“เฉลิม”ชี้ประชามติผ่านเป็นเรื่องยาก

วันนี้ ( 18 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
 
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ลาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไม่อยากแสดงความคิดเห็นในการพิจารณาแนวทางการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 291 เพื่อจะได้ไม่ต้องมีความเห็นอยู่ในบันทึกการประชุม ว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ตนไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย แต่เป็นเพราะไม่สบาย โดยมีอาการไอและเจ็บคอมานาน 2 สัปดาห์แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมีความเห็นหรือมติอย่างไร ตนก็ต้องเห็นคล้อยตาม

แต่ตนพูดถึงในแง่ของความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ โดยตนดูตัวเลขแล้วเห็นว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดมีประมาณ 48.3 ล้านคน จึงต้องได้คะแนนเสียงในการลงประชามติประมาณ 24 ล้านคนเศษ ซึ่งตนในฐานะที่เล่นการเมืองมา 30 ปี เห็นว่านี่เป็นเรื่องยาก การเอาอกเอาใจกันนั้นก็ทำได้แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง แต่ตนอยากถามว่าจะเอาคะแนนจำนวนมากนี้มาจากที่ไหน เพราะมันเป็นเรื่องยาก เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ฟันธงแล้วว่าไม่เอาด้วย ดังนั้นเรื่องนี้ต้องอยู่ที่การรณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชน แต่ตนไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้เลย และสุดท้ายตนก็ต้องเหนื่อยด้วย เพราะเคยประกาศแล้วว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องไปเปิดเวทีปราศรัยตามจังหวัดต่างๆในภาคอีสาน

เมื่อถามว่าแสดงว่าการที่หลายคนในพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ล้มการประชามติ จะมีผลต่อเรื่องของคะแนนเสียงในการลงประชามติ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ไม่ เขาอนุรักษ์รัฐธรรมนูญที่มาจากการปฏิวัติ ก็ว่ากันไป เลือกตั้งรอบหน้าเขาก็แพ้เยอะกว่านี้”


“เฉลิม”ชี้ประชามติผ่านเป็นเรื่องยาก

เมื่อถามถึงการตีความประเด็นจำนวนคะแนนเสียงตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั่วประเทศ อย่าไปแปลเป็นอย่างอื่นเลย และอย่าไปสับสน แต่ถ้าต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิ์ ก็ชนะได้ล้านเปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ตนได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้มาเป็นระยะๆมาตั้งแต่ต้น 

เมื่อถามต่อว่าแต่รัฐมนตรีและสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคนตีความว่าต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิ์

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ไปตีอะไร ตีระนาดหละสิ”  เมื่อถามย้ำว่านายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ระบุว่าถ้าได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิ์ในวันลงประชามติ คือประมาณ 11.5 ล้านเสียง ก็ถือว่าผ่านแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวตัดบทว่า “ไม่เอา เดี๋ยวทะเลาะกัน แต่ผมฟันธงว่าต้องเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั่วประเทศ”

ต่อข้อถามว่าสามารถแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้หรือไม่
 
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่แสดงความคิดเห็น เดี๋ยวถูกตำหนิ  เมื่อถามว่าแสดงว่าคนในรัฐบาลยังมีมุมมองที่แตกต่างกันในการตีความเรื่องนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “สุดท้ายถ้าไปเอาตามที่เขาคิด เดี๋ยวก็มีคนไปส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญอีก ก็เรียบร้อยโรงเรียนจีน”

เมื่อถามว่าถ้าสุดท้ายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ผ่านการลงประชามติ รัฐบาลก็ถือว่าได้รับความเสียหาย แล้วจะทำอย่างไร

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ไม่เสีย รัฐบาลก็ตั้งใจ ท่านนายกรัฐนตรีบอกไปแล้ว ไปคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว” เมื่อถามต่อว่าหมายความว่าสามารถไปดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ไม่เอา ไม่เอา ผมไม่พูด เดี๋ยวแตกแยกกัน”.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์