เชษฐาไม่การันตี

“บิ๊กเหวียง” ไม่มั่นใจคนประกาศหยุดยิงเป็นหัวหน้าโจรใต้ตัวจริง ยันทำดีที่สุดแล้ว พร้อมรับผิดชอบหากถูกหลอก  ประกาศลั่นไม่รับตำแหน่งรมต.  แต่ทำหวังแก้อาย หลังเป็น ผบ.ทบ.- รมว.กลาโหม แล้วดับไฟใต้ไม่ได้


วันนี้ (17 ก.ค.) พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังจากที่กลุ่มใต้ดินภาคใต้ประกาศหยุดปฏิบัติการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ว่า จากคำแถลงการณ์จะเห็นถึงความต้องการของเขาในการยุติการปฏิบัติการและอยากเห็นความสงบสุขให้เกิดขึ้นในจังหวัดภาคใต้ของไทย โดยมีการระบุถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเขาถือว่าเขามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกับเรา เพราะจากเหตุการณ์ความรุนแรงตั้งแต่เดือนม.ค.2547 จนถึงบัดนี้เราสูญเสียชีวิตคนของเราไปกว่า 3,200 คน ยังไม่รวมที่บาดเจ็บและโอกาสการทำมาหากิน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่เขาเสนอมา เราจึงควรตอบรับด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งและขอให้กลุ่มดังกล่าวควบคุมบังคับบัญชาให้ดีจริง ๆ เราจะรอพิสูจน์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยหากยังมีการก่อเหตุตนก็ต้องกดดันต่อว่าไป ซึ่งเขาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหัวหน้าตัวจริง 
 
พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ในการเจรจาตนดำเนินการร่วมกับทีมงานทำอยู่ 4 ปีครึ่ง โดยได้ทำอย่างเข้มข้นจริง ๆ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ โดยกลุ่มที่ออกมาประกาศเขายืนยันว่าเป็นตัวจริง ซึ่งเรามีตัวกลางที่เชื่อถือได้ยืนยันอย่างหนักแน่น เราจึงมั่นใจ เขาคงจะเบื่อและไม่อยากเห็นการสูญเสียเกิดขึ้นอีก แต่เมื่อเขายืนยันว่าเป็นหัวหน้าเขาต้องพิสูจน์ตัวเองด้วย อย่างไรก็ตามตนขอปิดชื่อของหัวหน้ากลุ่มดังกล่าวและการดำเนินการติดต่อประสานงานไว้ก่อน แต่ยืนยันได้ว่าบุคคลที่ออกมาแถลงเป็นหัวหน้ากลุ่มรวมทั้งหมด 11 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่เราทราบกันอยู่ และหากพบว่าการดำเนินการเป็นไปตามเจตนารมณ์จริง ๆ ก็อาจจะมีการแถลงข่าวต่อไปโดยที่อาจจะมีการนำหัวหน้ามาร่วมแถลงด้วยก็ได้
 


ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะโดนเขาหลอกหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า “ผมได้ทำอย่างเต็มที่และดีที่สุด และมาออกในจังหวะนี้ ได้แค่นี้ผมจะขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียว

หากหน้าแตกผมก็จะขอหน้าแตกคนเดียว  และการดำเนินการของผมทำในนามกึ่งราชการแบบใต้ดิน เนื่องจากเคยเป็นผบ.ทบ.และรมว.กลาโหม ที่รับผิดชอบเรื่องนี้มาก่อน เมื่อไม่ประสบความสำเร็จก็รู้สึกเสียหน้า เสียใจ และละอายใจ ที่ไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้  และถ้าหากทำในนามรัฐบาลก็จะติดต่อไม่ได้ เนื่องจากต้องติดต่อผ่านตัวกลางหลายช่วง โดยทางประเทศมาเลเซีย ประเทศที่เป็นกลาง ทั้งในสหภาพยุโรปและที่อื่นก็ได้มีบทบาทด้วย และเหตุการณ์หลังจากนี้เชื่อได้ว่ากลุ่มประเทศต่างๆคงจะไม่เข้ามาแทรกแซงการแก้ปัญหาของไทย แต่ถ้าจะเข้ามาแทรกแซงก็คงเป็นไปในทางที่ดี เพื่อให้เกิดสันติภาพและความสงบสุข
 
พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า จากนี้ไปตนจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบโดยผ่านผบ.ทบ.ในฐานะเป็นรองผอ.กอ.รมน.

เนื่องจากในระหว่างที่ตนดำเนินการเรื่องนี้ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบเพราะเป็นเรื่องลับ แต่เมื่อผลออกมาแล้วจะเรียนให้ทราบ  ผู้สื่อข่าวถามว่าทางทหารได้รับทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า รู้กันอยู่ในทีอยู่แล้ว แต่ตนต้องออกมารับผิดชอบก่อน เพราะถ้าทำอะไรแล้วเกิดไม่ดีหรือเสียหาย ทางราชการจะเสียหายไม่ได้
ตนไม่อยากให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งต้องมาเดือดร้อนด้วย
 
“การทำงานครั้งนี้ ผมไม่ได้หวังที่จะให้เป็นผลงานเพื่อรับตำแหน่งในการปรับครม. ผมจะไม่รับตำแหน่งใด ๆทั้งสิ้นเพื่อตัดปัญหา ผมทำโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร แต่ทำด้วยความสำนึกผิด ซึ่งถือว่าดีที่สุดแล้วแต่จะให้ยืนยันว่าเป็นตัวจริง100%  ผมไม่สามารถยืนยันได้ แต่ผมกล้าที่จะรับผิดชอบ ทั้งนี้ผมเองก็กลัวถูกหลอกเหมือนกัน 100%  ซึ่งก่อนที่เขาจะออกมาประกาศผมก็ตัดสินใจอยู่นานแต่เมื่อมีการยืนยันกันหนักแน่น ผมจึงได้ตัดสินใจตามนี้ และการออกมาประกาศของเขาเพราะเขาต้องการบอกกับลูกน้องผ่านทีวี โดยเป็นทั้งภาษามาเลเซียและไทย  เพื่อจะได้เข้าไปมาเลเซียอย่างทั่วถึง  ยืนยันได้ว่าการดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการยกระดับของกลุ่มดังกล่าวเพราะผมไม่ได้ทำในนามราชการ”
พล.อ.เชษฐา กล่าว
 
เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยว่าเพราะเหตุใดกลุ่มดังกล่าวจึงละทิ้งอุดมการณ์ง่ายๆ  พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า  อุดมการณ์ของเขาคืออยากเห็นความสงบสุข
 
เพราะเขาก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง เราจึงควรมองลึกๆว่าการออกมาปฏิบัติการของเขามาจากอะไร อาจมาจากความเจ็บช้ำน้ำใจในเรื่องศาลนา และวัฒนธรรมที่เป็นตัวแปรที่สำคัญ แต่เมื่อเขาเห็นว่าหน่วยงานรัฐไม่เห็นด้วยกับการกระทำไม่ดีกับคนภาคใต้เขาจึงเปลี่ยนใจ
 
พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ในส่วนของการเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา ที่ต้องมีการจับกุมต่อไปถือเป็นเรื่องของรัฐบาลไม่เกี่ยวกับตน 

อย่างไรก็ตามหากมีเหตุการณ์ในช่วง 30 วัน ก็ต้องขอตัดเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสงบเช่น คดีอาญา การขนยาเสพติด การทะเลาะกัน หรือการยิงกันเอง ส่วนที่มีการระบุว่าหน่วยความมั่นคงของไทยไม่มีใครรู้เรื่องนี้นั้นก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วที่เขาไม่รู้เพราะ 4 ปีครึ่งที่ดำเนินการมาเรายังไม่รู้เลยว่าบุคคลไหนอยู่ที่ไหน แต่ตอนนี้แม้จะไม่มั่นใจ100 % แต่ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว และการที่ทางทหารระบุไม่รู้จักบุคคลที่ออกมาประกาศนั้น ตนก็ควานหาตัวมา 4-5 ปี ก็ยังไม่รู้ว่าเขาคือใคร

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์