เจาะใจ ดาวเด่น สภาฯปี 54 ส.ส.รังสิมา ฝีปากกล้า

ณ เวลานี้คงไม่มีใครรู้จัก "รังสิมา รอดรัศมี" ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.สมุทรสงคราม

เพราะนอกจากจะมีบุคลิกที่โดดเด่นในสภาฯ ในการอภิปรายทุจริตถุงยังชีพที่ผ่านมาแล้ว ยังได้รับขนานนามว่าเป็นส.ส.ฝีปากกล้า คนหนึ่งก็ว่าได้

ล่าสุด "รังสิมา" เพิ่งได้รับฉายา "ดาวเด่น" ประจำสภาผู้แทนราษฎรปีนี้มาหมาดๆ ด้วยดีกรีส.ส. 4 สมัย แม้เจ้าตัวจะบอกว่า ยังไม่ได้ติดตามข่าว แต่ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง

นอกจากนี้ "รังสิมา" ยังได้รับให้คัดเลือกเป็นคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณอีกด้วย

ถึงอย่างนั้นก็ตาม หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักบทบาทของเธอ มากกว่านั้น อะไรที่เป็นเหตุทำให้คนที่รักในอาชีพพยาบาลมาเป็นส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้

จากบทบาทดังกล่าว "รังสิมา" ให้สัมภาษณ์กับ "มติชนออนไลน์" ว่า ดิฉันเป็นพยาบาลมา 20 ปี คนไข้เยอะ อีกอย่างคือทำคลอดมาเยอะ ทำให้คนที่เลือกเราส่วนใหญ่เป็นคนไข้ และคนที่คลอดกับเราก็ไปมีเขย สะใภ้ ก็ช่วยกันเลือกอีก พอมีลูกหลานก็มาช่วยเรา ทั้งนี้ คนแก่ที่มานอนโรงบาลก็บอกก่อนตายเลยว่าถ้า "หมอโอ๋" (ชาวบ้านเรียกว่าหมอ) ขอความช่วยเหลืออะไรก็ให้ช่วย ที่รู้เพราะปี 39 แล้วแพ้ ลูกคนที่ตายเขาบอกเราว่า ถ้าสู้อีกก็จะได้ 6 เสียงเหมือนเดิม เพราะก่อนแม่ตายได้สั่งไว้ว่าให้ช่วยหมอ เพราะหมอช่วยแม่ คือเขาเป็นโรคหัวใจล้มเหลว ท้องผูก เราก็ล้วง แม้เรากำลังกินข้าวอยู่ เราก็ล้วงได้ เขาเห็นเราก็ซึ้งใจ ล้วงเสร็จเขาก็มีความสุข กินได้ นอนหลับ

เราชอบช่วยเหลือคน ไม่คิดจะเล่นการเมือง เพราะเป็นพยาบาลบริการทุกอย่าง ไม่ว่าตัดเล็บ ตัดผม ขัดขี้ไคล ซ่อมเสื้อผ้า นวด ฯลฯ เมื่อเวลาว่างเราก็ทำได้ บางคนเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต นอนโรงพยาบาลนานเป็นปีก็ดูแลเขา

ชีวิตตั้งแต่เกิดมาลำบาก เพราะเป็นลูกคนจีน มักจะไม่ให้ลูกผู้หญิงเรียน เราก็อยากจะเรียน อีกอย่างเป็นลูกคนโต มีพี่น้องด้วยกัน 9 คน กว่าจะจบมส.3. ได้ยากมาก แต่อาศัยเรียนเก่ง (คณิตศาสตร์) ทั้งนี้ กลัวลำบากด้วยหากไม่ได้เรียน ต้องแอบทำการบ้านบนถุงกล้วยแขก เพราะสมัยก่อนก็ไม่มีแบบฝึกหัดขาย ตรุษจีนต้องพายเรือขายเครื่องไหว้เจ้า ชีวิตสู้มาก

คิดอยากเป็นทหารเรือ ก็เป็นไม่ได้เพราะวุฒิมส.3 เป็นได้แค่จ่า ต้องจบปริญญาตรี จึงหนีไปโรงเรียนประจำจังหวัด ไกลมาก
 
ตื่นสายต้องช้าไปอีก 1 ชั่วโมง ทางก็เป็นลูกรัง ไม่ทันกินข้าวเช้าบ้าง เราก็ต้องทน ตรงนั้นจึงทำให้เราแกร่ง แต่ก็ไม่ได้ครึ่งของแม่ พอจบมาก่อนจะไปสอบผู้ช่วยพยาบาลที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เรียน 1 ปี รับข้าราชการ 2 ปี ก็เรียนศึกษาผู้ใหญ่ไปด้วยจนจบ แล้วไปสอบเรียนพยาบาลที่จ.สมุทรสงคราม เพราะกลัวสู้เด็กกรุงเทพฯไม่ได้ เรียน 2 ปี ที่จ.นราธิวาส ได้วุฒิอนุปริญญารุ่นแรก ส่วนหนึ่งเราเรียนศึกษาผู้ใหญ่สายศิลป์ (วาดเขียน) จะเรียนหลักสูตร 4 ปีก็ไม่ไหว เมื่อเรียนจบเป็นพยาบาล ก็สอบชิงทุนได้ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) จนเรียนจบปริญญาตรีอีก 2 ปี

แล้วเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร?

จากการเรียนที่มอ.หาดใหญ่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเมือง ส.ส.รังสิมาเล่าให้ฟังว่า ตอนเรียนที่ใต้จะมีเพื่อนทุกจังหวัด เวลามีงานเขาก็จะพาเราไปดูการปราศรัยต่างๆ เราก็เห็นวัฒธรรมของเขา เขาไม่ดูหนังกลางแปลง เขาไปดูการปราศรัย บางครั้งปราศรัยจนถึงเช้าเลย คือเขาปลูกฝังตั้งแต่เด็ก เราก็ได้ซึมซับไปด้วย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นนักการเมือง เพราะแม่เราค้าขาย ไม่มีญาติคนไหนเป็นนักการเมืองเลยแม้แต่คนเดียว

อีกอย่างก็คือว่านักการเมืองบ้านเราจะเป็นได้ต้องเป็นลูกนักเลง ลูกมือปืน มีฐานเสียง แต่เรามาจากศูนย์ ยังไงก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อกลับมาทำงานใช้ทุน สิ่งที่จะเห็นคือ ตอนกลาวันจะมีเด็กมาเย็บแผลทุกวันเลย เนื่องจากเด็กเล่นสนามเด็กเล่นแล้วเจออุบัติเหตุ เพราะนักการเมืองโกง คือส.ส.แต่ก่อนจะได้งบฯ คนละ 20 ล้าน ให้ทำอะไรก็ได้ ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ แต่ส.ส.ต่างจังหวัดจะซื้ออุปกรณ์เด็กเล่นราคาถูกชุดละ 2 พัน แต่ให้ครูเซ็นต์รับชุดละ 2 หมื่น ถ้าของได้มาตรฐานก็จะไม่มีปัญหา เมื่อไม่ได้คุณภาพของเล่นจะกรอบ แตกเป็นปากฉลามแล้วโดนเด็ก โดนเสียบบ้าง อาจทำให้เสียชีวิตได้


เจาะใจ ดาวเด่น สภาฯปี 54 ส.ส.รังสิมา ฝีปากกล้า

"เห็นพฤติกรรมนักการเมืองก็เลยทนไม่ได้"

ตรงนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นเลย เราก็พูดกันเล่นๆ ว่า ทำไมนักการเมืองที่ชอบกินหินกินทราย และยังมากินกับเด็กอีก ทำไมมาทำร้ายเด็ก ลองเป็นลูกหลานนักการเมืองบ้างซิ  ก็คุยกันกับพยาบาลกับหมอว่า จะทำอย่างไรให้นักการเมืองที่ขี้โกงหมดไปจากประเทศไทย โกงแม้กระทั่งของเด็กเล่น รับไม่ได้ ถนนสร้างวัน 2 วันก็ทรุด เพื่อนพยาบาลก็เลยบอกว่า ให้ไปเป็นแทนแล้วจะแก้ได้ เราก็บอกว่าไม่มีความน่าจะเป็นเลย เพราะเราไม่มีตังค์และครอบครัวเราไม่ใช่นักการเมือง อีกอย่างก็คือ เราไม่มีอิทธิพลใดเลย เนื่องจากเป็นนักการเมืองต้องมีเงินซื้อเสียง พรรคอะไร อยู่ที่ไหน เราก็ไม่รู้จักใคร

บังเอิญปีนั้น (2539) ยุบสภาฯ แม่กลองไม่มีคนสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ จังหวะที่เราก็ไปรับปริญญารุ่นน้องที่มอ. และตอนที่เป็นนักศึกษาก็เป็นนักกิจกรรม เดินประท้วงเรื่องที่ไม่เป็นธรรมอยุ่ตลอด เพื่อนก็บอกว่าเราสู้ได้ เราก็บอกว่าไม่มีตังค์ เขาก็พาไปหาอดีตนายกฯชวน ท่านก็งง ถามว่ามีธุระอะไร ซักประวัติละเอียดเลย มีเงินกี่บาท มีใครในครอบครัวเป็นนักการเมืองบ้าง มีครอบครัวยัง ถ้าไม่มีก็โดนโจมตีเรื่องชู้สาวนะ และผู้หญิงไม่เล่นการเมืองเพราะอาย กลัวตาย

ก่อนจะบอกไปว่า "ลูกปืนหนูยังไม่กลัวเลย นับประสาอะไรกลัวโดนโจมตี" ก็เลยได้ลง

เราไม่รู้จักพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายหรือหาเสียงก็ไม่เป็น ครั้งแรกแพ้ 1,800 คะแนน แต่เราคิดว่าเราไม่แพ้ คือเรารู้ว่าประชาชนตอบรับเรา เชิญคนสอบตกไปร่วมเป็นประธานงานศพ รุ่งขึ้นเราก็เดินขอบคุณประชาชนและตั้งแต่นั้นมาก็เดิน 4 ปีเต็ม ไม่หยุด ตั้งใจว่า "ต้องชนะให้ได้"

เส้นทางการต่อสู้ ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกอย่าง ไปอยู่ที่ใต้ก็ยิงกันทั้งวันทั้งคืน ไม่กลัวตาย และการเมืองมีศัตรูโดยอัตโนมัติ พ่อแม่ไม่สนับสนุนให้เล่นการเมือง ไม่ช่วยหาเสียงเลย แม่ก็บอกเราว่า กลัวโดนยิงตายเสียก่อน เพราะเขากินกันอยู่ เราก็ไปขวางทุกเรื่อง ถามว่าการเมืองในพื้นที่รุนแรงหรือไม่นั้น รุนแรงนะ ไม่ว่าจะเลือกอะไร ผู้ใหญ่บ้าน อบต. กำนัน ก็ยิงกันตลอด

อะไรคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตทางการเมือง?

"ส.ส.นี่แหละสูงสุดแล้ว" ส.ส.รังสิมา ตอบ ก่อนจะเล่าว่า เราไม่เคยคาดหวัง เราภูมิใจแล้ว เราเป็นอะไรก็ได้ที่ทำงานให้ประเทศชาติ ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นรางวัล เราไม่ต้องการอะไรตอบแทน มีคนถามว่าไม่เหนื่อยเหรอ? เราก็บอกว่าไม่เหนื่อย บางทีเราก็ท้อบ้าง เพราะทำงานแล้วโดนด่า เราทำดีเขาไม่เห็น เราไม่โกงก็หาว่าเราโกง พูดก็ไม่เชื่อ เราก็สาบาน พระท่านก็บอกเราว่า ไม่มีใครรักเราหมด ปิดหูปิดตาบ้าง เอ่อ... ใช่ เราก็ทำด้วยใจบริสุทธิ์ ใครด่าเราไม่สน ใครโกงเราก็ด่าเขาได้

การเมืองบ้านเราถ้าเป็นแบบนี้ก็ถอยหลังลงคลอง เช่น ประชาชนในเยอรมันต้องลงขันให้เรา ถ้าอยากให้เราเป็นส.ส. เราไม่ต้องจ่ายให้เขา ในทางกลับกัน บ้านเราต้องเอาเงินไปให้เขาและต้องให้เรื่อยมา ไม่มีก็ไปโกงมาให้ ไม่งั้นสมัยหน้าก็ไม่ได้เป็นอีก สมัยนี้ซื้อเยอะมาก 5,000 บาท เหมาทั้งครอบครัวบ้าง ต่างจังหวัดกลับบ้านไปเลือกตั้งหมด เพราะได้เงิน แต่สมุทรสงครามเงินซื้อคนไม่ได้ พิสูจน์มาแล้วเมื่อเลือกตั้งส.ว. ที่ผ่านมา ไม่ใช้เงินเลยแต่คนก็เลือก

"ส.ส.รังสิมา ไม่เคยให้เงินใครเลยแม้แต่บาทเดียว"


ในจังหวัดสมุทรสงคราม ใครจะไปจะมาไม่เป็นไร ทำของใครของมัน ประสานกันได้ เราจะไม่เข้าไปหาเขา เดี๋ยวเขาโดนหาว่าฝักใฝ่เรา ก็จะโดนเด้งไปไกลอีก เราก็บอกข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ที่มาอยู่ว่า ทำให้สบายเลย เราไม่แตะ ไม่ก้าวก่าย แต่ทุจริตไม่ได้ ต้องเจอฉัน ใครมีข้อมูลก็บอกเรา

ดิฉันเป็นส.ส. ไม่เคยให้เงินใคร ไปงานศพไม่เคยใส่เงิน ใครได้เงินรังสิมาต้องไปไว้บนหิ้ง เราตกลงกับสว. ในจังหวัด นักการเมืองท้องถิ่นไว้เลย หรือถ้านักการเมืองท้องถิ่นถ้าจะวางหรีดในนามเรา 1.จะต้องไม่ซื้อเสียง 2.ไม่วางพวงหรีดใดๆ เลย เหตุเพราะวันหนึ่งตาย 30 กว่าศพ ถ้าวางต้องโกงแน่นอน หรือถ้าจะวางก็ไม่ไหวอยู่ดี  3.คือห้ามช่วยงาน เพราะๆงานละ 100 วันหนึ่ง 30 งานก็ไม่ไหว สุดท้ายคือต้องไม่โกง เพราะเราก็ตามดูได้ ไม่ต้องถึงมือประชาชน เราจะกระทืบก่อนคนเรก

กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านโดนชาวบ้านเผาโลงหน้าศาลากลาง เพราะเราไปเป็นแกนนำชาวบ้านต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน เขาเอาเช็คมาให้เรา เขาบอกว่าจะเอาเท่าไหร่ให้บอก แต่ต้องไม่ไปเป็นแกนนำในการต่อต้าน เราบอกว่า เราไม่ใช่กะหรี่การเมืองนะ ที่จะมานั่งรับเงินแล้วปิกปากเรา แต่เราเป็นคนที่นี่ ถ้าสร้าง ประชาชนตายอย่างเดียว ถ้าเราอยากได้เงินไม่ต้องรับเช็ค เพราะว่าสมัยนั้นมีพรรคการเมืองมาซื้อเราตั้ง 40 ล้าน ให้เราไปอยู่ด้วย ฉันก็บอกว่า "ฉันไม่ใช่กะหรี่การเมือง" เรามีอุดมการณ์ของเรา ไม่ใช่ว่าเงินจะซื้อเราได้

"ถ้าเงินซื้อเราได้ เราก็ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ให้ยกมือก็ต้องยก ให้ยกตีนก็ต้องยก ไม่ใช่ความภาคภูมิใจของเรา ให้เรายกมือให้คนไปโกงประเทศ เราต้องสร้างบรรทัดฐานของเรา เรามีจุดยืน เราไม่กลัวตก มีคนบอกว่าเราได้เป็นทุกสมัย เพราะเราไม่กลัวตก เราไม่ได้เป็นส.ส. เราก็ไปเป็นอย่างอื่นได้" ส.ส.รังสิมา กล่าว

คนเดียว 2 บุคลิก ไม่ใช่ผิดเพราะเป็นผู้หญิง

นอกจากนี้ ส.ส.รังสิมา ยังกล่าวอีกว่า เราเป็นพยาบาลก็อีกบุคคลิกหนึ่ง ต้องเรียบร้อย นิ่มนวล รอบคอบ แต่พอมาเป็นนักการเมือง ถ้าเป็นแบบนั้นก็ถูกยิงตายก่อน เราต้องเปลี่ยนบุคลิก เป็นนักสู้ ถ้าเรานิ่มชาวบ้านก็พึ่งพาเราไม่ได้ เขาก็ไม่เลือกเรา เราต้องพิสูจน์ว่าเขาพึ่งเราได้ ช่วยได้ เลือกผู้ชายมาเยอะแล้ว ลองเลือกผู้หญิงบ้าง ถ้าเราไม่เป็นแบบอย่าง ต่อไปก็ไม่มีใครสู้

เราก็คิดว่า การที่นายกฯ เป็นผู้หญิงน่าจะเปลี่ยนแปลงการเมืองให้ดีขึ้น ผู้หญิงต้องไม่โกง ไม่กลัว การที่ผู้หญิงอยู่กับบ้านไม่ใช่อีกต่อไป ต้องเปลี่ยน มีคนบอกว่ารังสิมาลงส.ส.จะไม่เลือก เพราะผู้หญิงต้องเป็นช้างเท้าหลัง ก็เลยบอกไปว่า เพราะคิดแบบนี้ไงบ้านเมืองถึงไม่เจริญ ต้องคิดใหม่ซิ ผู้หญิงทำงานดีกว่าผู้ชาย (บางคน) อีก ผู้หญิงละเอียด อาจจะไม่โกงด้วยเพราะกลัว ถ้าไม่ดี คราวหน้าไม่ต้องเลือก

ทั้งนี้ การที่นายกฯ เป็นผู้หญิงนั้น ก็ถือว่าอยู่ในช่วงทดลอง ให้เวลาเท่าไหร่ก็แล้วแต่ประชาชน แต่ดิฉันไม่ได้ให้ เพราะดูแล้วผิดๆ ถูกๆ พูดผิดบ่อย ทำให้ความเชื่อมั่นไม่มี เราเป็นผู้หญิงก็อายด้วย ต้องมีความรับผิดชอบนะ ไม่ใช่บอกว่าผิดเพราะเป็นผู้หญิง ผิดแล้วโทษคนอื่น ไม่ใช่ ถ้าเป็นดิฉันลาออกแล้ว ต้องรับผิดชอบ นักการเมืองไทยส่วนใหญ่หน้าหนาไง ถึงจับได้ก็ยังไม่ยอมลาออก สังเกตุซิ

อย่างไรก็ตาม การเป็นผู้นำเราต้องเป็นตัวของตัวเอง อย่าให้ใครมาชี้นำ ต้องเด็ดขาด ฟันธง ผิดต้องยอมรับผิด ผิดบ่อยความเชื่อมั่นของต่างชาติก็จะหมดไป ที่สำคัญอย่าให้คนอื่นมาชี้นำ การที่จะให้ประเทศปรองดองนั้น เราเป็นผู้หญิงได้เปรียบทุกอย่างอยู่แล้ว

ทั้งหมดนี้ คือตัวตนของส.ส. ผู้มีนามว่า "รังสิมา"


ส่วนความสามารถในการอภิปราย หรือเบื้องหลังในการแฉการทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพจะมันเพียงใดนั้น


ต้องติดตามในตอนต่อไป ...


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์