เจ๊หน่อยปัดจับมือบิ๊กทหารตั้งพรรคการเมือง

“คุณหญิงสุดารัตน์” ปฏิเสธข่าวเตรียมตั้งพรรคการเมืองร่วมกับทหาร ยืนยันไม่มีความคิดนี้ แต่รับจับกลุ่มบ้านเลขที่ 111 สร้างประโยชน์ให้ส่วนรวม


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ปฏิเสธข่าวเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองร่วมกับทหาร

ยืนยันไม่เคยมีแนวคิดนี้ เพราะยังติดโทษที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำอีก 2 ปี  (ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี จากการยุบพรรคไทยรักไทย) ข่าวที่ออกมามีทั้งผู้หวังดีและหวังร้าย ดังนั้น ต้องการให้มองว่าใครได้ประโยชน์จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จากการออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะทหารกับการเมือง ไม่ใช่บทบาทของประเทศระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น ขอเรียกร้องให้กองทัพกลับเข้าสู่ที่ตั้งเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายดีกว่า


“ขอยืนยันว่า ไม่มีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ยอมรับว่า ได้เชิญบุคคลที่มีประสบการณ์และความรู้ในหลาย ๆ ด้าน และสมาชิกบ้านเลขที่ 111 มาร่วมงาน จัดตั้งเป็นองค์กร สถาบัน เพื่อนำความรู้ของแต่ละคนมาสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม โดยจะเสนอข้อคิดเห็น ข้อท้วงติงไปตามกลไกที่มีอยู่ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน และจะเสนอข้อคิดเห็นไปยังผู้นำรัฐบาลด้วย” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว


ต่อกรณีที่ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย เสนอให้แยกกลุ่มหาเสียง

เพราะเกรงว่าปัญหาการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจะกระทบต่อฐานเสียงในกรุงเทพฯ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ฐานเสียงในกรุงเทพฯ แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ และของพรรคเพื่อไทย แต่ก็จะมีกลุ่มที่อยู่ตรงกลางอีก 1 กลุ่ม ที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าพรรคไหนจะได้รับการสนับสนุน
“แม้จะมีเพียง 10% แต่ก็จะทำให้พรรคการเมืองชนะการเลือกตั้งได้ จึงเป็นเรื่องที่ ส.ส.กรุงเทพฯ ต้องหยิบยกมาพิจารณา เพราะฐานเสียงของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว


คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงข่าวการซื้อตัว ส.ส.เพื่อลงคะแนนให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554

หลังการปฏิวัติปี 2549 ทำให้ระบบสภาไทยอ่อนแอ ถอยหลังลงไปอีก 30 ปี ระบบพรรคการเมืองขาดความเข้มแข็ง จนทำให้มีการซื้อตัว ส.ส.ได้ง่าย และว่าการที่ยังคงใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ไม่สามารถคุมเสียง ส.ส. ทำให้ ส.ส.ลงคะแนนสวนมติพรรคได้ และเกิดเหตุการณ์นี้มาหลายครั้ง ดังนั้น จึงต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญในจุดนี้ เพื่อทำให้พรรคการเมืองกลับเข้าสู่วงจรที่เงินไม่สามารถซื้อตัว ส.ส.ได้


“การลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ครั้งนี้ จะเป็นตัวพิสูจน์ว่า เงินยังสามารถเดินเข้าสู่แวดวงการเมืองได้หรือไม่” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว และว่าไม่ทราบว่ามีการซื้อตัว ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือไม่ แต่ที่เป็นห่วง ไม่ใช่เฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง เนื่องจากมองว่าถ้าการเมืองยังสามารถใช้เงินซื้อได้ ก็จะมีการใช้เงินอย่างหนัก เมื่อมีการใช้เงินหนัก ก็จะนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่นสูง ทั้ง 2 ส่วนนี้จะมาพร้อมกัน สังเกตได้จากข่าวของกลุ่มคนที่ซื้อตัวกับกลุ่มคนที่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์