เปิดรายละเอียด จม. สนธิ ยื่นร้องทุกข์ ป๋าเปรม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ (ขอบคุณ manager.co.th ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล)

รายละเอียดจดหมายเปิดผนึก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ยื่นต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เวลา 10.00 น.วันนี้ (6 ก.ย.) โดยพลเรือโท พระจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าฝ่ายเลขาธิการประจำประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษ มารับหนังสือแทน ทั้งนี้ เพื่อเปิดโปงอันตรายของระบอบทักษิณที่กำลังทำอันตรายใหญ่หลวงให้ประเทศไทย และขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพึ่งพระบารมีในการหยุดยั้งระบอบทักษิณ

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2549



กราบเรียน ฯพณฯ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

โดยฉันทามติของพี่น้องประชาชนชาวไทยผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และต้องการพิทักษ์รักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ดำรงคงอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป กระผมนายสนธิ ลิ้มทองกุล ขอกราบเรียนต่อ ฯพณฯ ดังต่อไปนี้

ขณะนี้สถานการณ์ของประเทศไทยทั่วทุกหนทุกแห่งตกอยู่ในภัยอันตรายอย่างร้ายแรง และ เป็นวิกฤตที่สุดในโลก โดยมีต้นเหตุมาจากระบอบทักษิณที่มักใหญ่ใฝ่สูง คิดการใหญ่ หวังยึดครองประเทศไทยเป็นของตน ทำให้ราชการบ้านเมืองวิปริตผันแปร เกิดเหตุเป็นอาเพศร้ายแรงอย่างต่อเนื่อง อาณาประชาราษฎรเดือดร้อนทุกข์เข็ญทุกหย่อมหญ้า ซึ่งขอกราบเรียนสรุปในประการหลักๆ ดังนี้คือ

1.ระบอบทักษิณ ได้จุดชนวนไฟสงครามกลางเมืองขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการอุ้มฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นจำนวนมาก โดยการขับไล่ไสส่งฝ่ายทหารให้พ้นจากหน้าที่ดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัย และให้ฝ่ายตำรวจเข้าทำหน้าที่แทน

สถานการณ์ทรุดหนักมาโดยลำดับ จนเกิดเป็นสภาพสงครามกลางเมืองอย่างเต็มรูปแบบในขณะนี้แล้ว และสถานการณ์โน้มไปในทางจะสูญเสียดินแดนเป็นครั้งแรกในรัชกาลปัจจุบัน ขณะนี้ประชาชนวงการต่างๆ มีฉันทามติแล้วว่า หากระบอบทักษิณยังอยู่ต่อไป ประเทศไทยจะต้องสูญเสียดินแดน 3-4 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน และอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศจะคุกคามภาคใต้ตอนบนและประเทศไทยเป็นส่วนรวมอีกด้วย

2.พี่น้องประชาชนชาวภาคใต้ ถูกทอดทิ้งไม่เหลียวแล โดยมีข้อหาว่าไม่สนับสนุนเลือกผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย ซึ่งเห็นประจักษ์ชัดแล้วว่าหนึ่งปีกว่ามานี้นายกรัฐมนตรีไม่เคยลงไปเหลียวแลพื้นที่ภาคใต้เลย แม้ถึงขนาดถูกอุทกภัยขนาดใหญ่ก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้มีการรับบริจาคเงินช่วยเหลือ ทำให้เกิดการแตกแยกและแบ่งแยกภาคใต้ออกจากประเทศไทย โดยระบอบทักษิณเป็นผู้ทำเสียเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดความรู้สึกสะเทือนใจต่อพี่น้องประชาชนภาคใต้โดยทั่วไป จึงเกิดกระแสความคิดที่ไม่ยอมรับการปกครองของรัฐบาล และต้องการจะปกครองกันเองมากขึ้นโดยลำดับ

การแบ่งแยกประชาชนและพื้นที่ของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่ถือเอาการสนับสนุนพรรคไทยรักไทยหรือไม่ เป็นอันตรายต่อความเป็นชาติ และขัดต่อรัฐธรรมนูญที่บัญญัติให้ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรเดียวและแบ่งแยกมิได้อย่างชัดแจ้ง

นอกจากนั้น การที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้ปฏิบัติในลักษณะที่แตกต่างระหว่างพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน กับภาคอื่นๆ ของประเทศ เพราะถือว่าเป็นฐานเสียงสนับสนุนพรรคไทยรักไทยนั้นได้ซ้ำเติมความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวให้มีลักษณะแบ่งแยกมากยิ่งขึ้น ดังเช่นคำกล่าวของอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยหลายคนที่ประกาศว่าคนภาคอีสานเป็นผู้ตั้งรัฐบาล หรือรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลของคนภาคอึสาน

นับแต่อดีตเป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงอนาทรต่อพสกนิกรของพระองค์ทั่วประเทศ รวมทั้งพื้นที่ภาคใต้ด้วย แต่ละปีทรงเสด็จแปรพระราชฐานไปเป็นมิ่งขวัญให้กับพสกนิกรในพื้นที่นั้นโดยไม่เคยคำนึงถึงความยากลำบากใดๆ เลย

ในระยะ 3 ปีมานี้ ในขณะที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยทอดทิ้งภาคใต้แล้วนั้น ทุกพระองค์ก็ยังทรงห่วงใยพสกนิกรในพื้นที่ภาคใต้ตลอดมา ล่าสุดเมื่อครั้งที่นายทหารยศพันเอกแห่งกองทัพไทยถูกซุ่มโจมตีจนเสียชีวิต สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ก็ได้เสด็จไปในการศพ ซึ่งเป็นเกียรติยศใหญ่หลวงแก่ทหาร ในขณะที่นายกรัฐมนตรีไม่ใส่ใจ กลับไปตีกอล์ฟในท่ามกลางการอารักขาของตำรวจนับพันคน มิหนำซ้ำสมุนบริวารในรัฐบาลยังเหยียดหยามนายทหารผู้ตายว่าประมาทจึงต้องถึงแก่ความตาย ซึ่งสร้างความชอกช้ำระกำใจให้แก่เหล่าทหารซึ่งพลีชีพเพื่อชาติและปฏิบัติราชการด้วยความเสียสละ ทั้ง ๆ ที่ผู้ก่อเหตุนั้นต่างหนีขึ้นมาก่อสถานการณ์ความขัดแย้งในชาติอยู่ที่กรุงเทพมหานครอย่างสุขสบาย จึงทำลายขวัญและกำลังใจของเหล่าทหารอย่างร้ายแรง

เหตุการณ์ยังลุกลามบานปลายไปถึงขั้นที่มีการจัดตั้งกองกำลังประชาชนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญเพราะเป็นการจัดตั้งกองทัพส่วนตัว มีลักษณะเป็นกองทัพเถื่อน และยังใช้หน่วยงานของรัฐบางหน่วยติดอาวุธสงครามเพื่อใช้เป็นกองกำลังในการต่อสู้กับประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลอีกด้วย

หลักฐานพยานชัดเจนจากคำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่าให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกเขตเลือกตั้งเตรียมคนไว้เขตละ 3,000 คน ถ้าเป่านกหวีดก็ให้พาคนเข้ามากรุงเทพมหานครทันที ซึ่งทำให้ประชาชนโดยทั่วไปไม่สบายใจ เพราะเห็นได้ว่านี่คือการตั้งกองกำลังประชาชนเพื่อเตรียมทำสงครามประชาชนหรือสงครามกลางเมือง และได้ใช้วิธีการนี้ข่มขู่คุกคามพรรคการเมืองอื่นอย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย

3.ระบอบทักษิณ ได้ใช้อำนาจรัฐฉ้อราษฎร์บังหลวงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย จนได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่ขายชาติ ปล้นชาติ ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทุจริตเชิงนโยบาย โกงทั้งโคตร โคตรโกง ทำให้สมาชิกรัฐสภากลายเป็นทาส ครอบงำองค์กรอิสระจนกลายเป็นองค์กรทาส จนหน่วยงานอิสระถึงสองหน่วยถูกศาลพิพากษาว่ากระทำความผิดและจำคุกและการปล้นชาติในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจบางแห่งถูกศาลพิพากษาว่าผิดกฎหมายและเพิกถอนไปแล้ว พฤติกรรมโดยรวมจึงเป็นการเข้ายึดครองประเทศไทย ระบอบเศรษฐกิจของประเทศไทย กลไกการปกครองของประเทศ ตลอดจน ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ สมาชิกรัฐสภา และองค์กรอิสระ เพื่อเป็นสมบัติของตน

ได้ใช้ผลประโยชน์ของรัฐในการบำรุงบำเรอซื้อหาจ้างวานบุคลากรเข้ามาเป็นเครือข่ายปฏิบัติงานให้อย่างเป็นขบวนการ และกระทำการที่ชัดเจนขึ้นทุกวันในลักษณะที่ถือว่าประเทศไทยเป็นสมบัติของตน และถือเอาผู้คนที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์เป็นศัตรูและข่มเหงรังแกทำร้ายทำลายด้วยสารพัดวิธี

4.ปัจจุบันนี้ สถาบันศาล และกองทัพไทย เป็นสถาบันหลักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงไว้วางพระราชหฤทัย และประชาชนชาวไทยต่างมุ่งหวังเป็นที่พึ่งในการแก้ไขปัญหาชาติ โดยเฉพาะหวังพึ่งว่าจะช่วยป้องกันรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ให้ถูกระบอบทักษิณยึดครองเป็นของตน แต่ทว่าการขยับขยายเพื่อยึดครองทั้งสองสถาบันนี้ยังคงเดินหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง

กองทัพไทยเป็นกองทัพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเหล่าทหารเพื่อให้ทำหน้าที่ปกปักรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติ รักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ พระมหากษัตริย์ และประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมีหน้าที่เพียงแค่การรับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งมีฐานะประหนึ่งแค่นายไปรษณีย์ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 231 เท่านั้น

เพราะเหตุเช่นนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายเหล่าทหารจึงต้องอยู่บนหลักการเพื่อปกปักรักษาคุ้มครองความปลอดภัยของประเทศชาติ พระมหากษัตริย์ และประชาชนเพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของชาติ ไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ปรากฏว่ากระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2549 ซึ่งสื่อมวลชนได้ทราบและเสนอข่าวเหมือนกันทุกสำนักว่ามีการสั่งการให้มีการจัดโผ รื้อโผกันใหม่ โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการแต่งตั้งนายทหารตามรัฐธรรมนูญ และธรรมเนียมประเพณีของกองทัพ

การล้วงลูกเพื่อจัดวางคนของระบอบทักษิณเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ในหน่วยงานของทหารทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่เป็นไปตามหลักในการแต่งตั้งบุคคลตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวทางไว้ คือ ให้สนับสนุนคนดีให้มีอำนาจ และกำจัดคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ

ปรากฏว่ามีการผลักดันเอารุ่นและพวกพ้องของระบอบทักษิณเพื่อให้เข้าดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในหน่วยงานของกองทัพ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่จะทำให้กองทัพไทยเป็นกองทัพส่วนตัวของระบอบทักษิณ

ดังนั้น ความไม่เป็นธรรมที่รุนแรงถึงขีดสุด จึงทำให้เดือดร้อนแก่เหล่าทหารโดยทั่วไป จนกระทั่งจเรทหาร ปลัดกระทรวงกลาโหม รวมทั้งนายทหารระดับนายพลได้ยอมสละตนเองทักท้วงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย ในขณะที่นายทหารทั่วทั้งกองทัพที่ไม่ใช่ข้าทาสของระบอบทักษิณต่างพากันเคลื่อนไหวภายใต้ระเบียบวินัยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้ปรากฏว่า บรรดานายทหารที่ยอมพลีเพื่อความเป็นธรรมและความถูกต้องของกองทัพ กลับถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรม

ดังนั้น จึงขอกราบเรียนต่อ ฯพณฯ ได้โปรดรับทราบความเดือดร้อนของอาณาประชาราษฎรทั้งแผ่นดิน ตลอดจนบรรดาข้าทหารที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอได้โปรดบำบัดความทุกข์ร้อนของแผ่นดินและอาณาประชาราษฎรในครั้งนี้ด้วย

ขอ ฯพณฯ ในฐานะประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอาวุโส ได้โปรดนำความดังกล่าวขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง อย่าให้ระบอบทักษิณยึดกองทัพไทยไปเป็นสมบัติส่วนตน อันจะมีผลต่อการล้มล้างสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จนหมดสิ้น ขอพระบารมีเป็นที่พึ่งได้โปรดดำรงรักษากองทัพไทยให้เป็นกองทัพของชาติและของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดไปชั่วกัลปาวสาน เพื่อความดำรงคงอยู่ของประเทศชาติไทย ของพระบรมราชจักรีวงศ์ และความสมบูรณ์พูนสุขของอาณาประชาราษฎรถ้วนหน้ากัน




ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

(นายสนธิ ลิ้มทองกุล)
ในฐานะตัวแทนภาคประชาชนผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

สุขสันต์วันเกิด แด่ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ

ยี่สิบหกสิงหาฯ ป๋า เกิดมาฟ้าฉายฉาน
ทลิโทฤกษ์สราญ โหรกล่าวขานดวงเกรียงไกร

เป็นชายชาติทหาร ยุทธการไม่แพ้ใคร
ศึกนอกหรือศึกใน พิชิตได้ด้วยใจจินต์

ซื่อสัตย์ยุติธรรม คือเพชรงามคู่แผ่นดิน
ชีวิตมอบธรณิน ดวงชีวินมอบราชา

รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทำนุรัฐและประชา
สร้างสรรค์ความศรัทธา ไร้มายาภาพหลอกลวง

เป็นผู้นำมัธยัสถ์ และซื่อสัตย์ชนทั้งปวง
เทิดทูนองค์ในหลวง ไม่ก้าวล่วงกิจใดใด

สมนามรัฐบุรุษ ความพิสุทธิ์ทอแสงไกร
มวลชนล้วนรักใคร่ ประทับใจเรียก ป๋าเปรม

ครบรอบคล้ายวันเกิด พรประเสริฐดลเกษม
ขอให้ใจปรีดิ์เปรม เอิบอิ่มเอมทั้งกายใจ

ไตรรัตน์ดลสราญ พ้นภัยพาลทุกหนไป
ป๋าเปรม ชื่อนี้ไซร้ จงเกริกไกรในแผ่นดิน.

ด้วยรักและเทิดทูนจากใจ
สนธิ ลิ้มทองกุล

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์