เทพเทือกส่งหนังสือแจงซาอุฯตั้งสมคิดพัวพันฆ่าอัลรูไวลี

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 10 กันยายน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

ได้เชิญพล.ต.ท. อาจิณ โชติวงศ์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.ก.ตร.) ในฐานะเลขานุการก.ตร. มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน กรณีก.ตร. มีมติแต่งตั้งพล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) หลังสถานเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์รวม 3 ฉบับ เพื่อแสดงความกังวลกรณีดังกล่าว เนื่องจากพล.ต.ท. สมคิดตกเป็นผู้ต้องหาในคดีการหายตัวของนายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2533


ทั้งนี้ นายสุเทพได้นำเอกสารสรุปข้อเท็จจริงกรณีการแต่งตั้งพล.ต.ท. สมคิด ซึ่งมีความยาว 5 หน้ากระดาษเอสี่ มาแจกจ่ายสื่อมวลชน โดยเป็นการสรุปสาระสำคัญในบันทึกคำชี้แจงที่นายสุเทพเตรียมส่งให้สถานทูตซาอุฯ

นอกจากนี้ ยังแนบสำเนาเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 5 ฉบับมาด้วย

ประกอบด้วย 1. หนังสือของสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ลงนามโดยนายปรีดี จุลเจิม หัวหน้าพนักงานอัยการ กองคดีอาญากรุงเทพใต้ อสส. ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2536 ซึ่งทำถึงสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เพื่อแจ้งว่าอสส. มีคำสั่งไม่ฟ้องพล.ต.ท. สมคิดในคดีดังกล่าว 2. หนังสือหารือการดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 ซึ่งพล.ต.อ. ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผบ.ตร. ทำถึงก.ตร.  3. หนังสือแจ้งมติคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจ (อ.ก.ตร.) กฎหมาย ซึ่งพล.ต.ต. เมธา ปิ่นนิกร ผู้ช่วยเลขานุการก.ตร. ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการก.ตร. ส่งถึงผบ.ตร. 4. พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และ 5. พ.ร.บ. ล้างมลทิน พ.ศ. 2550

พล.ต.ท. อาจิณได้ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่พล.ต.ท. สมคิดถูกตั้งข้อหาเมื่อปี 2536 แต่ต่อมาพนักงานสอบสวนและอสส. มีคำสั่งไม่ฟ้อง

เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้คดีถึงที่สุด และทำให้อธิบดีกรมตำรวจ (ในขณะนั้น) สั่งยุติการดำเนินการทางวินัยด้วยเช่นกันในปี 2541 แต่ต่อมาในปี 2552 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้ามารื้อคดีดังกล่าวเนื่องจากพบหลักฐานใหม่ จึงแจ้งข้อกล่าวหาพล.ต.ท. สมคิด ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ทำให้เกิดปัญหาว่าการดำเนินการทางวินัยกับพล.ต.ท. สมคิดจะทำได้หรือไม่อย่างไร สตช. จึงมอบหมายให้อ.ก.ตร. กฎหมายไปพิจารณาเรื่องนี้ โดยอ.ก.ตร. กฎหมายพิจารณาแล้วเห็นว่าการสั่งยุติเรื่องทางวินัยของพล.ต.ท. สมคิดก่อนวันที่พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 จะมีผลใช้บังคับ เข้ากรณีได้รับการล้างมลทินตามมาตรา 6 แห่งพ.ร.บ. ล้างมลทิน พ.ศ. 2550 สตช. จึงไม่สามารถดำเนินการทางวินัยแก่พล.ต.ท. สมคิดได้ แม้ปัจจุบันจะมีคดีคาอยู่ที่ศาลก็ตาม


ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่าพล.ต.ท. สมคิดต้องถูกสั่งพักราชการ หรือมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอผลการสอบสวนทางวินัย

ตามมาตรา 95 ของพ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.ท. อาจิณกล่าวว่า  เพราะข้อเท็จจริงปรากฏการดำเนินการทางวินัยของพล.ต.ท. สมคิดได้ยุติไปแล้ว อย่างไรก็ตามหากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด และสั่งลงโทษจำคุก หรือสูงกว่า ตามมาตรา 87 และมาตรา 90 ถือว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ต้องลงโทษไล่ออก หรือปลดออก โดยไม่มีสิทธิพิจารณาเป็นอื่น และไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนใหม่

เลขานุการก.ตร. กล่าวต่อไปว่า เมื่อพล.ต.ท. สมคิดไม่มีความผิดทางวินัย ก.ตร. จึงพิจารณาแต่งตั้งพล.ต.ท. สมคิดเป็นผช.ผบ.ตร.

เนื่องจากกฎก.ตร. กำหนดให้การพิจารณาแต่งตั้งผช.ผบ.ตร. พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโส ซึ่งพล.ต.ท. สมคิดอาวุโสเป็นลำดับที่ 2 จากผู้มีคุณสมบัติ 11 ราย ขอยืนยันว่ากรรมการก.ตร. ทุกคนมีอิสระ และมีมาตรฐานในการพิจารณาสูง และยืนยันว่าทุกอย่างได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้านนายสุเทพกล่าวว่า ได้ส่งหนังสือคำชี้แจงรัฐบาลซาอุฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศแปลเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา

เพื่อจัดส่งไปยังสถานเอกอัครราชทูตซาอุฯ ประจำประเทศไทยต่อไป ส่วนกรณีที่นายกฯ ยืนยันไม่ทบทวนคำสั่งแต่งตั้งพล.ต.ท. สมคิดจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุฯ อย่างไรนั้น เป็นเพราะก.ตร. ได้เรียนนายกฯ ว่ากระบวนการแต่งตั้งพล.ต.อ. สมคิดเป็นไปตามกฎหมายและกฎก.ตร. ทุกประการ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยต้องกราบเรียนผู้นำซาอุฯ ผ่านสถานทูตต่อไปเพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อไป การเอาความจริงมาพูดเป็นทางออกที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ เชื่อว่าทางซาอุฯ น่าจะเข้าใจ เพราะทุกประเทศต้องมีกฎหมายและกฎเกณฑ์ต้องปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ซาอุฯ ยังข้องใจที่ไทยไม่สามารถคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของนายอัลรูไวลีได้หลังผ่านมากว่า 20 ปี

และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการดำเนินการของก.ตร. จะไม่ผิดกฎหมายอีก เพราะอย่างกรณีการแต่งตั้งพล.ต.อ. วัชรพล ประสานราชกิจ เป็นรองผบ.ตร. ก็เพิ่งถูกศาลปกครองสั่งเพิกถอนคำสั่ง นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องความรู้สึกของผู้ติดตามเหตุการณ์ที่อาจยังสงสัยเป็นเรื่องที่ตนในฐานะฝ่ายการเมืองที่ต้องรับผิดชอบดูแลไป แต่ขอยืนยันกระบวนการแต่งตั้งพล.ต.ท. สมคิดเป็นไปตามกฎระเบียบที่ได้ยึดถือกันมาอย่างเคร่งครัด แม้การแต่งตั้งนั้นจะไม่ถูกใจ หรือขัดต่อความรู้สึกของบางคน แต่ก.ตร. จำเป็นต้องยึดตัวบทกฎหมายเป็นสำคัญ ส่วนกรณีที่พล.ต.ท. สมคิดทำหนังสือชี้แจงต่อผู้บังคับบัญชา โดยยกพ.ร.บ. ล้างมลทินปี 2550 มาอ้างนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ หากเห็นว่าอะไรกระทบสิทธิ ก็มีสิทธิชี้แจงและร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชา แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้บังคับบัญชาต้องเชื่อคำร้องเรียนทั้งหมด ซึ่งกรณีนี้อ.ก.ตร. กฎหมายให้ความเห็นว่าการดำเนินคดีทางวินัยของพล.ต.ท. สมคิดจบไปแล้ว วันนี้จะรื้อฟื้นมาดำเนินคดีในกรณีเดียวกันไม่ได้

เมื่อถามว่า ถ้ามองในมุมว่าพล.ต.อ. สมคิดควรออกไปต่อสู้คดีที่ศาลรับฟ้องก่อน หากศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดค่อยกลับเข้ารับราชการใหม่จะได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า “ได้ครับ ถ้าคุณสมคิดตัดสินใจว่าจะขอลาออกจากราชการ ก็เป็นเรื่องที่คุณสมคิดทำได้ แต่กรณีนี้เขาต้องการปกป้องสิทธิของตนตามกฎหมาย ก.ตร. ก็ต้องพิจารณาตามกฎหมายและกฎก.ตร. ที่กำหนดเอาไว้”


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์