เปิดตัว ตร.สายสืบที่ถูกพันธมิตรรุมยำ

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 ต.ค.  ที่ลานอเนกประสงค์ บช.น. พล.ต.ต. สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.อก.บช.น.

เรียกประชุมตำรวจทุกฝ่ายในสังกัด บก.อก.บช.น. ให้รับทราบสถานการณ์ พร้อมทั้งสาธิตเรียนรู้วิธีใช้เครื่องดับเพลิง หลังจากมีกระแสข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรฯ มีเป้าหมายที่จะบุกเข้ามาใน บช.น.แล้วทำลายทรัพย์สินจนถึงขั้นเผาอาคาร พร้อมเตรียมรับมือกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันที่ 10 ต.ค. ซึ่งแกนนำพันธมิตรฯจะเข้ามอบตัว โดยคาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะติดตามมาให้กำลังใจจำนวนมาก รวมทั้งจัดเก็บรวบรวมเอกสารสำคัญไว้ในที่ปลอดภัย ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นสถานที่ราชการและเป็นเขตพระราชฐาน หากฝ่ายพันธมิตรฯบุกรุกเข้ามาทำลาย ตำรวจนครบาลก็จะป้องกันตัว และรักษาพื้นที่ด้วยชีวิต ขณะเดียวกันได้กำชับให้ตำรวจระวังตัวเพราะขณะนี้ตำรวจถูกซุ่มทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อเสร็จงานไม่ควรจะใส่เครื่องแบบตำรวจกลับบ้าน และไม่ควรจะเดินภายนอกเพียงคนเดียว และหลีกเลี่ยงที่จะเดินเข้าไปใกล้บริเวณกลุ่มผู้ชุมนุม

ที่ บช.น. ในเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ได้นำ ร.ต.อ.สาริษฐ์ อักษร รองสว.กก. สส.น.1 เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

กรณีถูก รปภ.พันธมิตรฯ จับกุมตัวไปทำร้ายร่างกายเมื่อวัน
ตุลานองเลือด7 ต.ค. โดย ร.ต.อ.สาริษฐ์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. เวลา 17.00 น. ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติการสืบสวนหาข่าว และบันทึกภาพ บริเวณแยกสวนมิสกวัน จึงเดินไปสังเกตการณ์ กับลูกน้องอีก 1 คน ขณะนั้นเหตุการณ์ยังตึงเครียด จึงเลี่ยงเดินออกมาทางแยกวังแดง แต่เส้นทางถูกปิด ทำให้ ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปที่สะพานมัฆวานฯ ขณะนั้นเห็นการ์ดพันธมิตรฯจ้องมอง เกรงว่าจะถูกทำร้ายจึงเดินกลับมาที่ประตูหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ได้ยินเสียงการ์ดพันธมิตรฯตะโกนไล่หลังว่า ตำรวจที่มันมารื้อเต็นท์พวกเราวันนั้น จากนั้นมีชายประมาณ 7-8 คน วิ่งเข้ามาจับตัว และควบคุมไปที่หน้าเต็นท์กองทัพธรรม


ร.ต.อ.สาริษฐ์กล่าวต่อว่า ตนพยายามแสดงบัตรข้าราชการ พร้อมแสดงตัวว่าเป็นตำรวจแต่กลุ่มการ์ดก็พยายามจับกดให้นั่งลง

ตนไม่ยอมนั่ง เพราะคิดว่าหากนั่งลงคงไม่รอดแน่ เพราะฝ่ายพันธมิตรฯต่างฮือเข้ามา บางคนถือไม้พยายามจะแทรกตัวเข้ามาทำร้าย ตนเห็นท่าไม่ดีจึงชักปืนลูกโม่ ขนาด .38 ออกมาขู่ โดยไม่ได้มีเจตนาที่จะยิง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้ามาดูเหตุการณ์ ต่างถอยหนีออกไป แต่ก็มีการ์ดคนหนึ่งได้ยินเรียกชื่อว่า
พี่สิงห์เดินเข้ามา ในมือถือระเบิดไม่ทราบชนิด บอกว่า งั้นเรามาตาย พร้อมกัน และอีกคนถือปืนยาวเดินเข้ามาหา เมื่อเห็นท่าไม่ดีตนจึงบอกยอมแล้ว พร้อมกับปลดลูกโม่เอากระสุนออก เพื่อจะวางปืน ปรากฏว่ามีคนใช้ไม้ฟาดที่ศีรษะตนจนสลบ จังหวะนั้นตำรวจที่ไปด้วยกันพยายามจะเข้าไปช่วยก็โดนรุมทำร้ายอีกคน และถูกกักตัวอยู่ 1 คืน ก่อนปล่อยตัวส่ง สน.ดุสิต

เหยื่อพันธมิตรฯกล่าวต่อว่า เมื่อฟื้นขึ้นมาพบว่า ทรัพย์สินติดตัวหายไป คือกล้องดิจิตอล 2 ตัว โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และปืน 1 กระบอก

ส่วนมือถูกรัดด้วยพลาสติกรัดสายไฟ แล้วใส่กุญแจมือซ้ำ ที่ศีรษะมีบาดแผลแตก ฝ่ายพันธมิตรฯเรียกพยาบาลมาช่วยปฐมพยาบาล แต่แผลลึกมากเย็บไม่ได้ จึงได้แต่ห้ามเลือดไว้จนกระทั่งเช้าวันที่ 8 ต.ค. มีแพทย์มาช่วยเย็บแผลไป 6 เข็ม จากนั้นให้นอนพักอยู่ในเต็นท์กลุ่มพันธมิตรฯที่ทราบข่าวต่างมุงเข้ามาดู และจะเข้ามาทำร้ายอีก แต่มีคนของกองทัพธรรมห้ามปรามไว้ แต่บางส่วนที่ห้ามไม่ได้ ก็เข้ามาทำร้ายอีก จนได้รับบาดเจ็บซ้ำที่ขาเป็นรอยช้ำบวม กระทั่งมีคนมาบอกว่าผู้ใหญ่ฝ่ายพันธมิตรฯให้ปล่อยตัวได้แล้ว โดยมีรถยนต์มารับที่เต็นท์ไปส่ง สน.ดุสิต ช่วงเวลา 12.00 น.

พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีความห่วงใยขนาดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังโดนกระทำขนาดนี้

บ้านเมืองมีกฎหมาย กฎกติกามารยาทต้องรักษาไว้ หากว่าไม่มีการรักษาให้ กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ บ้านเมืองคงอยู่ลำบาก รู้ตัวแล้วมีใครบ้าง จะดำเนินการแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง และต้องจับกุมตัวดำเนินคดีทันที แม้กระทั่งปืนที่ยึดไป กว่าจะติดต่อเอามาคืนก็ช่วงเย็นแล้ว อีกทั้งยังบังคับให้ตำรวจเซ็นยินยอมว่า จะไม่เอาเรื่องจึงจะยอมคืนปืนให้ เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น รู้สึกว่าบ้านเมืองนี้จะไปกันใหญ่แล้ว ทั้งนี้แกนนำยังติดอีก 2 ข้อหา หากตำรวจพบจับกุมได้ทันที

ส่วนเรื่องที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯจะเข้ามอบตัวนั้น คงต้องทำความเข้าใจเรื่องข้อหาก่อน

เพราะที่ได้ยินนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า ศาลอนุมัติหมายจับข้อหาบุกรุกเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อหาเพียงเล็กน้อย ความจริงศาลอนุมัติหมายจับตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่
นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่อแผ่นดิน โทษ 7 ปี และมาตรา 215 สมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โทษจำคุก 5 ปี ก็ยังมีผลอยู่ ไม่ถือว่าเป็นความผิดเล็กๆ ควรทำความเข้าใจก่อนที่จะเข้ามามอบตัว ถ้ายังไม่เข้าใจข้อกล่าวหาแล้วเข้ามอบตัวเดี๋ยวจะหลงข้อต่อสู้

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์