เฉลิมพร้อมลุยกม.ปรองดองหากพท.สั่ง

วันที่ 17 เม.ย.55 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าอาจจะได้กลับประเทศไทยในปี 2555 เพราะเป็นปีมหามงคลของประเทศไทย ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะมีการขออภัยโทษ ว่า ไม่ใช่อย่างนั้น คตส.นั้นคนรู้กันทั้งโลกว่าเป็นการตั้งศัตรูของท่านมาดำเนินการ ซึ่งถ้าหากในช่วงนั้นไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แต่ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ดำเนินการ กลุ่มที่ออกมาก็อาจจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นเมื่อตั้งต้นมาไม่ถูกผลที่ออกมาก็ไม่ถูก แต่ทำไมฝ่ายค้านถึงชอบเหลือเกิน ทั้งนั้นหากไม่มีการตั้งคตส.ขึ้นมาก็พอที่จะรับได้ อีกทั้งพล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน ก็ยังรู้สึกตัวแล้วว่าทำไม่ถูกและไม่ชอบ แต่ฝ่ายประชาธิปัตย์ก็คงยึดมั่นถือมั่น ถึงได้แพ้การเลือกตั้งมาราบคาบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการส่งสัญญาณถึงพรรคเพื่อไทยเพื่อให้เร่งเดินหน้าหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับมาประเทศไทยตั้งแต่ปี 2550 และตนก็ได้ปราศรัยตั้งแต่ปี 2552 ว่าอยากให้เดินทางกลับบ้าน เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ตอนนั้นไม่มีใครกล้าพูดมีตนพูดอยู่คนเดียว คนอื่นกลัวกันหัวหดแต่วันนี้คึกกันใหญ่ เวลาตนคิดก็ถูกกระแนะกะแหน ยืนยันว่าต้องเสนอเป็นพรบ.ปรองดองเท่านั้นและให้สภาตัดสิน แต่การเขียนต้องไม่ระบุตัวบุคคลและรายละเอียด แต่ต้องเป็นภาพรวมที่ทุกภาคส่วนได้รับความเป็นธรรม

เมื่อถามว่า การออกพรบ. ปรองดองจะต่างกับการนิรโทษกรรมอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นิรโทษกรรมแปลว่ามีโทษและยกโทษให้ ซึ่งตนไม่เห็นด้วย ซึ่งจะออกเป็นพรก.ก็ไม่ได้ เพราะต้องฉุกเฉินเร่งด่วน แต่พวกช่างพูดตอนนี้เก่งกันเยอะ เมื่อก่อนไม่เห็นออกมาพูด อย่างไรก็ตามตนยังไม่ได้รับสัญญาณจากใคร เพียงแต่คิดในฐานะของนักกฎหมาย ซึ่งวันนี้ส.ส.ก็เข้าแถวกันยาวเหยียดพร้อมจะลงชื่อสนับสนุน เพราะส.ส.อีสานและเหนือ ถ้าใครไม่เซ็นชื่อแล้วจะไปหาเสียงได้อย่างไร ดังนั้นถ้าวันนี้พรรคยังไม่มอบหมายตน ก็จะพูดอะไรไม่ได้ เพียงแต่ยืนยันว่าตนพร้อมและได้ร่างไว้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังสามารถเสนอได้อย่างสง่างามด้วย

ส่วนในมุมมองทางกฎหมายนั้น หากมีการล้มคดีแล้วเริ่มกระบวนยุติธรรมใหม่สามารถทำได้หรือไม่ ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวว่า พวกเลอะเทอะการดำเนินคดีซ้ำสองนั้นไม่สามารถทำได้ ถ้ามีการดำเนินคดีไปแล้วจะดำเนินคดีในความผิดเดิมอีกไม่ได้ อย่าพูดให้สังคมสับสน ยืนยันว่าถ้ามอบหมายให้ตนดำเนินการไม่จำเป็นต้อเป็นมติพรรคแค่โทรศัพท์มาบอกว่าเฉลิมจัดการให้หน่อย เฉลิมก็พร้อมจัดให้

ลงพท.อีสานตรวจเส้นทางยาเสพติด

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงการขนย้ายยาเสพติดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาว่า มีไม่มากนักเพราะเรารู้ข่าวก่อนและสกัดได้ การแก้ปัญหาถือว่าดีขึ้นมาก ตนได้เชิญอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)มาพบและได้บอกไปว่า อย่าลังเลกับเรื่องสารซูโดอีเฟดรีน ถ้าผิดให้จับกุมได้ทันที ซึ่งผู้ต้องหามี 2 - 3 ระดับ ถ้าเป็นข้าราชการก็ต้องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ปปท.)สอบ แต่ถ้าไม่ใช่ข้าราชการดีเอสไอก็ดำเนินการไป ถ้าสกัดสารซูโดอีเฟดรีนได้ก็ถือว่าได้ชัยชนะครึ่งหนึ่ง

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นได้รับมอบหมายในเรื่องนี้ก็ได้เน้นใน 2 เรื่องคือ ตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งได้ให้ตรึงลวดหนามกั้น และส่งกองกำลังผาเมืองไปเสริม รวมทั้งเอาตำรวจตระเวนชายแดนไปตรวจลำนํ้าซึ่งสกัดได้ส่วนหนึ่ง และการสกัดสารตั้งต้น ถ้าทำใน 2 ส่วนนี้ได้ก็ถือเป็นโชคดีของประเทศ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างวันที่ 27-30 เม.ย.ตนจะลงพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพราะบางส่วนมีการขนย้ายมาจากภาคอีสานด้วย จึงต้องไปจัดระบบใหม่จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้