมือกับผลกระทบข้างเคียงที่ไม่ต้องการ นั่นคือ การสร้างเครือข่ายอาชญากรรมตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น พัทยา และ ภูเก็ต

 
เอกสารลับระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียกลับมาแนบแน่นในช่วงปี 2545-2546 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ สนใจทำข้อตกลงซื้ออาวุธจากรัสเซีย แลกกับการที่รัสเซียต้องซื้อสินค้าเกษตรจากไทย และจัดการฝึกสอนให้กับทหารไทย ที่ยังพึ่งพาระบบของสหรัฐ และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณถูกโค่นอำนาจ ก็ยังเดินทางไปกรุงมอสโก และได้พบกับนายปูตินด้วย 

 
เอกสารลับระบุด้วยว่า นโยบายต่างประเทศของไทย มีศูนย์กลางอยู่ที่สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) สหรัฐ และ จีน ทำให้รัสเซียมีพื้นที่น้อยมากต่อการสอดแทรกอิทธิพลเข้ามา


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์