เติ้งแขวะบางพรรคระแวงทหาร เพราะเคยใช้งานเอง

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย แถลงข่าวภายหลังการประชุมพรรคว่า

ต่อจากนี้หากนับถอยหลังเหลือเวลาอีกไม่ถึง 30 วัน ก็จะมีการเลือกตั้ง ส่วนสถานการณ์ในการเลือกตั้งขณะนี้ยังไม่รุนแรง เพราะพึ่งเริ่มต้นยังสบาย แต่คาดว่าจะรุนแรงในเดือนธันวาคม แต่อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งครั้งนี้ แตกต่างจากปี 2544 และปี 2548 เพราะมีป้ายโฆษณาหาเสียงน้อยลง ดูเป็นระเบียบมากขึ้น เพราะมีการกำหนดให้มีการติดป้ายหาเสียงได้ตามจุดเท่านั้น ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในพรรค ซึ่งถือว่าเป็นจุดดี แต่มีประเด็นปัญหา และลำบากใจอยู่นิดหนึ่ง ตรงที่ค่าใช้จ่ายของหัวหน้าพรรคจะนำไปลงในค่าใช้จ่ายของเขต หรือสัดส่วน เพราะได้ไปให้ปราศรัยให้ผู้สมัครเขตและสัดส่วน นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายของผู้ติดตาม จะคิดเป็นค่าแรงตามกระทรวงแรงงานกำหนดหรือไม่ ซึ่งตนได้ให้ฝ่ายบัญชีของพรรคไปสอบถาม กกต.เพื่อความชัดเจน

เมื่อถามว่า ที่รุนแรงหมายถึงยังไม่มีการใช้เงินหาเสียงในแต่ละพื้นที่ใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า

การใช้เงินซื้อเสียงมีบ้าง และคงประปราย แต่จะมีใช้บางหรือเปล่าไม่รู้ ซึ่งหลังจากที่มีรัฐบาลแล้ว ตนอยากให้แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ในเรื่องระบบเลือกตั้ง ควรกลับไปใช้แบบเขตเดียวเบอร์เดียวแบบเดิมจะดีกว่า ทั้งค่าใช้จ่ายและพื้นที่ก็น้อยลง ผู้สมัครก็ไม่เหนื่อย อยากให้ผู้ที่เริ่มคิดระบบเลือกตั้ง โดยเฉพาะนักวิชาการที่เอาความคิดของตัวเอง บรรทัดฐาน ไปศึกษาข้อเท็จจริงที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นไปได้หรือไม่


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกระแสข่าวว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะยื่นใบลาออกจากพรรค นายบรรหารกล่าวว่า

ไม่รู้เรื่องเลย และไม่ทราบเรื่อง คงจะมอบหมายให้นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค ตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนตนไม่สนใจและไม่มีความเห็นต่อข้อถามว่า มีบางพรรคการเมืองออกมาระบุว่า ถูกทหารออกมาสกัดกั้น หรือกดดันในภาคอีสาน และภาคเหนือ ในส่วนของพรรคชาติไทยมีหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า เท่าที่ฟังไม่มี วันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทหารด้วย “ ผมว่าเรื่องนี้ต้องไปดูว่าทำอะไรไว้บ้าง เก่าๆเคยมีการใช้อำนาจอะไรหรือไม่ ตอนนี้ก็เลยเกิดความหวาดระแวง โดยเฉพาะเมื่อปี 2548 คงต้องไปถาม พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนืออยู่ด้วย” นายบรรหารกล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า โพลล์ที่ออกมาจะมีผลกระทบต่อการหาเสียงของพรรคหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า

โพลล์ที่ออกมากันเอิกเกริกตอนนี้ เพราะมาจากตำรวจสันติบาลไม่รู้ว่า ออกมาได้อย่างไร ในลักษณะแบบนั้น ทั้งชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ซึ่งตนเห็นด้วยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมากำชับแล้วว่าโพลล์ที่ทำต้องเป็นความลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ยอมรับว่าโพลล์ต่าง ๆที่ออกมา ทำให้บางพรรคมีผลกระทบเหมือนกัน บางพรรคก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนี้ไปได้ อย่างโพลล์ตำรวจที่ออกมา บางพรรคได้เยอะแยะ เขาก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะต่างคนก็ต่างมีโพลล์ตัวเองเหมือนกัน ถ้าทำมาก็เป็นความลับต้องรู้ภายในเฉพาะเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามคงไม่ส่งให้กกต.ตรวจสอบโพลต่าง ๆ


“ ผมก็มีการสำรวจทุกภาค และเจาะบางจังหวัด ส่วนโพลล์จากที่อื่นก็นำมาเป็น ส่วนประกอบในการพิจารณาเท่านั้นเอง และโพลต่าง ๆที่ออกมาขณะนี้ยังเปลี่ยนแปลงได้อีกโดยการเปรียบเทียบผู้สมัครตัวต่อตัวเชื่อว่าพรรคที่ได้อันดับ 1 และ 2 เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคพลังประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่แน่พรรคประชาธิปัตย์อาจจะได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ก็ได้ ขณะนี้พรรคชาติไทยจะได้อันดับ 4 ไม่เชื่อว่าจะได้อันดับ 3 ตามผลโพลล์ แต่ก็ไม่วิตกที่พรรคชาติไทยไม่ติดอันดับ 1 หรือ 2 เพราะที่ผ่านมาพรรคชาติไทยก็ตามหลังมาตลอดอยู่แล้ว ตอนนี้พรรคชาติไทยก็พยายามรักษาชีวิตเท่านั้นเอง ”นายบรรหาร กล่าว


นายบรรหาร กล่าวต่อว่า พรรคชาติไทยคงไม่ได้เป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล

ใครจะเป็นรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่พรรคชาติไทย แต่ขึ้นอยู่กับที่ความสามารถ บุคลากร และผู้ประสาน ว่าใครจะเกลี่ยกล่อมได้ดีกว่ากัน สมัยก่อน 5-6 พรรคจัดรัฐบาลถึง 7 วัน 7 คืน กว่าจะสำเร็จเมื่อถามว่า หากพรรคที่ได้อันดับ 1 และ 2 ไม่มีความสามารถในการจัดตั้งรัฐบาล จะลงไปดำเนินการเองหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็นผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าการสับหลีกบางพื้นที่ในภาคอีสาน นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงเพราะเราส่งเฉพาะพื้นที่หวังผล และจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ไม่มีการสับหลีกให้กับพรรคใด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อแผ่นดิน ประชาธิปัตย์ หรือพรรคการเมืองอื่น ๆ เช่น จังหวัดอุบลราชธานี นครสวรรค์ และชัยภูมิ จะต้องต่อสู้กันเต็มที่ ซึ่งก็เป็นอย่างนี้มาตลอด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบรรหาร ได้กล่าวถึงอาการท้องเสียว่า สาเหตุมาจากการการที่ตนกินขนุน ระหว่างที่ไปหาเสียงที่ตลาดภาษีเจริญ

ซึ่งเห็นขนุนน่าทาน ก็เลยซื้อมากิน แต่มือสกปรกคงทำให้เกิดอาการท้องเสีย เพราะเมื่อวานไม่ได้กินอะไรเลย ระหว่างการเดินทางจากกรุงเทพฯไปนครสวรรค์ แวะเข้าห้องน้ำ 8 หน และยังไปเข้าที่นครสวรรค์ 6 หน รวมเป็น 14 หน จึงได้ไปพบแพทย์เพื่อขอยาไปรับประทาน ซึ่งวันนี้ก็หยุดถ่ายแล้ว อาการดีขึ้น ในขณะที่นายบรรหารกล่าวก็ได้แสดงท่าทางว่า ตนเองแข็งแรงดี โดยกำปั้น 2 ข้าง และชกลมเพื่อโชว์ความแข็งแรง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์