เตรียมประกาศกระทรวงทรัพย์ฯ ให้โครงการเข้าข่ายม.67ทำรายงานสิ่งแวดล้อมพ่วงรายงานสุขภาพ


กก.สิ่งแวดล้อมเตรียมประกาศกระทรวงทรัพยฯมีผลสัปดาห์หน้า บังคับโครงการเข้าข่ายม.67ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมรับฟังความคิดเห็นคนในพื้นที่ เผยโครงการบีโอไอเจอเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกว่า 4 พันล้าน

นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ออกเป็นประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยจะออกหนังสือเวียนให้ทุกฝ่ายเห็นชอบก่อนที่นายกฯจะลงนาม คาดว่าจะประกาศใช้ในสัปดาห์หน้า ประกาศดังกล่าวจะกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการทำอีไอเอ หากโครงการใดที่เข้าข่ายตามมาตรา 67 จะต้องทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และหากอยู่ในพื้นที่อ่อนไหวก็จะต้องทำรายงานผลกระทบต่อสุขภาพ (เอชไอเอ)ด้วย


นายสรยุทธกล่าวว่า รายละเอียดเกี่ยวกับการทำอีไอเอและเอชไอเอ จะออกเป็นเอกสารแนบท้ายประกาศโดยอ้างอิงกับ พ.ร.บ.สุขภาพตาม มาตรา 25 นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของคนในชุมชนแยกต่างหาก ตามแนวทางที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กำหนด และให้รับฟังความเห็นจากองค์กรอิสระเพื่อประกอบความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯ จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจจะอนุญาตให้ดำเนินกิจการต่อไป


"การจัดตั้งองค์กรอิสระจะเปิดกว้าง โดยไม่กำหนดให้มีการจดทะเบียนแต่จะเป็นรูปแบบการจดแจ้ง คือเปิดให้บุคคลที่มีความรู้และมีความสนใจที่จะร่วมแสดงความเห็น เพื่อความเป็นอิสระ ส่วนการพิจารณาให้ความเห็นโครงการจากเดิมภายใน 90 วัน จะลดเหลือเพียง 45 วัน"


นายสรยุทธกล่าว และว่า หลังจากนี้โครงการใหม่จะเข้ากระบวนการดังกล่าวทันที ส่วน 76 โครงการที่อยู่ในพื้นที่มาบตาพุดนั้นจะต้องรอคำตัดสินของศาลปกครองก่อน


วันเดียวกัน ที่บริเวณหน้า เทสโก้ โลตัส สาขามาบตาพุด อ.เมืองระยอง กลุ่มระยองสมานฉันท์ นำโดยนายสุทธา เหมสถล เปิดศูนย์รวบรวมแบบสอบถาม โดยใช้รถยนต์ 20 คัน วิ่งรณรงค์เรียกร้องให้ชาวบ้านในพื้นที่ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ คือ ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา ต.เนินพระ และ ต.ทับมา อ.เมืองระยอง กรอกรายละเอียดแบบสอบถาม พร้อมแสดงความคิดเห็นกรณีการระงับ 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมาบตาพุดชั่วคราว


นายสุทธากล่าวว่า มีประชาชนตอบแบบสอบถามแล้ว 4,000-5,000 คน คาดว่า อีก 2 วันคงได้รายชื่อแบบสอบถามทั้งหมด 10,000 ชุด ซึ่งมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จากนั้นจะยื่นเสนอนนายกฯและประธานวุฒิสภา เพื่อดำเนินการต่อไป


นายอิทธิพล แจ่มแจ้ง แกนนำกลุ่มระยองสมานฉันท์ กล่าวว่า คนมาบตาพุดอยู่ร่วมกับโรงงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดมากว่า 25 ปี ก็อยู่กันได้ หากมีปัญหามลพิษจริงคงอยู่กันไม่ได้ แต่สังคมภายนอกคิดว่าคนมาบตาพุดไม่เอาอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ วันนี้คนมาบตาพุดเริ่มตื่นตัวที่จะบอกกับสังคมภายนอกว่าคนมาบตาพุดต้องการโรงงาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากปัญหาเรื่องมลพิษที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน ยังมีปัญหาการตีความเรื่องภาษีนิติบุคคลที่ไม่ตรงกันระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กับกรมสรรพากร โดยที่ผ่านมาบีโอไอกำหนดแนวปฏิบัติว่าถ้ามีหลายโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน พร้อมกันของผู้ประกอบการรายเดียวกัน หากโครงการหนึ่งมีกำไร แต่อีกโครงการขาดทุนในช่วงปีเดียวกัน ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องนำผลขาดทุนโครงการหนึ่งไปหักออกจากกำไรของอีกโครงการ เนื่องจากกำไรสุทธิของโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งจำนวน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กรมสรรพากรมีความเห็นว่า การคำนวณผลขาดทุนประจำปีของผู้ได้รับส่งเสริมการลงทุนมากกว่า 1 โครงการ จะต้องนำผลขาดทุนในระหว่างที่ได้รับยกเว้นภาษีมาหักกลบกับผลกำไรที่เกิดขึ้นกับทุกโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนในรอบบัญชีเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลขาดทุนประจำปี ดังนั้น จึงได้เรียกเก็บภาษีจากผู้ประกอบการย้อนหลัง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติถูกประเมินภาษีย้อนหลังพร้อมดอกเบี้ยปรับกว่า 100 ราย วงเงิน 4,000 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยภาษี แต่คณะกรรมการวินิจฉัยให้เป็นไปตามประมวลรัษฎากร บริษัทเหล่านั้นจึงต้องเสียค่าปรับ แต่มีบริษัทขนาดใหญ่หลายรายที่อุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรอีกครั้ง เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี ซึ่งถูกเรียกภาษีประมาณ 100 ล้านบาท


นางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางบีโอไอส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ซึ่งมีความเห็นว่า พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอเป็นกฎหมายพิเศษ จึงไม่สามารถเก็บภาษีรูปแบบกำไรขาดทุนประจำปีได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหลายบริษัทอยู่ระหว่างอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากร ซึ่งบีโอไอจะติดตามเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป


"จากคำสั่งศาลปกครองกลางที่สั่งระงับ 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุดส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่แล้ว ซึ่งบีโอไอได้อธิบายเพื่อทำความเข้าใจกับนักลงทุนแล้ว แต่เมื่อเกิดกรณีการเก็บภาษีของกรมสรรพากรลักษณะบัญชีรวม ซึ่งไม่ตรงกับรูปแบบภาษีของบีโอไอ หากผู้ประกอบการต้องจ่ายภาษีย้อนหลังจริง จะทำให้ความเชื่อมั่นของไทยลดลงไปอีก" นางอรรชกากล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์