เปิดผนึก..! จดหมายถึง รัฐบาลและ คตส.

จดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลและ คตส.


วันนี้เรามีเรื่องใหญ่และสำคัญ ที่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องทำเป็นจดหมายเปิดผนึกถึง พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ คตส. ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน และย่อมรวมถึง คมช. ตลอดจนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติทุกคนด้วย

นับแต่คณะทหารได้ล้มระบอบเผด็จการทรราช


ที่มุ่งทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ลงไปเมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 มาจนถึงวันนี้ เรื่องที่เชิดหน้าชูตาและยืนยันถึงเหตุผลในการยึดอำนาจที่สำคัญคือการจัดตั้ง คตส. และการทำงานของ คตส.

ในขณะที่พวกขิงแก่ทั้งหลายนั้น ไม่เอาไหน ไม่ยืนยัน ไม่ยืนหยัด ที่จะปฏิบัติหน้าที่อันเป็นที่มาแห่งการยึดอำนาจทั้งสี่ประการเลย จำนวนมากยังทำตัวเป็นศูนย์กลางของการเข้าเกียร์ว่างแห่งชาติ

คงมีแต่ คตส. และการทำงานของ คตส. ที่พิสูจน์ให้สาธารณชนและชาวโลกได้เห็นประจักษ์ชัดเจนขึ้นทุกทีว่าเหตุผลในการยึดอำนาจทั้งสี่ประการนั้นเป็นความจริงแท้แน่นอน

แต่การทำงานของ คตส. ยังไม่ตอบสนองต่อความปรารถนาของผลประโยชน์แห่งชาติและประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ได้ เพราะถึงวันนี้ยังไม่มีการยึดหรืออายัดทรัพย์ใครเลยแม้แต่คนเดียว ยังไม่มีการดำเนินคดีที่เป็นชิ้นเป็นอันกับใครเลยแม้แต่คนเดียว


ในขณะที่ระยะเวลาดำรงอยู่ของ คตส.


เหลืออีกราว 8 เดือนเท่านั้น และในขณะที่เรื่องราวการโกงบ้านกินเมือง เรื่องราวของการโกงโคตรแบบโคตรโกงและโกงทั้งโคตรยิ่งขุดก็ยิ่งเจอ และโผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ดดังที่เห็น ๆ เป็นบางส่วนอยู่ในขณะนี้แล้ว

ที่ร้ายหนักหนาสาหัสยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อ คตส. มีมติที่จะต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย คือเมื่อผลการตรวจสอบปรากฏพบความผิดแล้วแจ้งให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจที่เป็นเจ้าทุกข์มากล่าวโทษ กลับบูดเบี้ยวบิดตะกูดไม่ยอมทำตาม

จน คตส. ต้องระอาใจถึงกับต้องเชิญรัฐบาลและ คมช. มาร่วมปรึกษาหารือเพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่ถึงขณะนี้ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม

นั่นเป็นเพราะคำสั่งคณะปฏิรูปฯ ในการจัดตั้ง คตส. ให้เวลาสั้นเกินไป ไม่เพียงพอต่อการบรรลุถึงภารกิจอันเป็นเหตุผลสำคัญในการยึดอำนาจ และเพราะเวลาที่สั้นจึงทำให้ไม่มีใครยำเกรง พากันถ่วงรั้งดึงเวลาหวังให้ คตส. หมดอำนาจไปก่อน


ทั้ง คตส. เองก็ไปกำหนดจำกัดบทบาทของตนเอง


เหมือนกับนักมวยที่เอาเชือกมัดแขนไว้ข้างหนึ่ง จึงไม่อาจเปล่งอานุภาพของการกวาดล้างอธรรมให้ได้ผลอย่างเต็มที่อย่างรวดเร็วได้

และยังมีบทกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ต่อการทำหน้าที่หรือต่อการปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่อีกหลายส่วน

กระทั่งยังมีคนบางคนทำตัวเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน มือถือสากปากถือศีล แท้จริงคือสมุนหรือลิ่วล้อทรราชที่แฝงตัวอยู่ในรัฐบาล ยังมุ่งหวังสืบสานระบอบทักษิโณมิกส์ต่อไป

เหล่านี้จึงถึงเวลาที่จะต้องบอกกล่าว ให้ท่านผู้เกี่ยวข้องดังกล่าวได้ปรับปรุงแก้ไขในเรื่องนี้เพื่อให้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมืองและแก่การขุดรากถอนโคนการฉ้อราษฎร์บังหลวงของกระบวนการโคตรโกงต่อไป


พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี



เราจึงขอนำเสนอให้ดำเนินการดังต่อไปนี้


ประการแรก ให้เสนอกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขยายเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. ออกไปอีก 4 ปีรวมเป็น 5 ปีเพื่อให้มีเวลาเพียงพอต่อการทำหน้าที่ขุดรากถอนโคนโคตรโกงทั้งหลาย โดยแก้ไขในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย คือ

(1) เรื่องใดที่ คตส. มีมติในชั้นอนุกรรมการว่ามีมูลความผิด ให้ทำการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดไว้ไม่น้อยกว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ หรือไม่น้อยกว่ามูลค่าที่โกงเอาไป โดยให้มีผลเป็นการยึดอายัดโดยอัตโนมัติ และให้บรรดาผู้ถือครองทรัพย์สินรายงานต่อ คตส. ภายใน 7 วัน

เพราะหากไม่แก้ตรงนี้ คตส. ก็คงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว และถึงชาติหน้าก็คงยึดอายัดทรัพย์คนชั่วไม่ได้อีกเลย

(2) เรื่องใดที่ คตส. มีมติว่ามีมูลความผิด ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจมากล่าวโทษอีก ให้ คตส. มีอำนาจส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อนำคดีสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองได้โดยตรง หรือส่งต่อศาลอาญาแล้วแต่กรณี และให้ศาลมีอำนาจพิพากษายึดอายัดทรัพย์สินเป็นของรัฐได้ด้วย


ประการที่สอง ให้ คตส. แก้ไขกฎระเบียบของตัวเองที่กำหนดขึ้นมาเองในทางผูกมัดตัวเองไม่ให้ใช้อำนาจ โดยให้ลดขั้นตอนให้สั้นลง

รวมทั้งการใช้อำนาจยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน และให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้พิสูจน์ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยสุจริต และไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่


ประการที่สาม รัฐบาล คมช. สนช. และ คตส. ต้องร่วมกันกำจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ยังต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อนให้เห็นผลประจักษ์ ที่สำคัญคือโครงการดังต่อไปนี้

(1) โครงการศูนย์ราชการในความรับผิดชอบดูแลของหม่อมอุ๋ย ซึ่งดำเนินการโดยกรมธนารักษ์ ที่มีเงินลงทุนเพียงหมื่นกว่าล้านบาท แต่บังคับให้ทุกส่วนราชการต้องจ่ายค่าเช่าถึง 86,000 ล้านบาท และเมื่อครบ 30 ปีแล้วจะต้องจ่ายกันอีกเท่าใดก็ยังไม่รู้ โครงการที่มีผลกำไรมหาศาลแบบนี้จะต้องให้รัฐดำเนินการเอง ทำไมจะต้องให้บริษัทดำเนินการ

รัฐบาลก่อนชงไว้แต่คนรับผิดชอบในรัฐบาลนี้กลับมาปรุงและกินต่อ เป็นการสืบทอดการทุจริตและเป็นการโกงชาติ

เราจึงจำเป็นต้องร้องขอให้ คตส. ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้และเอาผิดกับคนโกงชาติเป็นการด่วนที่สุด และรีบมีมติให้รัฐบาลดำเนินการโครงการนี้เองในทันที


(2) โครงการหวยบนดิน ที่เอื้อประโยชน์ให้กับการโกงชาติรายการหวยออนไลน์ และต่อท่อน้ำเลี้ยงให้กับระบอบเผด็จการ ซึ่งสวนทางกับหลักปรัชญาพอเพียง และรัฐบาลเองก็เห็นว่ามีการทำผิดกฎหมายมาแล้ว ทั้งผู้คนในรัฐบาลก่อนและรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลนี้ แต่ยังดึงดันจะผลักดันต่อไปอีก

เราจึงจำเป็นต้องร้องขอให้ คตส. และ ป.ป.ช. ให้รีบดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องเรื่องนี้โดยพลัน ก่อนที่จะสร้างความขัดแย้งแตกหักระหว่างรัฐบาลกับภาคประชาชน


(3) การเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทยเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2549 ที่กระทรวงการคลังให้ขายหุ้น อ.ส.ม.ท. ซึ่งธนาคารออมสินเป็นเจ้าของ เพื่อนำเงินไปเพิ่มทุนให้กับธนาคารทหารไทยซึ่งกลวงโบ๋โดยไม่มีการลดทุน ขณะนั้นนายทนง ลำไย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหม่อมอุ๋ยเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

ขณะนี้เงินที่เพิ่มทุนลงไปกลายเป็นศูนย์ และยังมีผลขาดทุนต่อมาอีก การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการโกงชาติเพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนการเมือง และเมื่อบัดนี้เงินกองทุนของธนาคารแห่งนี้ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด กระทรวงการคลังต้องทำการควบคุมตามกฎหมาย แต่ยังไม่มีการทำอะไรทั้งนั้น เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนการเมืองและต่างชาติ

เราจึงต้องเรียกร้องให้ คตส. สอบสวนเอาผิดกับผู้เกี่ยข้องในกรณีนี้โดยพลัน

เราเรียกร้องให้รัฐบาล คมช. สนช. และ คตส. เร่งรีบดำเนินการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนไว้ให้ทันท่วงทีด้วย.

ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ

โดย ผู้จัดการออนไลน์
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์