เฉลิมดันแก้กม.ให้ประหารนักโทษค้ายาภายใน 60 วัน

เฉลิมดันแก้กม.ให้ประหารนักโทษค้ายาภายใน 60 วัน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
 
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ผอ.ศพส.) เป็นประธานในการประชุมเพื่อสรุปผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ “พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ระยะที่ 1 (11 กันยายน 2554-31 มกราคม 2555) พร้อมกำหนดแนวทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในระยะที่ 2  โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า จากการวางยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธี  ตามพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด

ขณะนี้การนำเข้ายาเสพติดมีน้อยลงเนื่องจากเราปิดชายแดนและสกัดสารตั้งต้น รณรงค์ป้องกันปราบปรามและบำบัดรักษา ซึ่งถือว่าผลจากภารกิจที่ได้ค่อนข้างพึงพอใจและประสบผลสำเร็จ แต่ยังมียาเสพติดส่วนหนึ่งที่ตกค้างอยู่ โดยเราต้องรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น เน้นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำงานร่วมกับผู้บังคับการจังหวัด ส่วนนายอำเภอทำงานกับผู้กำกับ ให้ผู้ว่าฯและผู้การลงไปร่วมมือกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน แบ่งอำเภอ-ตำบล เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเราจะดำเนินการเชิงรุก ปิดสกัดกั้นชายแดน ทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน ปลุกพี่น้องประชาชนขึ้นมารับผิดชอบด้วยกัน ยกระดับการแก้ปัญหายาเสพติดจากวาระแห่งชาติเป็นวาระภูมิภาค  ใช้ยุทธการความร่วมมือระหว่าง 2 ฝั่งลำน้ำโขง ได้แก่ประเทศ จีน พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย ซึ่งมีสถานการณ์ปัญหายาเสพติดเชื่อมโยงกัน โดยให้คณะรัฐมนตรีอนุมัตินำเจ้าหน้าที่ผู้มีประสบการณ์ด้านการข่าวยาเสพติดไปอยู่ในภูมิภาคและในอีกหลายประเทศเพื่อทำการปราบปราม

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า ส่วนนักโทษคดียาเสพติดที่อยู่ในเรือนจำจะเน้นให้เจ้าหน้าที่ดูแลเป็นพิเศษ
 
โดยเฉพาะนักโทษคดียาเสพติดที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิตแล้ว ซึ่งตนจะแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้มีสิทธิยื่นฎีกา และให้ทำการประหารโดยเร็วที่สุดภายใน 60 วัน ในส่วนเฉพาะนักโทษคดียาเสพติดเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคดีอื่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างให้กฤษฎีกายกร่างตรวจสอบ นอกจากนี้อาจจะทำเป็นกรณีศึกษาสร้างเรือนจำความมั่นคงสูงโดยทำรั้วเป็น 2 ชั้น เพื่อป้องกันโยนยาเสพติดเข้าไปภายในเรือนจำและตัดวงจรการค้ายาเสพติด ซึ่งหากได้ผลก็จะใช้เป็นกรณีศึกษาสร้างคุกอื่นๆ ต่อไป รวมทั้งอาจจะดำเนินการเชิงรุกให้ต่างประเทศลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ประสานขอซื้อพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า ทำพื้นที่การเกษตรให้ประชาชนมีรายได้เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น จะได้ไม่ไปผลิตยาเสพติด ขณะเดียวกันก็ทำการบำบัดควบคู่ขนานกันไป ซึ่งจากรายงานพบว่าขณะนี้มีผู้เข้ามาบำบัดแล้ว 1.2 แสนคน จากที่ตั้งเป้าไว้ทั้งหมด 4 แสนคน


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์